คนร้ายบุกฆ่าชิงโทรศัพท์มือถือสาวใหญ่เจ้าของมินิมาร์ทใต้คอนโดฯ ย่านพระราม 2 ดับคาร้านกลางดึก กว่าลูกสาวจะมาพบเป็นศพก็เช้าแล้ว ตำรวจเร่งหาหลักฐานคลี่คลายคดี
วันนี้ (11 เม.ย.) เมื่อเวลา 09.00 น. ร.ต.อ.ชำนาญ พุฒเครือ ร้อยเวร สน.บางมด ได้รับแจ้งเหตุฆ่าชิงทรัพย์ ในร้านมินิชอพซักอบรีดและมินิมาร์ท ตั้งอยู่เลขที่ 61/2 ใต้ถุนคอนโดมิเนียมชัยกูลทาวเวอร์ ถนนพระราม 2 (ซอย 30) แขวงบางมด เขตจอมทอง กทม.จึงรีบรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.เศรษฐศักดิ์ ยิ้มเจริญ ผกก.สน.บางมด พ.ต.ท.พิพัฒน์ บุญเพชร์ รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.ชโลธร วัฒนะโชติ สว.สป. กำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุมีลักษณะเป็นมินิมาร์ทและเปิดให้บริการเป็นร้านซักรีด จากการตรวจสอบบริเวณทางเดินโซนวางสินค้าด้านในร้านพบศพ นางทัศนา แซ่ตั้ง อายุ 53 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของ พักอยู่ห้องเลขที่ 97/324 ชั้น11 ของคอนโดมิเนียมดังกล่าว สภาพศพนอนหงาย สวมชุดนอนสีแดงลายดอก มีผ้าบางสีขาวพาดคอเอาไว้ ที่เท้าทั้ง 2 ข้างสวมถุงเท้าสีน้ำตาล ตามร่างกายมีร่องรอยคล้ายถูกตีด้วยของแข็งเข้าที่ดั้งจมูกจนเป็นบาดแผลยาวประมาณ 2 เซนติเมตร แพทย์สันนิษฐานว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่เกิน 8 ชั่วโมง
จากการตรวจหาหลักฐานในที่เกิดเหตุไม่พบร่องรอยการต่อสู้หรือรื้อค้นทรัพย์สิน ที่ประตูทางเข้าร้านก็ไม่มีรอยถูกงัดแงะ แม้หน้าต่างร้านซึ่งเป็นกระจกบานเลื่อนด้านบนตู้แช่เครื่องดื่มจะถูกเปิดไว้แต่ก็มีฝุ่นเกาะหนาเช่นเดิมไม่พบร่องรอยมือหรือรอยเท้าผู้ต้องสงสัยปีนเข้ามาลบล้างฝุ่นไปแต่อย่างใด เบื้องต้นทราบเพียงว่าโทรศัพท์มือถือยี่ห้อโนเกียรุ่นเก่า จอขาวดำ ซึ่งเป็นของผู้ตายได้สูญหายไปจำนวน 2 เครื่อง เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานจึงได้ทำการเก็บรอยนิ้วมือแฝงของคนร้ายและรวบรวมข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวของผู้ตายไปทำการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
จากการสอบสวน น.ส.ศิริประภา พัฒนฤดี อายุ 21 ปี นักศึกษาคณะนิติศาสตร์ ชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ลูกสาวผู้ตายซึ่งพบศพคนแรกให้การว่า เมื่อช่วงเช้าตนนอนอยู่ให้ห้อง บนคอนโดฯ พอตื่นขึ้นมาก็ไม่พบหน้าแม่ ประกอบกับคุณพ่อซึ่งป่วยเป็นอัมพาตก็บอกว่าแม่ยังไม่กลับมานอนตั้งแต่เมื่อคืนนี้ จึงรีบลงมาที่ร้านเพื่อตรวจสอบพบว่าประตูกระจกด้านนอก และประตูเหล็กด้านในถูกเลื่อนลงมาปิดล็อกไว้ทั้งหมด ทีแรกคิดว่าแม่นอนอยู่ในร้านแต่เรียกเท่าไหร่ก็ไม่มีเสียงตอบ จึงตัดสินใจกระชากประตูกระจกเลื่อนด้านข้างซึ่งเป็นร้านซักอบรีด ที่ทะลุถึงกันได้เข้าไปตรวจสอบพบว่าแม่กลายเป็นศพไปเสียแล้ว
น.ส.ศิริประภา กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาเคยมีคนร้ายปีนเข้าร้านมาขโมยบัตรเติมเงินไปได้ครั้งหนึ่ง แต่จำนวนไม่มาก แม่ตนจึงต้องนอนเฝ้าอยู่เป็นประจำ ปกติแม่ตนจะเป็นคนตรงเวลามาก ทุกๆ วันจะตื่นขึ้นมาเปิดร้านช่วง 07.00 น. และปิดไม่เกิน 23.00 น. หลังปิดร้านก็จะนอนอยู่ด้านในเพื่อรอน้ำแข็งมาส่งเวลา 05.00 น.ของวันใหม่ จากนั้นก็จะขึ้นไปบนห้องเพื่อพักผ่อนอีกเล็กน้อยหรือทำกับข้าวให้พ่อตนกิน ถ้าต้องออกไปซื้อของก็สามารถขับรถยนต์ไปเองได้ เพราะสุขภาพร่างกายยังแข็งแรงดีไม่มีโรคประจำตัวแต่อย่างใด ซี่งตนสามารถยืนยันว่าเมื่อวานนี้ ยังเห็นโทรศัพท์มือถือทั้งเครื่องส่วนตัว และเครื่องที่แม่ใช้เติมเงินออนไลน์ให้ลูกค้า รวม 4 เครื่อง วางอยู่บนโต๊ะ แต่พอมาพบศพปรากฏว่า หายไปจำนวน 2 เครื่อง พยายามโทรติดต่อไปแล้วก็ติดต่อไม่ได้ แต่ทำไมคนร้ายจึงไม่ทิ้งร่องรอยอะไรไว้ให้เห็นเลย
ขณะเดียวกัน นายวิรัตน์ ก้อนนาค อายุ 25 ปี รปภ.ซึ่งเข้าเวรอยู่ในป้อมบริเวณทางเข้าคอนโดฯ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนมาเข้าเวรตั้งแต่ 18.00 น.เมื่อวาน จนถึง 06.00 น.วันนี้ โดยเมื่อคืนที่ผ่านมาเห็นผู้ตายปิดร้านประมาณ 23.00 น.แล้วเงียบหายไปโดยไม่มีเหตุการณ์ผิดปกติเกิดขึ้น จนช่วงเวลา 05.00 น. มีคนงานขับรถมาส่งน้ำแข็ง พยายามตะโกนเรียกผู้ตาย 2-3 ครั้ง แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ ทีแรกตนคิดว่าผู้ตายคงขึ้นไปพักผ่อนบนห้องแล้วจึงไม่คิดเอะใจอะไร กระทั่งออกเวรกลับบ้านไปหัวหน้าโทรมาบอกว่า พบศพผู้ตายอยู่ภายในร้านเลยรีบเดินทางย้อนกลับมาเพื่อให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ด้าน พ.ต.อ.เศรษฐศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปสาเหตุการตายได้ว่ามาจากเรื่องใดกันแน่ อาจเป็นการฆ่าชิงทรัพย์ หรือลื่นล้มไปเอง เนื่องจากตรวจไม่พบร่องรอยของคนร้าย แต่ยังมีสิ่งที่น่าสงสัยคือโทรศัพท์มือถือที่หายไปและไม่สามารถติดต่อได้จำนวน 2 เครื่อง ประกอบกับบาดแผลที่บริเวณดั้งจมูกซึ่งลูกสาวผู้ตายยืนยันว่าเห็นตั้งแต่ทีแรกที่พบศพคุณแม่แล้ว โดยหลังจากนี้จะสั่งการให้มูลนิธินำศพส่งชันสูตรที่สถาบันนิติเวชอย่างละเอียดอีกครั้ง และให้ฝ่ายสืบสวนประสานกับนิติบุคคลขอตรวจสอบกล้องวงจรปิดของคอนโดฯ เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติมต่อไป
วันนี้ (11 เม.ย.) เมื่อเวลา 09.00 น. ร.ต.อ.ชำนาญ พุฒเครือ ร้อยเวร สน.บางมด ได้รับแจ้งเหตุฆ่าชิงทรัพย์ ในร้านมินิชอพซักอบรีดและมินิมาร์ท ตั้งอยู่เลขที่ 61/2 ใต้ถุนคอนโดมิเนียมชัยกูลทาวเวอร์ ถนนพระราม 2 (ซอย 30) แขวงบางมด เขตจอมทอง กทม.จึงรีบรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.เศรษฐศักดิ์ ยิ้มเจริญ ผกก.สน.บางมด พ.ต.ท.พิพัฒน์ บุญเพชร์ รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.ชโลธร วัฒนะโชติ สว.สป. กำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุมีลักษณะเป็นมินิมาร์ทและเปิดให้บริการเป็นร้านซักรีด จากการตรวจสอบบริเวณทางเดินโซนวางสินค้าด้านในร้านพบศพ นางทัศนา แซ่ตั้ง อายุ 53 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของ พักอยู่ห้องเลขที่ 97/324 ชั้น11 ของคอนโดมิเนียมดังกล่าว สภาพศพนอนหงาย สวมชุดนอนสีแดงลายดอก มีผ้าบางสีขาวพาดคอเอาไว้ ที่เท้าทั้ง 2 ข้างสวมถุงเท้าสีน้ำตาล ตามร่างกายมีร่องรอยคล้ายถูกตีด้วยของแข็งเข้าที่ดั้งจมูกจนเป็นบาดแผลยาวประมาณ 2 เซนติเมตร แพทย์สันนิษฐานว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่เกิน 8 ชั่วโมง
จากการตรวจหาหลักฐานในที่เกิดเหตุไม่พบร่องรอยการต่อสู้หรือรื้อค้นทรัพย์สิน ที่ประตูทางเข้าร้านก็ไม่มีรอยถูกงัดแงะ แม้หน้าต่างร้านซึ่งเป็นกระจกบานเลื่อนด้านบนตู้แช่เครื่องดื่มจะถูกเปิดไว้แต่ก็มีฝุ่นเกาะหนาเช่นเดิมไม่พบร่องรอยมือหรือรอยเท้าผู้ต้องสงสัยปีนเข้ามาลบล้างฝุ่นไปแต่อย่างใด เบื้องต้นทราบเพียงว่าโทรศัพท์มือถือยี่ห้อโนเกียรุ่นเก่า จอขาวดำ ซึ่งเป็นของผู้ตายได้สูญหายไปจำนวน 2 เครื่อง เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานจึงได้ทำการเก็บรอยนิ้วมือแฝงของคนร้ายและรวบรวมข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวของผู้ตายไปทำการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
จากการสอบสวน น.ส.ศิริประภา พัฒนฤดี อายุ 21 ปี นักศึกษาคณะนิติศาสตร์ ชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ลูกสาวผู้ตายซึ่งพบศพคนแรกให้การว่า เมื่อช่วงเช้าตนนอนอยู่ให้ห้อง บนคอนโดฯ พอตื่นขึ้นมาก็ไม่พบหน้าแม่ ประกอบกับคุณพ่อซึ่งป่วยเป็นอัมพาตก็บอกว่าแม่ยังไม่กลับมานอนตั้งแต่เมื่อคืนนี้ จึงรีบลงมาที่ร้านเพื่อตรวจสอบพบว่าประตูกระจกด้านนอก และประตูเหล็กด้านในถูกเลื่อนลงมาปิดล็อกไว้ทั้งหมด ทีแรกคิดว่าแม่นอนอยู่ในร้านแต่เรียกเท่าไหร่ก็ไม่มีเสียงตอบ จึงตัดสินใจกระชากประตูกระจกเลื่อนด้านข้างซึ่งเป็นร้านซักอบรีด ที่ทะลุถึงกันได้เข้าไปตรวจสอบพบว่าแม่กลายเป็นศพไปเสียแล้ว
น.ส.ศิริประภา กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาเคยมีคนร้ายปีนเข้าร้านมาขโมยบัตรเติมเงินไปได้ครั้งหนึ่ง แต่จำนวนไม่มาก แม่ตนจึงต้องนอนเฝ้าอยู่เป็นประจำ ปกติแม่ตนจะเป็นคนตรงเวลามาก ทุกๆ วันจะตื่นขึ้นมาเปิดร้านช่วง 07.00 น. และปิดไม่เกิน 23.00 น. หลังปิดร้านก็จะนอนอยู่ด้านในเพื่อรอน้ำแข็งมาส่งเวลา 05.00 น.ของวันใหม่ จากนั้นก็จะขึ้นไปบนห้องเพื่อพักผ่อนอีกเล็กน้อยหรือทำกับข้าวให้พ่อตนกิน ถ้าต้องออกไปซื้อของก็สามารถขับรถยนต์ไปเองได้ เพราะสุขภาพร่างกายยังแข็งแรงดีไม่มีโรคประจำตัวแต่อย่างใด ซี่งตนสามารถยืนยันว่าเมื่อวานนี้ ยังเห็นโทรศัพท์มือถือทั้งเครื่องส่วนตัว และเครื่องที่แม่ใช้เติมเงินออนไลน์ให้ลูกค้า รวม 4 เครื่อง วางอยู่บนโต๊ะ แต่พอมาพบศพปรากฏว่า หายไปจำนวน 2 เครื่อง พยายามโทรติดต่อไปแล้วก็ติดต่อไม่ได้ แต่ทำไมคนร้ายจึงไม่ทิ้งร่องรอยอะไรไว้ให้เห็นเลย
ขณะเดียวกัน นายวิรัตน์ ก้อนนาค อายุ 25 ปี รปภ.ซึ่งเข้าเวรอยู่ในป้อมบริเวณทางเข้าคอนโดฯ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนมาเข้าเวรตั้งแต่ 18.00 น.เมื่อวาน จนถึง 06.00 น.วันนี้ โดยเมื่อคืนที่ผ่านมาเห็นผู้ตายปิดร้านประมาณ 23.00 น.แล้วเงียบหายไปโดยไม่มีเหตุการณ์ผิดปกติเกิดขึ้น จนช่วงเวลา 05.00 น. มีคนงานขับรถมาส่งน้ำแข็ง พยายามตะโกนเรียกผู้ตาย 2-3 ครั้ง แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ ทีแรกตนคิดว่าผู้ตายคงขึ้นไปพักผ่อนบนห้องแล้วจึงไม่คิดเอะใจอะไร กระทั่งออกเวรกลับบ้านไปหัวหน้าโทรมาบอกว่า พบศพผู้ตายอยู่ภายในร้านเลยรีบเดินทางย้อนกลับมาเพื่อให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ด้าน พ.ต.อ.เศรษฐศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปสาเหตุการตายได้ว่ามาจากเรื่องใดกันแน่ อาจเป็นการฆ่าชิงทรัพย์ หรือลื่นล้มไปเอง เนื่องจากตรวจไม่พบร่องรอยของคนร้าย แต่ยังมีสิ่งที่น่าสงสัยคือโทรศัพท์มือถือที่หายไปและไม่สามารถติดต่อได้จำนวน 2 เครื่อง ประกอบกับบาดแผลที่บริเวณดั้งจมูกซึ่งลูกสาวผู้ตายยืนยันว่าเห็นตั้งแต่ทีแรกที่พบศพคุณแม่แล้ว โดยหลังจากนี้จะสั่งการให้มูลนิธินำศพส่งชันสูตรที่สถาบันนิติเวชอย่างละเอียดอีกครั้ง และให้ฝ่ายสืบสวนประสานกับนิติบุคคลขอตรวจสอบกล้องวงจรปิดของคอนโดฯ เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติมต่อไป