บช.ปส.แถลงโชว์จับลาวค้ากัญชา มูลค่า 3 ล้าน แกะรอยจากนักค้ายาตามหมายจับคดียิงตำรวจ ปส.เสียชีวิต หลังจากก่อนหน้านี้จับได้ 1 หลบหนี 3 ซึ่งผู้ต้องหาที่จับได้ครั้งนี้ รับสารภาพได้รับกัญชาจากผู้ต้องหาที่หนีหมายจับดังกล่าว แล้วนำกัญชาอบแห้งทั้งหมดมาซุกไว้ เพื่อรอรถยนต์มารับตามนัดหมาย ได้ค่าแรงเที่ยวละหมื่นบาท แต่เมื่อนำกัญชามารอตามคำสั่งกลับถูกตำรวจจับกุม
วันนี้ (23 มี.ค.) เมื่อเวลา 15.30 น.ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.ท.วุฒิ ลิปตพัลลภ ผบช.ปส. พล.ต.ต.อดิเทพ ปัญจมานนท์ รอง ผบช.ปส. พล.ต.ต.แสงสูรย์ กรรณสูต ผบก.บก.ปส.2 และ พ.ต.อ.อภิชาติ มีสุข ผกก.ศทส.รรท.ผกก.ตชด.23 จ.สกลนคร ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายท้าวฮง ไชยสิน อายุ 25 ปี ชาวบ้านซอด หมู่บ้านปากกระดิ่ง แขวงบ่อลิคำไซ ประเทศลาว พร้อมของกลางกัญชาอบแห้ง จำนวน 14 ถุง รวม 268 ก้อน น้ำหนักประมาณ 268 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 3,000,000 บาท เงินสด จำนวน 40,000 บาท และโทรศัพท์มือถืออีก 1 เครื่อง
พล.ต.ต.อดิเทพ เปิดเผยว่า การจับกุมในครั้งนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อช่วงเดือน ต.ค.2549 มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.ปส.3 นาย ถูกกลุ่มนักค้ายาเสพติดสัญชาติลาวยิงเสียชีวิตในพื้นที่ อ.บึงกาฬ จ.หนองคาย ซึ่งศาลได้อนุมัติหมายจับผู้ร่วมกระทำทั้งหมด 4 คน และสามารถจับกุมได้แล้ว 1 คน ส่วนอีก 3 คนที่หลบหนีก็ได้กลับไปตั้งแก๊งค้ายาเสพติดอีกเช่นเดิม จนกระทั่งเมื่อช่วงปลายเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ผู้ต้องหากลุ่มนี้ได้ติดต่อกับสายลับของ บช.ปส.ให้ช่วยหารถยนต์ไปขนกัญชาจำนวนมากจากชายแดนภาคอีสาน เพื่อนำไปส่งให้ลูกค้าในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยให้ค่าจ้างเที่ยวละ 150,000 บาท
พล.ต.ต.อดิเทพ กล่าวต่อไปว่า จากนั้นสายลับจึงให้นักค้ากลุ่มดังกล่าวโอนเงินสดค่าขนส่งล่วงหน้า จำนวน 40,000 บาท มาให้ในบัญชีธนาคาร ก่อนเข้าประสานกับตำรวจอีกหลายหน่วยประกอบด้วย บช.ปส., กก.ตชด.23, ศตศ.บช.ภ.4 และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองในพื้นที่ จ.สกลนคร เพื่อร่วมกันวางแผนจับกุมคนร้าย โดยนัดหมายให้นำรถยนต์ไปรับของกลางกันที่ริมลำห้วย บ้านดงขวาง ต.แสนพัน อ.ธาตุพนม จ.นครพนม เมื่อเดินทางไปถึงเจ้าหน้าที่พบ ท้าวฮง รออยู่พร้อมของกลางจึงควบคุมตัวมาสอบสวนที่ บช.ปส.เพื่อดำเนินคดี
จากการสอบสวน ท้าวฮง ให้การว่า ตนได้รับว่าจ้างจากท้าวหวัง และ ท้าวเกียรติ สองนักค้ายาเสพติดรายใหญ่ของประเทศลาว ที่เคยก่อเหตุยิงตำรวจ บช.ปส.เสียชีวิต ให้นำกัญชาอบแห้งทั้งหมดมาซุกซ่อนไว้เพื่อรอรถยนต์มารับตามนัดหมาย โดยจะได้ค่าแรงเที่ยวละ 10,000 บาท แต่เมื่อตนนำกัญชามารอตามคำสั่ง กลับถูกตำรวจจับกุม
ด้าน พล.ต.ท.วุฒิ กล่าวว่า หลังจากที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกภาคส่วนเร่งปราบปรามการขยายตัวของกลุ่มนักค้ายาเสพติด โดยเจ้าหน้าที่ บช.ปส.ก็ได้ทำการจับกุมตัวเอเย่นต์รายสำคัญ ตามหมายจับไปแล้ว 118 ราย จากจำนวนทั้งสิ้น 1,100 ราย จึงอยากประชาสัมพันธ์ให้ผู้ต้องหาตามหมายจับที่ยังเหลืออีก 982 รายรีบเข้ามามอบตัวโดยเร็ว ถ้าหากท่านเข้ามาให้การเป็นประโยชน์ต่อทางราชการศาลก็อาจเมตตาลงโทษในอัตราที่ต่ำกว่ากฎหมายกำหนด
พล.ต.ท.วุฒิ กล่าวด้วยว่า สำหรับพี่น้องหรือคนในครอบครัวของผู้ต้องหาทั้ง 982 ราย พึงระวังไว้ หากช่วยเหลือหรือให้ที่พักพิงแก่ผู้ต้องหาก็จะต้องมีความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 189 มีโทษจำคุก 2 ปี ปรับไม่เกิน 4,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้หากคนในครอบครัวรายใดรับโอนทรัพย์สินหรือช่วยปิดบังซ่อนเร้นทรัพย์สินที่ได้มาจากการค้ายาเสพติดให้พ้นจากการถูกอายัด ก็จะถูกดำเนินคดีตามมาตรา 42 แห่ง พ.ร.บ.ปราบปรามยาเสพติด มีโทษจำคุก 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ จึงฝากเตือนมาให้ทราบโดยทั่วกัน
วันนี้ (23 มี.ค.) เมื่อเวลา 15.30 น.ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.ท.วุฒิ ลิปตพัลลภ ผบช.ปส. พล.ต.ต.อดิเทพ ปัญจมานนท์ รอง ผบช.ปส. พล.ต.ต.แสงสูรย์ กรรณสูต ผบก.บก.ปส.2 และ พ.ต.อ.อภิชาติ มีสุข ผกก.ศทส.รรท.ผกก.ตชด.23 จ.สกลนคร ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายท้าวฮง ไชยสิน อายุ 25 ปี ชาวบ้านซอด หมู่บ้านปากกระดิ่ง แขวงบ่อลิคำไซ ประเทศลาว พร้อมของกลางกัญชาอบแห้ง จำนวน 14 ถุง รวม 268 ก้อน น้ำหนักประมาณ 268 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 3,000,000 บาท เงินสด จำนวน 40,000 บาท และโทรศัพท์มือถืออีก 1 เครื่อง
พล.ต.ต.อดิเทพ เปิดเผยว่า การจับกุมในครั้งนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อช่วงเดือน ต.ค.2549 มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.ปส.3 นาย ถูกกลุ่มนักค้ายาเสพติดสัญชาติลาวยิงเสียชีวิตในพื้นที่ อ.บึงกาฬ จ.หนองคาย ซึ่งศาลได้อนุมัติหมายจับผู้ร่วมกระทำทั้งหมด 4 คน และสามารถจับกุมได้แล้ว 1 คน ส่วนอีก 3 คนที่หลบหนีก็ได้กลับไปตั้งแก๊งค้ายาเสพติดอีกเช่นเดิม จนกระทั่งเมื่อช่วงปลายเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ผู้ต้องหากลุ่มนี้ได้ติดต่อกับสายลับของ บช.ปส.ให้ช่วยหารถยนต์ไปขนกัญชาจำนวนมากจากชายแดนภาคอีสาน เพื่อนำไปส่งให้ลูกค้าในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยให้ค่าจ้างเที่ยวละ 150,000 บาท
พล.ต.ต.อดิเทพ กล่าวต่อไปว่า จากนั้นสายลับจึงให้นักค้ากลุ่มดังกล่าวโอนเงินสดค่าขนส่งล่วงหน้า จำนวน 40,000 บาท มาให้ในบัญชีธนาคาร ก่อนเข้าประสานกับตำรวจอีกหลายหน่วยประกอบด้วย บช.ปส., กก.ตชด.23, ศตศ.บช.ภ.4 และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองในพื้นที่ จ.สกลนคร เพื่อร่วมกันวางแผนจับกุมคนร้าย โดยนัดหมายให้นำรถยนต์ไปรับของกลางกันที่ริมลำห้วย บ้านดงขวาง ต.แสนพัน อ.ธาตุพนม จ.นครพนม เมื่อเดินทางไปถึงเจ้าหน้าที่พบ ท้าวฮง รออยู่พร้อมของกลางจึงควบคุมตัวมาสอบสวนที่ บช.ปส.เพื่อดำเนินคดี
จากการสอบสวน ท้าวฮง ให้การว่า ตนได้รับว่าจ้างจากท้าวหวัง และ ท้าวเกียรติ สองนักค้ายาเสพติดรายใหญ่ของประเทศลาว ที่เคยก่อเหตุยิงตำรวจ บช.ปส.เสียชีวิต ให้นำกัญชาอบแห้งทั้งหมดมาซุกซ่อนไว้เพื่อรอรถยนต์มารับตามนัดหมาย โดยจะได้ค่าแรงเที่ยวละ 10,000 บาท แต่เมื่อตนนำกัญชามารอตามคำสั่ง กลับถูกตำรวจจับกุม
ด้าน พล.ต.ท.วุฒิ กล่าวว่า หลังจากที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกภาคส่วนเร่งปราบปรามการขยายตัวของกลุ่มนักค้ายาเสพติด โดยเจ้าหน้าที่ บช.ปส.ก็ได้ทำการจับกุมตัวเอเย่นต์รายสำคัญ ตามหมายจับไปแล้ว 118 ราย จากจำนวนทั้งสิ้น 1,100 ราย จึงอยากประชาสัมพันธ์ให้ผู้ต้องหาตามหมายจับที่ยังเหลืออีก 982 รายรีบเข้ามามอบตัวโดยเร็ว ถ้าหากท่านเข้ามาให้การเป็นประโยชน์ต่อทางราชการศาลก็อาจเมตตาลงโทษในอัตราที่ต่ำกว่ากฎหมายกำหนด
พล.ต.ท.วุฒิ กล่าวด้วยว่า สำหรับพี่น้องหรือคนในครอบครัวของผู้ต้องหาทั้ง 982 ราย พึงระวังไว้ หากช่วยเหลือหรือให้ที่พักพิงแก่ผู้ต้องหาก็จะต้องมีความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 189 มีโทษจำคุก 2 ปี ปรับไม่เกิน 4,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้หากคนในครอบครัวรายใดรับโอนทรัพย์สินหรือช่วยปิดบังซ่อนเร้นทรัพย์สินที่ได้มาจากการค้ายาเสพติดให้พ้นจากการถูกอายัด ก็จะถูกดำเนินคดีตามมาตรา 42 แห่ง พ.ร.บ.ปราบปรามยาเสพติด มีโทษจำคุก 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ จึงฝากเตือนมาให้ทราบโดยทั่วกัน