รถถังตรึงกำลังรักษาพระนคร!

วันนี้ (12 เม.ย.) ที่บริเวณหน้ากระทรวงการต่างประเทศ ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีรถถังมาประจำเพื่อรักษาสถานการณ์ 1 คัน และที่หน้ากรมทางหลวงอีก 1 คัน โดยเมื่อรถถังทั้ง 2 คันมาจอด มีบรรดาโชเฟอร์แท็กซี่และบรรดาผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์มาจอดสอบถาม จากนั้นพากันตะโกนด่าทหาร โดยรถแท็กซี่สีฟ้า โตโยต้าอัลติส ทะเบียน ทม-1803 กทม. ขับเข้าไปจอดเทียบรถถังและโชเฟอร์ลงจากรถไปชี้หน้าด่าทหารที่ขับรถถังออกมา จากนั้น โชเฟอร์คนดังกล่าว ขับรถกลับไปยังรถถังที่จอดอยู่ที่หน้ากระทรวงการต่างประเทศ แล้วลงไปด่าทอทหารที่ขับรถมาเช่นกัน โดยระบุว่า จะเสี่ยงกับแท็กซี่หรือ เพราะแท็กซี่มีแก๊งเต็มถัง หากพุ่งชนจะเกิดอะไรขึ้น

ต่อมา เมื่อเวลา 16.00 น. มีกลุ่มคนเสื้อแดงประมาณ 50 คน นำรถแท็กซี่รวม 10 คัน ไปช่วยกันปิดล้อมรถถังทั้ง 2 คันไว้ โดยระบุว่า จะไม่ยอมให้รถถังทั้ง 2 คันเคลื่อนออกไปไหน

พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก เผยกับเอเอสทีวีว่า ขณะนี้มีการนำรถถังและรถหุ้มเกราะเข้าดูแลความสงบในพื้นที่กทม.มากกว่า 50จุด และในพื้นที่ส่วนอื่นๆ ตามจุดที่รัฐบาลได้ประกาศพรก.ฉุกเฉินไว้ ซึ่งเรื่องนี้เป็นคำสั่งที่รัฐบาลให้นโยบายดูแลความสงบเรียบร้อย

พ.อ.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า ต้องเข้าใจว่าที่ผ่านมา ทหารและตำรวจพยายามที่จะหลีกเลี่ยงความรุนแรงมาโดยตลอด แต่ผู้ชุมนุมก็กระทำการผิดกฎหมายมาโดยตลอด

“ฝากวิงวอนกับผู้ชุมนุมว่า ถ้าท่านไม่รุนแรงกับเจ้าหน้าที่ก็ไม่มีปัญหาอะไร การทำตัวเฉยๆ ก็ไม่มีปัญหาอะไรเจ้าหน้าที่ก็ทำอะไรท่านไม่ได้ อย่าให้ผิดกฎกติกา”

พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า วิธีนี้เป็นวิธีการปรามวิธีหนึ่ง หากผุ้ชุมนุมไม่ปฎิบัติความรุนแรงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร ก็ไม่มีอะไร แต่ถ้าปฏิบัติรุนแรงก็จำเป็นจะต้องมีการปราบปราม อย่างไรก็ตาม จะต้องมีการประเมินสถานการณ์อีกครั้ง ในขณะนี้เพียงแต่ตรึงกำลังในจุดสำคัญๆไม่ให้เกิดความรุนแรงก่อน

นอกจากนั้น พ.อ.สรรเสริญ ยอมรับว่า ตอนนี้ ได้รับรายงานว่ามีผู้ชุมนุมพยายามจะเข้าไปสร้างความวุ่นวายในหลายจุดที่มีทหารเข้าดูแลความสงบ อย่างเช่นที่ประตูน้ำ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะพยายามไม่ให้เกิดความรุนแรง