xs
xsm
sm
md
lg

ร้อง “เจ๊ปิ๊ก” ดาบตำรวจขืนใจลูกสาววัย 13 - ผบช.สั่งเชือดทันที!

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นางปวีณา หงสกุล พา ด.ญ.บูม เข้าร้องเรียน พล.ต.ท.ฉลอง สนใจ ผบช.ภ.1
พ่อแม่ ด.ญ.วัย 13 เข้าร้องทุกข์ “ปวีณา” ช่วยดำเนินการเอาผิด ด.ต.สายสืบ ลวงลูกสาวไปขืนใจ แถมโทรศัพท์มาเคลียร์แกมข่มขู่ “เจ๊ปิ๊ก” ตรวจสอบประวัติพบ ดาบตำรวจสายสืบผู้นี้ เคยก่อคดีข่มขืนมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่ครั้งนั้น เจ้าทุกข์ยอมความ จึงพาพ่อแม่เด็กเข้าร้อง ผบช.ภาค 1 ซึ่งพอทราบเรื่อง สั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนทันที

วันนี้ (12 มี.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น.ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (บช.ภ.1) นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พา ด.ญ.บูม (นามสมมติ) อายุ 13 ปี นักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนแห่งหนึ่ง พร้อมบิดามารดา เดินทางเข้าพบ พล.ต.ท.ฉลอง สนใจ ผบช.ภ.1 เพื่อร้องเรียนขอความเป็นธรรม หลังจาก ด.ญ.บูม ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าหิน จ.ลพบุรี ข่มขืนกระทำเรา

บิดา ด.ญ.บูม ให้การว่า เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อประมาณปลายเดือน ต.ค.ปีที่แล้ว ขณะที่น้องบูม นั่งขายของอยู่ที่ตลาดกับน้องสาวตน ด.ต.ถิติรัตน์ หรือ “ดาบตุ่น” จินตนสนธิ เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สภ.ท่าหิน จ.ลพบุรี ซึ่งรู้จักชอบพอกับคนในครอบครัวอยู่ ก็ได้เข้ามาขอเบอร์โทรศัพท์ลูกสาวไป จากนั้นในช่วงประมาณ 17.00 น.ขณะที่ลูกสาวกำลังนั่งรีดผ้าอยู่บ้าน ด.ต.ถิติรัตน์ ก็โทรศัพท์มาหาลูกสาว พร้อมล่อลวงให้ออกไปหาที่ สภ.ท่าหิน เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องปัญหาของตนกับภรรยา เพราะเนื่องจากขณะนั้นตนกับภรรยาเกิดความระหองระแหงและแยกกันอยู่ จึงทำให้ลูกสาวหลงเชื่อและเดินทางไปพบ ด.ต.ถิติรัตน์ ตามนัดหมาย

บิดา ด.ญ.บูม กล่าวต่อว่า เมื่อลูกสาวเดินทางไปถึง สภ.ท่าหิน ด.ต.ถิติรัตน์ ก็พาขึ้นรถเข้าไปในโรงแรมพีพีอินทร์ ซึ่งอยู่ใกล้กับโรงพัก จากนั้น ด.ต.ถิติรัตน์ ก็พาลูกสาวเข้าไปในห้องของโรงแรม ก่อนจะให้นั่งบนเตียงนอน พร้อมบังคับให้ลูกสาวถอดเสื้อผ้าออกหมด ก่อนที่ ด.ต.ถิติรัตน์ จะถอดเสื้อผ้าของตัวเองออก แล้วทำอนาจารลูกสาวตนจนสำเร็จความใคร่

บิดา ด.ญ.บูม กล่าวต่อว่า มารู้เรื่องดังกล่าวเมื่อวันที่ 21 ก.พ.ที่ผ่านมานี้เอง เพราะได้อ่านสมุดไดอารี่ของลูกสาวคนเล็กที่เขียนบันทึกเรื่องจับมือแฟนหนุ่ม จึงได้เรียกมาดุ แต่ลูกสาวคนเล็กกลับบอกว่า ลูกสาวคนโตทำมากยิ่งกว่านี้อีก จึงเค้นถามลูกสาวคนโตจนยอมเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้ฟัง โดยหลังทราบเรื่องทั้งหมด ก็พาลูกสาวไปแจ้งความทันที

“หลังจากนั้น ดาบตุ่น ก็พยายามโทรศัพท์เข้ามาขอไกล่เกลี่ย โดยเขาบอกแต่เพียงว่า “พี่ขอโทษ มันเป็นอารมณ์ชั่ววูบ” แล้วก็เงียบหายไปพักหนึ่ง หลังจากนั้นเขาก็โทรมาข่มขู่อีกหลายครั้ง แถมยังบอกด้วยว่าเขาต้องหลุดคดีแน่นอน นอกจากนี้ ทางผู้กำกับกับ รองผู้กำกับ สภ.ท่าหิน ก็พยายามโทรมาขอพูดคุยไกล่เกลี่ยไม่ให้ผมเอาเรื่องลูกน้องเขาอีก แต่ผมไม่ตกลงด้วย ซึ่งผมเองก็กลัวว่า คดีความจะไม่คืบหน้า เพราะคนทำผิดเป็นตำรวจ เลยตัดสินใจพาลูกสาวเข้าร้องทุกข์กับมูลนิธิปวีณาฯ เพื่อให้ช่วยเหลือขอความเป็นธรรมและเร่งรัดคดีเอาคนผิดมาลงโทษ” บิดา ด.ญ.บูม กล่าว

บิดา ด.ญ.บูม กล่าวด้วยว่า หลังเกิดเรื่องขึ้น ก็มีคนเอาใบปลิวไปโปรยที่ตลาด ต.ท่าหิน ต.พรหมศาสตร์ และต.บางขันหมาก โดยใบปลิวดังกล่าว มีข้อความว่า “ประกาศให้ทราบทั่วกัน...ด่วน ชาวบ้านหมู่ที่6 ต.พรหมศาสตร์ และพ่อค้าแม่ค้าตลาดสดเทศบาล ต.ท่าหิน อ.เมืองลพบุรี ได้รับความเดือดร้อนจากตำรวจสายสืบโรงพักท่าหิน ลพบุรี ชื่อ ดาบถิติรัตน์ (ตุ่น) จินตนสนธิ เป็นหัวหน้าชุดสายสืบ ได้สร้างอิทธิพล สร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านไปทั่ว โดยอ้างว่าเป็นเด็กของนายตำรวจใหญ่ท่าหิน และชอบคบค้ากับพวกขายยาบ้ายาเสพติดในเมือง ต.พรหมศาตร์ ต.บางขันหมาก รีดไถเงินพวกค้ายาบ้าและชอบพาเด็กหญิงหรือหญิงสาววัยรุ่นไปข่มขู่ค้นตัว และจับของสงวน พร้อมกับพาไปข่มขืนด้วยแล้วปล่อยตัวกลับ และเมื่อ 2-3 วันก่อนได้ข่มขืนเด็ก อายุ 14 ปี ลูกชาวบ้านหมู่ที่ 6 ต.พรหมศาสตร์ แล้วพ่อแม่เด็กรู้เรื่องไปแจ้งจับ ถูกตำรวจไม่รับแจ้งพร้อมข่มขู่ไม่ให้เอาเรื่องกับนายตำรวจ (ตุ่น) ผู้นี้ จึงแจ้งให้ทราบเพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้คนทั่วไปที่จะถูกข่มเหงรังแก ...จากชาวบ้านผู้ได้รับความเดือดร้อนและชมรมผู้ปกครองเด็กลพบุรี” ซึ่งตนไม่รู้ว่า ใครเป็นคนทำ มารู้เรื่องก็ต่อเมื่อเพื่อนนำมาให้ดู

ด้าน นางปวีณา กล่าวว่า หลังผู้เสียหายเข้าไปร้องทุกข์ทางมูลนิธิปวีณาฯ ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เร่งให้ความช่วยเหลือและเข้าพบ พล.ต.ท.ฉลอง เพื่อให้ช่วยเร่งรัดคดี และให้ความเป็นธรรมแก่ผู้เสียหาย เนื่องจากคู่กรณีเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจอาจจะไม่ได้รับความเป็นธรรม ทั้งนี้จากการตรวจสอบข้อมูลการร้องทุกข์ของมูลนิธิปวีณาฯ พบว่า เมื่อช่วงต้นปี 2550 ได้มีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ใน จ.ลพบุรี พาลูกสาวมาร้องทุกข์ที่มูลนิธิ ว่า ถูก ด.ต.ถิติรัตน์ จินตนสนธิ ข่มขืนกระทำชำเรามาแล้ว ซึ่งเป็นคนคนเดียวกันกับผู้เสียหายรายล่าสุด แต่ครั้งนั้น ฝ่ายผู้เสียหายไม่อยากเป็นคดีความให้ลูกสาวเสื่อมเสียอับอายจึงยอมความไม่เอาเรื่อง

ด้าน พล.ต.ท.ฉลอง กล่าวว่า ได้รับทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว โดยเบื้องต้นได้สั่ง ผบก.ภ.จว.ลพบุรี เข้าไปดูแลคดีอย่างใกล้ชิด และจะเร่งรัดให้ดำเนินการตามระเบียบขั้นตอน โดยให้พนักงานสอบสวนเร่งสอบสวนหาข้อเท็จจริงโดยเร็ว พร้อมทั้งสั่งให้ ด.ต.ถิติรัตน์ ออกจากราชการไว้ก่อน และตั้งคณะกรรมการสอบสวนรวมทั้งผู้บังคับบัญชาของ ด.ต.ถิติรัตน์ ด้วยว่ามีส่วนเข้าไปข่มขู่ผู้เสียหายหรือไม่

“รับรองว่าผู้เสียหายจะได้รับความเป็นธรรมแน่นอน ไม่เอนเอียงฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ขอให้ผู้เสียหายสบายใจได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตำรวจมาทำผิดเสียเอง ยิ่งเอาไว้ไม่ได้ หากผิดจริงต้องได้รับโทษตามกฎหมาย ส่วนเรื่องความปลอดภัยและการข่มขู่ผู้เสียหายนั้นผมได้สั่งการให้จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ลพบุรีไปดูแลความปลอดภัยให้ แต่ถ้าครอบครัวผู้เสียหายไม่สบายใจว่าเป็นตำรวจในพื้นที่ เราก็จะจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจสายสืบจากส่วนกลางไปดูแลความปลอดภัยให้” พล.ต.ท.ฉลอง กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น