เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่เมืองพัทยา ขณะรถขบวนนายกรัฐมนตรีติดสัญญาณไฟจราจร และถูกกลุ่มคนเสื้อแดง รุมกันเข้าทุบรถ ขว้างปาสิ่งของใส่ จนรถได้รับความเสียหาย แต่ยังโชคดีที่ตัวนายกรัฐมนตรีไม่ได้รับบาดเจ็บ หรือเป็นอะไรไป ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว สะท้อนให้เห็นว่า การรักษาความปลอดภัยให้กับผู้นำประเทศนั้นมีมาตรฐานแค่ไหน?
ต้องบอกเสียก่อนว่า ไม่ว่านายกรัฐมนตรีจะเป็นใคร การอารักขาความปลอดภัยต้องมีมาตรฐานเดียวกัน ไม่เฉพาะแต่นายกรัฐมนตรีที่ชื่ออภิสิทธิ์เท่านั้น แม้แต่อดีตนายกรัฐมนตรีอย่างนายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ก็ต้องมีมาตรฐานเดียวกัน นั่นคือ ความปลอดภัยต้องสูงสุด
การที่กลุ่มคนเสื้อแดง แอบซุ่มและเข้าไปรุมล้อมรถนายกรัฐมนตรี โดยมีตำรวจไม่กี่นายคอยห้ามปราม แต่ก็ทำอะไรมากไม่ได้นั้น ตำรวจท้องที่ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่คือสภ.เมืองพัทยา สังกัดกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี จึงปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้
สภ.เมืองพัทยา ภายใต้การกำกับดูแลของ พ.ต.อ.ดร.สรายุทธ สงวนโภคัย ผกก.สภ.เมืองพัทยา พ.ต.ท.ชนพัฒน์ นวลักษณ์ รอง ผกก.(สส.) พ.ต.ท.สุธรรม ชาวศรีทอง รอง ผกก.(ปป.) พ.ต.ต.วิทยา ยืนยง สวป. พ.ต.ต.เฉลิมศักดิ์ เถียรทองศรี สว.สส. พ.ต.ต.อภิชนันท์ วัฒนวรางกูร สว.สป. และ พ.ต.ต.พิเชษฐ์ แสงส่ง สว.จร. นายตำรวจระดับผู้บังคับบัญชาทั้งหมดนี้ ทำอะไรกันอยู่ จึงปล่อยให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นได้
มีรายงานระบุว่า เมื่อนายกรัฐมนตรี จะเดินทางออกจากโรงแรมรอยัลคลิฟ บีช รีสอร์ท พัทยา นายกรัฐมนตรี ได้สอบถามว่า ม็อบไปกันหมดหรือยัง และเมื่อได้รับการยืนยันจากตำรวจว่า ไปหมดแล้ว นายกรัฐมมนตรี จึงเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า รายงานข่าวยังแจ้งอีกว่า เมื่อนายกรัฐมนตรี กำลังจะเดินทางออกจากโรงแรม มีตำรวจเสื้อแดงบางนาย วิทยุบอกพรรคพวกเดียวกันว่า นายกฯกำลังจะออกไป เรียกว่า เป็นการรายงานความเคบลื่อนไหวของนายกรัฐมนตรีทุกระยะ แต่ไม่ใช่การรายงานในเรื่องที่เกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัย!
มีคำถามว่า ทำไมรถขบวนของนายกรัฐมนตีรีจึงต้องไปติดสัญญาไฟจรราจร ข้อเท็จจริงที่ต้องยอมรับกัน เพราะอย่าว่าแต่นายกรัฐมนตรีเลย แม้แต่คนระดับผู้บังคับการจังหวัด(ผู้การ) เดินทางไปไหนมาไหนในจังหวัด ตำรวจท้องที่ ก็ต้องอำนวยความสะดวกในเรื่องการจราจรให้อยู่แล้ว แต่เหตุไฉน รถขบวนอย่างคนระดับนายกรัฐมนตรีของประเทศจึงได้ไปติดสัญญาณไฟจราจรตรงนั้น และเกิดเหตุการณ์ขึ้น คำถามข้อนี้ ไม่มีคำตอบ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทีมงานอารักขานายกรัฐมนตี ยังใจเย็นกันพอสมควรที่จะพยายามเข้าระงับเหตุ และไม่ได้ใช้ความรุนแรง แต่ที่สงสัยคือ ตำรวจสภ.พัทยา มันหายหัวไปไหนกันหมด ทั้งที่รู้และต้องเป็นผู้กำหนดเส้นทางการเดินทางกลับของขบวนนายกรัฐมนตรีเองด้วย ย่อมต้องรู้ดีว่า ตามรายทางควรจะมีแผนปฏิบัติการกันอย่างไร อีกทั้ง เมื่อหลังเกิดเหตุไปแล้ว ตอนดึก ตำรวจจับกุมตัวผูขับขี่รถจักรยานยนต์ ที่อ้างข้างๆคูๆว่า รถนายกฯไปชนรถของเขาเอง โดยนำตัวมาโรงพักแล้ว ยังกลับปล่อยให้ชายเสื้อแดงคนดังกล่าวแอบหนีไปได้หน้าตายเฉย ด้วยอุบายง่ายๆว่าไปเข้าห้องน้ำ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว พล.ต.ท.อัศวิน ณรงค์พันธุ์ ผบช.ภ. 2 ยังจะเลี้ยงไว้ให้เสวยสุขกันอยู่ที่โรงพักระดับเกรดเอ อย่างเมืองพัทยาอยู่อีกหรือ
เรื่องแบบนี้ ฟันธงได้เลยว่า ตำรวจสภ.พัทยา วางยาให้กับ พล.ต.ท.อัศวิน ณรงค์พันธุ์ ผบช.ภ.2 พล.ต.ต.นิวัฒน์ รัตนาธรรมวัฒน์ รองผบช.ภ.2 รับผิดชอบดูแลจังหวัดชลบุรี และพล.ต.ต.บัณฑิต คุณจักร์ ผบก.ชลบุรี ให้ได้ใช้เท้านอนก่ายหน้าผากเล่นตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา จังซี่(อย่างนี้)...มันต้องถอน... ถอนยวงล้างบางกันให้หมดโรงพัก ปล่อยไว้ก็รั้งแต่จะทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสื่อมเสียลงไปอีก นี่ขนาดเลือกคนเป็นถึงดอกเตอร์ จบปริญญาเอกไปเป็นผู้กำกับโรงพักแล้ว ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของนายกรัฐมนตรียังไม่มี แล้วประชาชนจะไปหวังพึ่งใครได้อีก(ว่ะ)
ต้องบอกเสียก่อนว่า ไม่ว่านายกรัฐมนตรีจะเป็นใคร การอารักขาความปลอดภัยต้องมีมาตรฐานเดียวกัน ไม่เฉพาะแต่นายกรัฐมนตรีที่ชื่ออภิสิทธิ์เท่านั้น แม้แต่อดีตนายกรัฐมนตรีอย่างนายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ก็ต้องมีมาตรฐานเดียวกัน นั่นคือ ความปลอดภัยต้องสูงสุด
การที่กลุ่มคนเสื้อแดง แอบซุ่มและเข้าไปรุมล้อมรถนายกรัฐมนตรี โดยมีตำรวจไม่กี่นายคอยห้ามปราม แต่ก็ทำอะไรมากไม่ได้นั้น ตำรวจท้องที่ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่คือสภ.เมืองพัทยา สังกัดกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี จึงปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้
สภ.เมืองพัทยา ภายใต้การกำกับดูแลของ พ.ต.อ.ดร.สรายุทธ สงวนโภคัย ผกก.สภ.เมืองพัทยา พ.ต.ท.ชนพัฒน์ นวลักษณ์ รอง ผกก.(สส.) พ.ต.ท.สุธรรม ชาวศรีทอง รอง ผกก.(ปป.) พ.ต.ต.วิทยา ยืนยง สวป. พ.ต.ต.เฉลิมศักดิ์ เถียรทองศรี สว.สส. พ.ต.ต.อภิชนันท์ วัฒนวรางกูร สว.สป. และ พ.ต.ต.พิเชษฐ์ แสงส่ง สว.จร. นายตำรวจระดับผู้บังคับบัญชาทั้งหมดนี้ ทำอะไรกันอยู่ จึงปล่อยให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นได้
มีรายงานระบุว่า เมื่อนายกรัฐมนตรี จะเดินทางออกจากโรงแรมรอยัลคลิฟ บีช รีสอร์ท พัทยา นายกรัฐมนตรี ได้สอบถามว่า ม็อบไปกันหมดหรือยัง และเมื่อได้รับการยืนยันจากตำรวจว่า ไปหมดแล้ว นายกรัฐมมนตรี จึงเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า รายงานข่าวยังแจ้งอีกว่า เมื่อนายกรัฐมนตรี กำลังจะเดินทางออกจากโรงแรม มีตำรวจเสื้อแดงบางนาย วิทยุบอกพรรคพวกเดียวกันว่า นายกฯกำลังจะออกไป เรียกว่า เป็นการรายงานความเคบลื่อนไหวของนายกรัฐมนตรีทุกระยะ แต่ไม่ใช่การรายงานในเรื่องที่เกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัย!
มีคำถามว่า ทำไมรถขบวนของนายกรัฐมนตีรีจึงต้องไปติดสัญญาไฟจรราจร ข้อเท็จจริงที่ต้องยอมรับกัน เพราะอย่าว่าแต่นายกรัฐมนตรีเลย แม้แต่คนระดับผู้บังคับการจังหวัด(ผู้การ) เดินทางไปไหนมาไหนในจังหวัด ตำรวจท้องที่ ก็ต้องอำนวยความสะดวกในเรื่องการจราจรให้อยู่แล้ว แต่เหตุไฉน รถขบวนอย่างคนระดับนายกรัฐมนตรีของประเทศจึงได้ไปติดสัญญาณไฟจราจรตรงนั้น และเกิดเหตุการณ์ขึ้น คำถามข้อนี้ ไม่มีคำตอบ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทีมงานอารักขานายกรัฐมนตี ยังใจเย็นกันพอสมควรที่จะพยายามเข้าระงับเหตุ และไม่ได้ใช้ความรุนแรง แต่ที่สงสัยคือ ตำรวจสภ.พัทยา มันหายหัวไปไหนกันหมด ทั้งที่รู้และต้องเป็นผู้กำหนดเส้นทางการเดินทางกลับของขบวนนายกรัฐมนตรีเองด้วย ย่อมต้องรู้ดีว่า ตามรายทางควรจะมีแผนปฏิบัติการกันอย่างไร อีกทั้ง เมื่อหลังเกิดเหตุไปแล้ว ตอนดึก ตำรวจจับกุมตัวผูขับขี่รถจักรยานยนต์ ที่อ้างข้างๆคูๆว่า รถนายกฯไปชนรถของเขาเอง โดยนำตัวมาโรงพักแล้ว ยังกลับปล่อยให้ชายเสื้อแดงคนดังกล่าวแอบหนีไปได้หน้าตายเฉย ด้วยอุบายง่ายๆว่าไปเข้าห้องน้ำ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว พล.ต.ท.อัศวิน ณรงค์พันธุ์ ผบช.ภ. 2 ยังจะเลี้ยงไว้ให้เสวยสุขกันอยู่ที่โรงพักระดับเกรดเอ อย่างเมืองพัทยาอยู่อีกหรือ
เรื่องแบบนี้ ฟันธงได้เลยว่า ตำรวจสภ.พัทยา วางยาให้กับ พล.ต.ท.อัศวิน ณรงค์พันธุ์ ผบช.ภ.2 พล.ต.ต.นิวัฒน์ รัตนาธรรมวัฒน์ รองผบช.ภ.2 รับผิดชอบดูแลจังหวัดชลบุรี และพล.ต.ต.บัณฑิต คุณจักร์ ผบก.ชลบุรี ให้ได้ใช้เท้านอนก่ายหน้าผากเล่นตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา จังซี่(อย่างนี้)...มันต้องถอน... ถอนยวงล้างบางกันให้หมดโรงพัก ปล่อยไว้ก็รั้งแต่จะทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสื่อมเสียลงไปอีก นี่ขนาดเลือกคนเป็นถึงดอกเตอร์ จบปริญญาเอกไปเป็นผู้กำกับโรงพักแล้ว ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของนายกรัฐมนตรียังไม่มี แล้วประชาชนจะไปหวังพึ่งใครได้อีก(ว่ะ)
