xs
xsm
sm
md
lg

คุก 32 ปี วายร้ายตัวฉกาจควงปืนแหกห้องขัง-ยิงตำรวจเจ็บ

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นายประสิทธิ์ หรือโต้ง มุงคุณ อายุ 24 ปี
จำคุก 32 ปี 28 เดือน หนุ่มขี้ยาควงปืนแหกห้องขัง สน.บางเขน ยิงตำรวจเจ็บก่อนชิงรถหลบหนี ส่วนเพื่อนที่แอบเอาปืนไปส่งให้ในโรงพักโดนฐานสนับสนุน 24 ปี 16 เดือน

วันนี้ (8 เม.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 809 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ อ.280/2551 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 5 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายประสิทธิ์ หรือโต้ง มุงคุณ อายุ 24 ปี และน.ส.พัชรา หรืออุ้ม มะลิวัลย์ อายุ 23 ปี เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐาน พยายามฆ่าเจ้าพนักงาน ชิงทรัพย์และพยายามชิงทรัพย์โดยมีและใช้อาวุธปืน มีและพาอาวุธปืนติดตัวโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ หลบหนีไประหว่างที่ถูกคุมขังโดยมีอาวุธฯ

คดีนี้โจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ 25 ม.ค.51 บรรยายความผิดจำเลยสรุปว่า เมื่อวันที่ 1 พ.ย.50 เวลากลางวัน จำเลยที่ 2 ได้เดินทางมาเยี่ยมจำเลยที่ 1 แฟนหนุ่มที่ถูกคุมขังในห้องขัง สน.บางเขน ในคดีครอบครองยาเสพติด โดยลักลอบส่งมอบอาวุธปืนขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก และเครื่องกระสุนปืน ขนาด .38 ร่วมกันพาเอาอาวุธปืนฯ ติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านฯ โดยไม่ได้รับใบอนุญาต โดยจำเลยที่ 2 มีเจตนาช่วยเหลือ จำเลยที่ 1 และให้ความสะดวกในการที่จำเลยที่ 1 กระทำความผิด โดยจำเลยที่ 1 อาศัยจังหวะที่ ด.ต.รังสรรค์ พิมพ์คุณากร ผบ.หมู่งานป้องกันและปราบปราม สน.บางเขน ผู้เสียหายที่ 2 นำตัวออกจำเลยที่ 1 ออกไปพิมพ์ลายนิ้วมือเพื่อเตรียมนำไปฝากขัง ปรากฏว่า จำเลยที่ 1 ได้วิ่งหลบหนีออกจาก สน.บางเขน ไปทางวงเวียนอนุสาวรีย์ บางเขน ก่อนชักปืนยิงใส่ ด.ต.รังสรรค์ ที่วิ่งติดตามไปจับกุมจนได้รับบาดเจ็บสาหัส จากนั้นจำเลยที่ 1 จะใช้ปืนจี้ชิงทรัพย์รถจักรยานยนต์ คันหมายเลขทะเบียน มคข 630 กทม.ของนายปุ๋ย ส้มปิ่น ผู้เสียหายที่ 1 แต่ขณะจะขับหลบหนีกลับถูกรถกระบะพุ่งเข้าชนจนรถจักรยานยนต์เสียหาย จนจำเลยที่ 1 ต้องใช้ปืนจี้ชิงรถจักรยานยนต์ หมายเลขทะเบียน รมย 30 กทม. ของบริษัท จีอี แคปปิตอล ออโตลีส จำกัด ผู้เสียหายที่ 3 ที่อยู่ในความครอบครองของนายภิรายุ ศรีสุข ผู้เสียหายที่ 4 ไป ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถจับกุมจำเลยที่ 1 ได้ ขณะหลบหนีไปอยู่ที่บ้านพักแขวงบางคล้อ เขตจอมทอง กรุงเทพฯ โดยจำเลยที่ 1 ใช้ปืนยิงตัวตายเพื่อหลบหนีความผิด แต่ชะตายังไม่ถึงฆาต แพทย์ช่วยชีวิตไว้ทัน

ศาลพิเคราะห์ประกอบคำรับสารภาพของจำเลยแล้วเห็นว่า โจทก์มี ด.ต.รังสรรค์ ผู้เสียหายที่ 2 ด.ต.สงัด ภัยพยบ ผบ.หมู่งานจราจร สน.บางเขน ที่เห็นเหตุการณ์ และพยานที่ถูกจี้ชิงรถจักรยานยนต์ เบิกความเป็นประจักษ์พยานสอดคล้องเป็นลำดับขั้นตอนกัน ตั้งแต่หลบหนีออกจากห้องขังแล้วก่อเหตุยิงเจ้าพนักงานที่กระทำการตามหน้าที่ ก่อนจะจี้ชิงรถจักรยานยนต์ทั้ง 2 คัน ประกอบกับขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางวัน พยานย่อมจดจำใบหน้าของจำเลยได้ชัดเจน รับฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 ใช้ปืนพยายามฆ่า ด.ต.รังสรรค์ ที่กระทำตามหน้าที่ เพื่อให้พ้นจากการถูกจับกุม และมีความผิดฐานชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธปืน ส่วนจำเลยที่ 2 นั้น แม้โจทก์จะไม่มีประจักษ์พยานเห็นว่า จำเลยที่ 2 นำปืนส่งให้แก่จำเลยที่ 1 แต่จากพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว ก่อนเกิดเหตุจำเลยที่ 2 ได้เดินทางมาเยี่ยมจำเลยที่ 1 เชื่อว่าจำเลยที่ 2 น่าจะใช้ความระมัดระวังที่จะแอบส่งอาวุธปืนให้แก่จำเลยที่ 1 อันเป็นการสนับสนุนให้จำเลยที่ 1 กระทำความผิด

พิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานพยายามเจ้าพนักงานที่กระทำการตามหน้าที่ฐานมีอาวุธในความครอบครอง ฐานมีอาวุธปืน และพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ฐานชิงทรัพย์ และฐานหลบหนีไปขณะที่ถูกคุมขัง ลงโทษจำคุกทั้งสิ้นเป็นเวลา 32 ปี 28 เดือน ส่วนจำเลยที่ 2 มีความผิดฐานสนับสนุนให้ผู้อื่นกระทำความผิด ฐานมีอาวุธปืน และพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร รวมจำคุกทั้งสิ้น 24 ปี 16 เดือน
กำลังโหลดความคิดเห็น