xs
xsm
sm
md
lg

นักสืบโบราณแกะรอยใบขับขี่ รวบแก๊งโจรกรรมสะท้านเมือง

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

“ผมร่วมทำมาแล้ว 5 ครั้ง แต่ละครั้งก็จะได้ส่วนแบ่งประมาณ 8 แสน ถึง 1 ล้านบาท มีที่หมู่บ้านธารารมณ์ ได้ประมาณ 5 ล้าน เงินที่ได้มาผมก็จะนำไปเล่นการพนันในบ่อนที่ปอยเปต ซื้อรถ ดาวน์บ้าน ซื้อปืน เที่ยวอาบอบนวด ใช้ชีวิตท่องเที่ยวสถานที่หรูหรา” สุภัทร สารภาพหลังถูกจับเป็นคนแรก

เหตุย่องเบาสะท้านเมือง ถูกเปิดเผยเมื่อ พ.ต.อ.ปกรณ์ กิตติวัฒน์ ผกก.สืบสวน บก.น.4 นำหมายศาลเข้าจับกุม นายสุภัทร หรือทอม เนินวิเชียร นายณัฐ หรือโต้ง ชาหอม อายุ 32 ปี ได้พร้อมของกลางอย่างมโหฬาร ทั้งรถยนต์หรู เงินสด ทองรูปพรรณ มูลค่าทรัพย์สิน กว่า 200 ล้านบาท และยังขยายผลจนรู้ว่ามีผู้ร่วมขบวนการอีกคือ นายพีรวัฒน์ หรือพี ตะวันธรงค์ อายุ 23 ปี นายกีรติ หรือเด กุมพล อายุ 30 ปี และนายหทัย หรืออ๊อฟ ไชยวัณณ์ อายุ 38 ปี นักแข่งรถชื่อดังเจ้าของฉายา “ไอ้หมูสกปรก” หรือ “อ๊อฟซ่า” ที่ยังคงหลบหนี หลังจากสืบทราบว่าทั้งหมดคือแก๊งย่องเบาที่ก่ออาชญากรรม บ้านคนมีตังค์ จนได้ทรัพย์อย่างอลังการ

ความพยายามของชุดสืบสวนที่ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง จนรู้ว่า บ้านไอ้อ๊อฟซ่า เปิดเป็นอู่ซ่อมรถ และที่สำคัญรับเฉพาะคนมีตังค์ คนไร้ทรัพย์ อย่าได้แหยมเข้ามา อยู่ย่านพระราม9 ซอย 60 จึงส่งสายสืบไปสังเกตการณ์ และแน่ใจว่าไอ้อ๊อฟ อยู่ที่นี่แน่ ๆ แต่ยังไม่ทันได้เข้าค้น ไอ้อ๊อฟเกิดไหวตัวทัน สวมวิญญาณนักแข่งขับรถสปอร์ตนิสสัน 350Z บึ่งออกมาจากอู่อย่างทันควัน และอาจหาญยิงเปิดทาง หนีไปได้อย่างหวุดหวิด

“แค่ส่งคนไปเฝ้ายังไม่ได้ตรวจค้นอะไรเลย เพราะยังไม่ชัดว่าใช่แก๊งนี้หรือเปล่า แค่มีความเชื่อมโยง มันดันหนีไปก่อน ลูกน้องผมบอกว่าไอ้อ๊อฟยิงปืนออกมาเปิดทางหนี แต่รถตำรวจอีกคัน ที่ดักอยู่ปากซอยบอกว่าได้ยินเสียงปืนแต่ไม่รู้ว่าฝ่ายไหนยิงเลยต้องถอยก่อน เดี๋ยวไปยิงกันเอง” พ.ต.อ.ปกรณ์ หัวหน้าชุดบอกเมื่อวันที่ไปล้อมจับไอ้อ๊อฟ หวังได้ตัว เพราะทางการข่าวรู้ว่าเป็นไอ้ตัวแสบคนหนึ่ง

แต่ชุดสืบ ไม่ได้ทำงานหน้าเดียว เพราะอีกชุดก็ก็ไล่ล่ากดดัน ไอ้ณัฐ หรือโต้ง ชาหอม ได้บนถนนมอเตอร์เวย์ขาเข้ากรุงเทพฯ ขณะขับรถมินิคูเปอร์ สีขาวคาดดำ ทะเบียน ฌต-7777 กทม. มุ่งหน้าเข้ากรุง แต่เมื่อค้นในรถ ชุดสืบสวนถึงกับผงะ เพราะสิ่งที่เจอคืออาวุธครบมือ ทั้งปืนสงคราม ชนิดอ็ม 79 พร้อมกระสุน ปืนกลอูซี่ ปืน 11 มม. กระสุนอีกกว่า 100 นัด เมื่อเค้นสอบจึงได้รู้ว่าทั้งรถหรูราคาแพง และอาวุธต่าง ๆ ล้วนแล้วแต่ใช้เงินที่ได้มาจากการปล้นไปซื้อทั้งสิ้น ถือว่าโชคดีที่มันไม่คิดสู้ ไม่งั้นคงไม่อยากคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น

ส่วนไอ้อ๊อฟ หลังยิงเปิดทางหนีตำรวจชุดจับ อาศัยความสนิทสนมกับที่รู้จักมักจี่กันดีกับลูกชาย “เดอะตุ๊” พล.ต.ท.กฤษฏา พันธุ์คงชื่น ผบช.ภ.3 เมื่อครั้งยังโลดเล่นในสนามประลองความเร็ว จึงขอเข้ามอบตัวที่โคราช เมืองย่าโม ที่ตั้งของ บช.ภ.3 เพราะกลัวว่าจะถูกเด็ดหัว ก่อนที่ “รองแป๊ะ” พล.ต.ต.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบช.น. จะไปเอาตัวมาที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลและแถลงข่าวทันที แต่ไอ้อ๊อฟ ก็ยังปากแข็ง ลอยหน้าลอยตาบอกวันเกิดเหตุ ไม่ได้ยิงเปิดทางหนี และยิงปืนไม่เป็น แค่ขับรถออกมาแล้วได้ยินเสียงปืน และเห็นตำรวจ เลยตกใจ ขอไปตั้งหลัก เมื่อหายตกใจแล้วก็กลับมามอบตัว และบอกว่า ไม่มีส่วนรู้เห็น แค่ทำเป็นครั้งคราวเท่านั้น

ส่วนที่เหลืออีก 2 ที่ยังหนี ตำรวจก็ยังคงกดดันและ เร่งไล่ล่าลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง พร้อมวางแผนรับมืออย่างดี เพราะสายรายงาน ว่าทั้งคู่ มีอาวุธครบมือพร้อมจะตอบโต้ตำรวจได้ทุกเวลา กระทั่ง ช่วงสายของวันที่ 9 มี.ค. ไอ้พี หรือ นายพีรวัฒน์ ตะวันธรงค์ ก็ได้ติดต่อขอมอบตัวเพราะกลัวจะต้องไปเฝ้ายมบาล และทนต่อการกดดันการไล่ล่าไม่ไหว

หากย้อนกลับไปว่าแก๊งนี้มารวมตัวกันก่อเหตุจนกลายเป็นแก๊งโจร 200 ล้าน ได้อย่างไร นั้น จากปากของ พ.ต.อ.ปกรณ์ กิตติวัฒน์ ยอดนักสืบแห่ง บก.น.4 เล่าว่า เริ่มจาก ไอ้อ๊อฟซ่า เจ้าของฉายาหมูสกปรก เป็นนักแข่งรถและยังมีอู่ซ่อมรถ จูนเครื่อง เป็นของตัวเอง ที่ย่านศรีนครินทร์ มีไอ้พีเป็นสมุนคู่ใจ คอยวิ่งซื้อของสัพเพเหระ ส่วน ไอ้ทอม หรือ นายสุภัทร ชอบแข่งรถและชอบแต่งรถแต่ไม่มีอู่เป็นของตัวเอง กอปรกับรู้จักไอ้อ๊อฟในสนามและรู้ว่าไอ้อ๊อฟมีอู่ จึงนำรถมาแต่ง จนสนิทสนมและมักนัดเจอเพื่อสนทนากันหลังสนามแข่งบ่อยครั้ง ไอ้โต้งเป็นอีกคนที่ชอบแต่งรถ และเอารถไปแต่งเครื่องที่อู่ของไอ้อ๊อฟ จนทั้ง 3 คนรู้จักกัน และด้วยความที่ไอ้โต้งเอารถมาแต่งที่อู่อยู่บ่อยครั้ง แต่ละครั้งค่าใช้จ่ายไม่ใช่น้อย ไอ้อ๊อฟจึงตั้งข้อสงสัยยิ่งนักว่าเอาเงินมาจากไหนมากมาย เมื่อได้ทีจึงนัดสังสรรค์ เพื่อแกะข้อมูล จนไอ้โต้งยอมปริปาก เพราะไว้ใจและเห็นว่าเป็นเพื่อนสนิทว่า “ไปปล้นเขามา” และเมื่อดูแล้วว่าเพื่อนเริ่มสนใจ ไอ้โต้งเลยชักชวนเพื่อนเข้าสู่เส้นทางสายโจรทันที

นักสืบคนเก่งยัง บอกอีกว่า เมื่อทั้งหมดรวมตัวกันเป็นแก๊งแล้ว ในการก่อเหตุทุกครั้งจะมีการแบ่งงานกันอย่างชัดเจน มีการวางแผนอย่างดี ไม่มีการใช้หลักฐานของตัวเองจะใช้หลักฐานของคนอื่นที่ ไอ้โต้ง ลงมือขโมยมา เพื่อป้องกันการติดตาม โดยเมื่อเข้าหมู่บ้านเป้าหมาย จะใช้ทั้งทะเบียนรถยนต์ขโมยมาเป็นกำลัง และบัตรประชาชนหรือใบขับขี่ที่ต้องใช้แลกก่อนเข้าหมู่บ้านก็ยังใช้ของคนอื่นแสดงกับ รปภ.หน้าหมู่บ้าน และแจ้งว่ามาหาคนรู้จัก ในหมู่บ้านนี้ โดยบอกชื่อคนในบ้านได้ถูกต้องเพราะวางแผนมาแล้ว ทำให้รปภ.หลงเชื่อ

เมื่อเข้ามาได้ ไอ้อ๊อฟก็จะทำหน้าที่เลือกเป้าหมาย โดยพุ่งเป้าไปที่บ้านหรูหรา ดูดีมีฐานะ เมื่อได้ แล้วสมาชิกในแก๊งก็จะทำทีเป็นเดินไปกดกริ่งหน้าบ้าน รอจนแน่ใจ ถ้าไม่มีคนมาเปิดแสดงว่าไม่มีคนอยู่ แต่นั่นก็ไม่ใช่องค์ประกอบเดียวที่ทำให้แก๊งนี้ตัดสินใจเข้าไปก่อเหตุทันที ยังมีการสังเกตใบไม่ใบหญ้าสภาพรอบ ๆ บ้านว่ารกมากแค่ไหน ตู้รับจดหมายมีจดหมายกองเต็มตู้ขนาดไหน เพราะนั่นแสดงว่าเจ้าของบ้านคงไม่อยู่เป็นเวลาหลายวันแล้ว ถือเป็นทางสะดวกที่จะลงมือ

ไอ้โต้งจะทำหน้าที่ใช้แชลง หรือไม่ก็ไขควงงัดบ้าน ก่อนสำรวจในบ้านอย่างละเอียด ถ้ามีเซฟ ไอ้พีและไอ้เด จะเป็นคนงัดเซฟ และใช้แก๊สเป่า เพื่อเอาทรัพย์สินภายใน ส่วนไอ้อ๊อฟ หลังจากหมดหน้าที่หาเป้า ก็จะทำหน้าที่ดูต้นทาง ส่วนที่เหลือก็ช่วยกันกวาดทรัพย์สินของมีค่าในบ้านเหยื่อ ก่อนจะแบ่งคนละเท่า ๆ กัน ไอ้อ๊อฟจะเอาเงินไปแต่งรถ และเที่ยว ไอ้โต้ง ไอ้พี และไอ้เด จะเอาไปเล่นการพนัน ส่วนไอ้สุภัทรก็เล่นการพนันเหมือนกันแต่ข้ามไปเล่นในบ่อนประเทศเพื่อนบ้าน และยังเที่ยวหนักกว่าคนอื่น

เมื่อการลงมือแต่ละครั้งผ่านไปอย่างง่ายดาย เงินส่วนแบ่งที่ได้ทุกครั้งล้วนอยู่ในหลักล้าน ความย่ามใจของแก๊งนี้จึงเกิดขึ้น และลงมือโจรกรรมเงียบอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ ปี’49 แต่หารู้ไม่ว่า ตำรวจก็กำลังแกะรอยตามล่าอยู่เหมือนกัน เพราะผู้เสียหายที่ถูกโจรกรรมเพิ่มขึ้นและมูลค่าทรัพย์สินก็หาใช่น้อยไม่

“อาชญากรรม ทุกอย่างต้องทิ้งร่องรอยไว้เสมอ” พ.ต.อ.ปกรณ์ สั่งลูกน้องในกองสืบระดมกำลังหาข่าวอย่างเงียบ ๆ และต่อเนื่อง โดยเริ่มจากการตรวจสอบรถที่เข้าออกของหมู่บ้านธารารมณ์ ที่ถูกโจรกรรมไปอย่างมโหฬารที่สุด พบว่ามีรถต้องสงสัย 2 คัน คันแรก เป็นฮอนด้า ซีอาร์วี สีบรอนซ์เงิน อันนี้ธรรมดาแต่ที่ไม่ธรรมดาคือติดฟิล์มดำทึบมาก ใช้บัตรประชาชนของ นายพรเทพ คุณมาศ แสดงกับ รปภ. ก่อนเข้าหมู่บ้าน คันที่ 2 เป็นรถฮอนด้า แอคคอร์ด สีบรอนซ์เทา ใช้ใบขับขี่ระบุชื่อ นายนนทชัย อัศวนนท์ ซึ่งเป็นใบขับขี่แบบชั่วคราว จึงเชิญตัวเจ้าของบัตรทั้ง 2 มาขอข้อมูล

“จากการสอบถามปรากฏว่าหนทางเริ่มจะมืดมนเพราะเค้าลางจากใบขับขี่ของนายนนทชัย ที่ได้มานั้น เจ้าตัวระบุว่าเป็นใบขับขี่ใบนั้นเป็นแบบชั่วคราว และเจ้าตัวเอาไปเปลี่ยนเป็นใบขับขี่ตลอดชีพที่กรมการขนส่งมาแล้ว จึงเป็นที่น่าแปลกใจว่าคนร้ายแก๊งนี้ไปนำใบขับขี่ของเขามาได้อย่างไร” พ.ต.อ.ปกรณ์ บอกที่มา

ผกก.สืบ 4 ยังบอกเส้นทางการสืบสวนอีกว่า เหมือนโชคเข้าข้าง เพราะใบขับขี่ของนายนนทชัย ที่แก๊งนี้เอาไปใช้นั้นถูกทิ้งไว้ในซอย ซอยหนึ่งย่านรามอินทรา มีเด็กเก็บได้และส่งคืนเจ้าของทางไปรษณีย์ เหมือนเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ชุดสืบสวนจึงลงพื้นที่ในซอยที่พบใบขับขี่เพื่อหาเบาะแสทันที เพราะเชื่อว่าต้องมีคนร้ายที่ก่อเหตุอยู่ไม่ไกลจากซอยนั้นแน่ ๆ กระทั่งได้ข้อมูลที่สำคัญจากร้านค้าในซอยนั้น รวมถึงสถานบันเทิงในละแวกใกล้เคียง เพราะพวกมันใช้เงินกันอย่างฟุ่มเฟือย ทิปครั้งละเป็นหมื่น และยังขยายผลจนรู้ตัวคนร้ายทั้งหมดและรู้ว่ากลุ่มนี้อยู่ในขบวนการนักแข่งรถที่เปิดอู่บังหน้าด้วย เมื่อมีพยานหลักฐานชัดเจนจึงดำเนินการให้พนักงานสอบสวนขออนุมัติหมายจับจนจับได้เกือบทั้งหมดตามที่เป็นข่าว เหลือก็เพียงไอ้เด คนเดียวที่ยังหลบหนี ซึ่งเราจะตามจับมันให้ได้

การสืบสวนครั้งนี้เราใช้วิธีการแบบนักสืบโบราณ จากสิ่งที่ถือเป็นหลักฐานทางคดี ไม่มีการใช้เทคโนโลยีใด ๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง ตลอดกว่า 2 เดือนที่แกะรอยจนสามารถจับกุมได้เกือบยกแก๊ง ก็ถือเป็นความภูมิใจในการทำงานด้านการสืบสวนด้วย เพราะกลุ่มคนพวกนี้ถือเป็นภัยกับสังคมอย่างยิ่ง เป็นอาชญากรตัวฉกาจที่ต้องล้างบางไม่ให้เหลือซากให้จงได้ พ.ต.อ.ปกรณ์ ทิ้งท้าย

นายสุภัทร หรือทอม เนินวิเชียร (เสื้อลายสก็อตสีฟ้า) ผู้ต้องหาที่ถูกจับเป็นรายแรก
นายณัฐ หรือโต้ง ชาหอม หัวหน้าแก๊งโดนจับที่มอเตอร์เวย์
ทรัพย์สินมีค่าของกลางที่ยึดได้จากบ้านผู้ต้องหา
นายหทัย หรืออ๊อฟ ไชยวัณณ์ อายุ 38 ปี นักแข่งรถชื่อดังเจ้าของฉายา “ไอ้หมูสกปรก” หรือ “อ๊อฟซ่า” ที่เข้ามอบตัวในเวลาต่อมา
นายพีรวัฒน์ หรือพี ตะวันธรงค์ โผล่มอบตัวทันทีหลัง หมูสกปรกเข้ามอบตัว
นายกีรติ หรือ เด กุมพล ผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีการจับกุม
เหยื่อแก๊งโจรกรรมเข้าดูของกลางที่ตำรวจยึดได้
กำลังโหลดความคิดเห็น