“จงรัก” เริ่มประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ระดมมันสมองทั้งฝ่ายสืบสวน-ปราบปราม เร่งตามจับไอ้เลวกระหน่ำยิง “สนธิ” เต็มที่ ด้าน ผกก.สน.ชนะสงคราม มั่นใจในเร็วๆ นี้จะลากคอมือลั่นไกมาเผยโฉมดำเนินคดีได้ ขณะที่เจ้าของรถกระบะต้องสงสัยโผล่ยันความบริสุทธิ์กับตำรวจแล้ว
วันนี้ (18 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทั้งฝ่ายสืบสวนและปราบปราม เพื่อแบ่งหน้าที่ตรวจสอบพยานหลักฐานและพยานแวดล้อม กรณีที่คนร้ายขับขี่รถกระบะประกบยิงรถนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้รับบาดเจ็บ เมื่อวานที่ผ่านมา
ด้าน พ.ต.อ.ขิง แขวงวิเศษชัยชาญ ผู้กำกับ สน.ชนะสงคราม กล่าวยืนยันว่า ในเร็ววันนี้จะสามารถจับตัวผู้ก่อเหตุได้อย่างแน่นอน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานทั้งพยานแวดล้อมและภาพจากกล้อง CCTV ในพื้นที่ละแวกใกล้เคียง
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นายอนุรักษ์ พุดซ้อน เจ้าของรถกระบะอีซูซุ สีบรอนซ์ทอง ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับภาพได้ตามกล้องวงจรปิด กรณีรถต้องสงสัยตามประกบยิงนายสนธิ ได้เข้าติดต่อกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ชนะสงคราม เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
โดยนายอนุรักษ์ กล่าวว่า ที่ตนเดินทางมาในวันนี้เนื่องจากคิดว่ารถของตนเองอยู่ในกล้องวงจรปิด และเป็นผู้ก่อเหตุ โดยยืนยันว่าช่วงเกิดเหตุตนกับมารดาขับรถกระบะไปส่งไข่ไก่ที่ตลาดบางลำพูในช่วงเช้ามืดเป็นประจำทุกวัน โดยไม่เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้ยินเพียงเสียงปืนดังขึ้น 2-3 นาที ก่อนจะเงียบไป และไม่เห็นผู้เข้าก่อเหตุด้วย
นายอนุรักษ์ได้ขับรถกระบะคันดังกล่าวมาที่ สน.ชนะสงคราม เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบ ซึ่งรถกระบะคันดังกล่าวติดสติกเกอร์หน่วยแพทย์กู้ชีพ และไซเรน
อย่างไรก็ตาม เมื่อวานนี้ (17 เม.ย.) พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ได้ประชุมนายตำรวจระดับผู้ใหญ่ เพื่อเน้นย้ำในเรื่องความปลอดภัยของ นายสนธิ ลิ้มทองกุล เนื่องจากมีกลุ่มผู้ไม่หวังดีลอบทำร้าย คาดว่าคนร้ายลงมือไม่สำเร็จ อาจจะกลับมาก่อเหตุซ้ำ ซึ่งทางนครบาลก็ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไปดูแลความปลอดภัยของนายสนธิอย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกัน ได้แต่งตั้งให้ พล.ต.ท.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร.และ พล.ต.ท.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ลงมากับกำดูแลคดีดังกล่าวด้วย
ขณะเดียวกัน ได้กำชับให้ตำรวจบังคับใช้กฎหมายให้เข้มข้นขึ้นต่อกลุ่มผู้ชุมนุม เนื่องจากที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่หลายคนไม่มั่นใจว่า เมื่อดำเนินการไปแล้วมีกฎหมายรองรับในการกระทำนั้นหรือไม่ โดยขณะนี้กำลังถูก ป.ป.ช.ตรวจสอบในเรื่องนี้อยู่ ดังนั้น ทาง ผบ.ตร.ได้ยื่นเรื่องนี้เสนอกฎหมายให้ทางรัฐบาลพิจารณา เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมีความมั่นใจในอำนาจหน้าที่ในการควบคุมการชุมนุมต่อไป
วันนี้ (18 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทั้งฝ่ายสืบสวนและปราบปราม เพื่อแบ่งหน้าที่ตรวจสอบพยานหลักฐานและพยานแวดล้อม กรณีที่คนร้ายขับขี่รถกระบะประกบยิงรถนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้รับบาดเจ็บ เมื่อวานที่ผ่านมา
ด้าน พ.ต.อ.ขิง แขวงวิเศษชัยชาญ ผู้กำกับ สน.ชนะสงคราม กล่าวยืนยันว่า ในเร็ววันนี้จะสามารถจับตัวผู้ก่อเหตุได้อย่างแน่นอน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานทั้งพยานแวดล้อมและภาพจากกล้อง CCTV ในพื้นที่ละแวกใกล้เคียง
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นายอนุรักษ์ พุดซ้อน เจ้าของรถกระบะอีซูซุ สีบรอนซ์ทอง ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับภาพได้ตามกล้องวงจรปิด กรณีรถต้องสงสัยตามประกบยิงนายสนธิ ได้เข้าติดต่อกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ชนะสงคราม เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
โดยนายอนุรักษ์ กล่าวว่า ที่ตนเดินทางมาในวันนี้เนื่องจากคิดว่ารถของตนเองอยู่ในกล้องวงจรปิด และเป็นผู้ก่อเหตุ โดยยืนยันว่าช่วงเกิดเหตุตนกับมารดาขับรถกระบะไปส่งไข่ไก่ที่ตลาดบางลำพูในช่วงเช้ามืดเป็นประจำทุกวัน โดยไม่เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้ยินเพียงเสียงปืนดังขึ้น 2-3 นาที ก่อนจะเงียบไป และไม่เห็นผู้เข้าก่อเหตุด้วย
นายอนุรักษ์ได้ขับรถกระบะคันดังกล่าวมาที่ สน.ชนะสงคราม เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบ ซึ่งรถกระบะคันดังกล่าวติดสติกเกอร์หน่วยแพทย์กู้ชีพ และไซเรน
อย่างไรก็ตาม เมื่อวานนี้ (17 เม.ย.) พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ได้ประชุมนายตำรวจระดับผู้ใหญ่ เพื่อเน้นย้ำในเรื่องความปลอดภัยของ นายสนธิ ลิ้มทองกุล เนื่องจากมีกลุ่มผู้ไม่หวังดีลอบทำร้าย คาดว่าคนร้ายลงมือไม่สำเร็จ อาจจะกลับมาก่อเหตุซ้ำ ซึ่งทางนครบาลก็ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไปดูแลความปลอดภัยของนายสนธิอย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกัน ได้แต่งตั้งให้ พล.ต.ท.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร.และ พล.ต.ท.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ลงมากับกำดูแลคดีดังกล่าวด้วย
ขณะเดียวกัน ได้กำชับให้ตำรวจบังคับใช้กฎหมายให้เข้มข้นขึ้นต่อกลุ่มผู้ชุมนุม เนื่องจากที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่หลายคนไม่มั่นใจว่า เมื่อดำเนินการไปแล้วมีกฎหมายรองรับในการกระทำนั้นหรือไม่ โดยขณะนี้กำลังถูก ป.ป.ช.ตรวจสอบในเรื่องนี้อยู่ ดังนั้น ทาง ผบ.ตร.ได้ยื่นเรื่องนี้เสนอกฎหมายให้ทางรัฐบาลพิจารณา เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมีความมั่นใจในอำนาจหน้าที่ในการควบคุมการชุมนุมต่อไป