“ดีเอสไอ” ลุยตรวจธุรกรรมการเงินเอกชนย้อมแมวนมโรงเรียน!

“ดีเอสไอ” รุกตรวจธุรกรรมการเงิน-ยอดตัวเลขสั่งซื้อน้ำนมดิบของ 68 บริษัท ผู้ผลิตนมโรงเรียน หลังพบใช้หางนมที่สั่งซื้อจากต่างประเทศแทนน้ำนมดิบ ฟันกำไรถุงละ 4 บาท

วันนี้ (10 มี.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย รองอธิบดีดีเอสไอ เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการสอบสวนกรณีฮั้วประมูลการจัดซื้อนมโรงเรียนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ว่า ดีเอสไอได้สั่งการให้ชุดสืบสวนสอบสวนปูพรมตรวจสอบร่องรอยการเงินและผลประโยชน์ของ 68 บริษัทที่ได้รับสิทธิจำหน่ายนมให้กับโรงเรียนในสังกัดของ อปท.ทั่วประเทศ ในเบื้องต้นหากกรณีฮั้วประมูลเพื่อแบ่งผลประโยชน์ระหว่าง 68 บริษัท อาจไม่ส่งผลเสียหายต่อทางราชการ เนื่องจากการผลิตนมถุงแบบพลาสเจอไรซ์ด้วยน้ำนมดิบที่รับซื้อจากเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมในประเทศ จะมีกำไรเพียงถุงละ 3 สลึง แต่ปัญหาที่ตรวจสอบพบคือ มีการทุจริตผลิตนมด้อยคุณภาพ โดยนำหางนมมาผสมน้ำและเติมไขมันปาล์ม เพื่อจัดจำหน่ายให้แก่โรงเรียนจะทำให้บริษัทนมมีกำไรเฉลี่ยถุงละ 4 บาท แต่นมที่ผลิตด้วยกรรมวิธีดังกล่าวจะได้น้ำนมคุณภาพต่ำ ขาดไขมันนมทำให้ผู้ผลิตต้องเติมไขมันปาล์มเข้าไปแทนไขมันนม เพื่อให้ผลการตรวจสอบพบว่านมโรงเรียนมีคุณสมบัติตามเกณฑ์ที่กำหนด

พ.ต.อ.สุชาติ กล่าวอีกว่า ดีเอสไอจะเข้าไปตรวจสอบเอกสารการซื้อน้ำนมดิบจาก 68 บริษัทผู้ผลิตนมโรงเรียน ว่าแต่ละบริษัทซื้อน้ำนมดิบจากแหล่งผลิตใด นอกจากนี้จะประสานให้กรมสรรพากรเข้าตรวจสอบรายการเสียภาษีการซื้อน้ำนมดิบ เพื่อตรวจสอบว่ามีการตกแต่งตัวเลขการรับซื้อน้ำนมดิบหรือไม่ เนื่องจากหางนมที่นำมาผลิตเป็นนมโรงเรียน จะเป็นหางนมผงที่สั่งซื้อจากต่างประเทศ เพื่อลดต้นทุนการผลิต สำหรับผู้ผลิตนมที่เป็นสหกรณ์และสถาบันการศึกษา ซึ่งไม่อยู่ในข่ายที่ต้องยื่นแสดงรายการชำระภาษีต่อกรมสรรพากร ซึ่งดีเอสไอจะประสานให้ผู้ว่าราชการจังหวัดช่วยตรวจสอบตัวเลขการจัดซื้อน้ำนมดิบ และจะประสานให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตรวจสอบธุรกรรมการเงินของ 68 บริษัทผู้ผลิตนมโรงเรียน รวมถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระบวนการจัดซื้อและประมูลนมโรงเรียนทั่วประเทศ