“พระกิตติศักดิ์” เชื่อคนใกล้ชิดนักการเมืองระดับชาติอยู่เบื้องหลังเผาสำนักปฏิบัติธรรม 200 ไร่ เพราะมูลนิธิเมตตาธรรมไม่มีศัตรูอื่น รับเป็นกังวลต่อการใช้ชีวิตหลังมีการรื้อคดีสังหารพระสุพจน์ วอนรัฐเร่งสางคดีสาวลึกถึงคนบงการใหญ่มาลงโทษ แม้ผ่านมา 4 ปี หลักฐานเหลือน้อย แต่เชื่อมั่นรัฐบาลจะกระชากหน้ากากคนอยู่เบื้องหลังมาดำเนินคดีได้
วันนี้ (4 มี.ค.) พระกิตติศักดิ์ กิตติโสภโณ ซึ่งจำพรรษาอยู่ที่สำนักสงฆ์เดียวกับพระสุพจน์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีฆาตกรรม พระสุพจน์ สุวโจ ประธานมูลนิธิเมตตาธรรมรักษ์ สถานปฏิบัติธรรมสวนเมตตาธรรม และเมื่อวันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมาได้เกิดเหตุลอบวางเพลิงเผาสวนป่าเมตตาธรรม เสียหายประมาณ 200 ไร่ ในพื้นที่ ต.สันทราย อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ว่า ในวันนี้ตนจะให้ปากคำต่อเจ้าหน้าที่ดีเอสไอที่ลงมาตรวจสอบพื้นที่ความเสียหาย โดยจะเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดตั้งแต่รัฐบาลเข้ามารื้อฟื้นคดีพระสุพจน์ ก็มีการคุกคามทางมูลนิธิเมตตาธรรมต่อเนื่อง โดยมักมีกลุ่มคนเข้ามาสอดส่องในพื้นที่มูลนิธิฯ มีกลุ่มคนเข้ามาสอบถามชาวบ้านด้วยท่าทีที่แปลก นอกจากนี้จะให้ข้อมูลกับดีเอสไอในรายละเอียดต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นกับมูลนิธิฯมาก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุเพลิงไหม้
อย่างไรก็ตาม ทางดีเอสไอได้สอบปากคำคนที่เห็นเหตุการณ์ลอบวางเพลิงครั้งนี้ไปแล้ว 2-3 คน โดยเป็นชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงมูลนิธิฯ และชนเผ่าปะหล่องที่ทางมูลนิธิฯอนุญาตให้อยู่ในพื้นที่ดูแลปลูกป่าและทางมูลนิธิจัดหาพื้นที่ให้ทำกิน ซึ่งคนเหล่านี้ได้ไปชี้จุดที่เพลิงเริ่มลุกไหม้จุดแรกทางด้านตะวันตกและลุกลามมาทางด้านใต้ โดยพยานเห็นมีคนหนึ่งคนกำลังจุดไฟเผา ซึ่งในเบื้องต้นดีเอสไอได้คิดมูลค่าความเสียหายครั้งนี้ 150,0000 บาท โดยมีต้นไม้ได้รับความเสียหายจำนวนมาก ต้นลำใยที่มีอายุเก็บเกี่ยวให้ผลผลิตได้แล้ว อายุ 7-8 ปี เสียหาย 300 ต้น ต้นมะม่วง 200 ต้น
พระกิตติศักดิ์กล่าวต่อไปว่า อยากให้รัฐบาลชุดปัจจุบันเร่งรัดคดีการฆาตกรรมพระสุพจน์ให้ลุล่วงไปได้ด้วยดี ไม่ใช่แค่จับได้ตัวผู้กระทำผิด แต่อยากให้จับได้ถึงตัวผู้บงการทุกระดับ ซึ่งเชื่อว่าคณะกรรมการของดีเอสไอจะมีส่วนช่วยหาหลักฐานเอาผิดต่อคนผิดได้ โดยที่ผ่านมาก็เห็นว่าจริงใจ ตั้งใจทำงานในคดีนี้ แต่ก็ต้องยอมรับรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ไม่ได้ใส่ใจกับคดีนี้เท่าที่ควร และดีเอสไอเองก็ไม่ได้รับความสะดวกกับการเมืองบางช่วง อีกทั้งดีเอสไอก็ตกเป็นเครื่องมือนักการเมือง ซึ่งพอถึงตอนนี้เรื่องคดีผ่านมาเกือบ 4 ปี การที่จะพยายามหาหลักฐานประกอบอื่นๆ ก็เหลือน้อย
พระกิตติศักดิ์กล่าวด้วยว่า รู้สึกกังวลกับการใช้ชีวิตอยู่ในมูลนิธิฯ เนื่องจากไม่รู้จะเกิดเหตุอะไรที่รุนแรงอีก ป้องกันตัวยาก แต่ตอนนี้ก็อุ่นใจบ้างเพราะมีตำรวจจากกองบังคับการตำรวจภูธรภาค 5 มาคอยรักษาความปลอดภัยอยู่ 6 นาย
“มีการบุกรุกป่า มีการข่มขู่ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2545 ไม่มีใครที่ไหนหรอกที่น่าสงสัยกับคดีนี้ ก็มีคนใกล้ชิดนักการเมืองระดับชาติแถวนี้ เมื่อเกิดเหตุอะไรก็เข้ามาเกี่ยวข้องทุกครั้ง คงไม่ใช่กลุ่มอื่นเพราะทางมูลนิธิฯ ไม่มีศัตรู ออกบิณฑบาตชาวบ้านก็เป็นมิตร และมูลนิธิฯไม่เคยหนักใจกับชาวบ้าน แต่ต้องการให้คนที่ทำงานด้านชุมชนได้ทำงานเต็มที่ ไม่ต้องอยู่อย่างหวาดผวา ต้องเกรงกลัวอำนาจมืด” พระกิตติศักดิ์ กล่าว
“ดีเอสไอ” เชื่อเผาสวนป่าเมตตาธรรม โยงบุกรุกป่าพันฆ่าพระสุพจน์!
เผาขู่! สวนป่าปฏิบัติธรรม 200 ไร่ พันคดีตัวบงการฆ่า “พระสุพจน์”
วันนี้ (4 มี.ค.) พระกิตติศักดิ์ กิตติโสภโณ ซึ่งจำพรรษาอยู่ที่สำนักสงฆ์เดียวกับพระสุพจน์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีฆาตกรรม พระสุพจน์ สุวโจ ประธานมูลนิธิเมตตาธรรมรักษ์ สถานปฏิบัติธรรมสวนเมตตาธรรม และเมื่อวันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมาได้เกิดเหตุลอบวางเพลิงเผาสวนป่าเมตตาธรรม เสียหายประมาณ 200 ไร่ ในพื้นที่ ต.สันทราย อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ว่า ในวันนี้ตนจะให้ปากคำต่อเจ้าหน้าที่ดีเอสไอที่ลงมาตรวจสอบพื้นที่ความเสียหาย โดยจะเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดตั้งแต่รัฐบาลเข้ามารื้อฟื้นคดีพระสุพจน์ ก็มีการคุกคามทางมูลนิธิเมตตาธรรมต่อเนื่อง โดยมักมีกลุ่มคนเข้ามาสอดส่องในพื้นที่มูลนิธิฯ มีกลุ่มคนเข้ามาสอบถามชาวบ้านด้วยท่าทีที่แปลก นอกจากนี้จะให้ข้อมูลกับดีเอสไอในรายละเอียดต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นกับมูลนิธิฯมาก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุเพลิงไหม้
อย่างไรก็ตาม ทางดีเอสไอได้สอบปากคำคนที่เห็นเหตุการณ์ลอบวางเพลิงครั้งนี้ไปแล้ว 2-3 คน โดยเป็นชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงมูลนิธิฯ และชนเผ่าปะหล่องที่ทางมูลนิธิฯอนุญาตให้อยู่ในพื้นที่ดูแลปลูกป่าและทางมูลนิธิจัดหาพื้นที่ให้ทำกิน ซึ่งคนเหล่านี้ได้ไปชี้จุดที่เพลิงเริ่มลุกไหม้จุดแรกทางด้านตะวันตกและลุกลามมาทางด้านใต้ โดยพยานเห็นมีคนหนึ่งคนกำลังจุดไฟเผา ซึ่งในเบื้องต้นดีเอสไอได้คิดมูลค่าความเสียหายครั้งนี้ 150,0000 บาท โดยมีต้นไม้ได้รับความเสียหายจำนวนมาก ต้นลำใยที่มีอายุเก็บเกี่ยวให้ผลผลิตได้แล้ว อายุ 7-8 ปี เสียหาย 300 ต้น ต้นมะม่วง 200 ต้น
พระกิตติศักดิ์กล่าวต่อไปว่า อยากให้รัฐบาลชุดปัจจุบันเร่งรัดคดีการฆาตกรรมพระสุพจน์ให้ลุล่วงไปได้ด้วยดี ไม่ใช่แค่จับได้ตัวผู้กระทำผิด แต่อยากให้จับได้ถึงตัวผู้บงการทุกระดับ ซึ่งเชื่อว่าคณะกรรมการของดีเอสไอจะมีส่วนช่วยหาหลักฐานเอาผิดต่อคนผิดได้ โดยที่ผ่านมาก็เห็นว่าจริงใจ ตั้งใจทำงานในคดีนี้ แต่ก็ต้องยอมรับรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ไม่ได้ใส่ใจกับคดีนี้เท่าที่ควร และดีเอสไอเองก็ไม่ได้รับความสะดวกกับการเมืองบางช่วง อีกทั้งดีเอสไอก็ตกเป็นเครื่องมือนักการเมือง ซึ่งพอถึงตอนนี้เรื่องคดีผ่านมาเกือบ 4 ปี การที่จะพยายามหาหลักฐานประกอบอื่นๆ ก็เหลือน้อย
พระกิตติศักดิ์กล่าวด้วยว่า รู้สึกกังวลกับการใช้ชีวิตอยู่ในมูลนิธิฯ เนื่องจากไม่รู้จะเกิดเหตุอะไรที่รุนแรงอีก ป้องกันตัวยาก แต่ตอนนี้ก็อุ่นใจบ้างเพราะมีตำรวจจากกองบังคับการตำรวจภูธรภาค 5 มาคอยรักษาความปลอดภัยอยู่ 6 นาย
“มีการบุกรุกป่า มีการข่มขู่ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2545 ไม่มีใครที่ไหนหรอกที่น่าสงสัยกับคดีนี้ ก็มีคนใกล้ชิดนักการเมืองระดับชาติแถวนี้ เมื่อเกิดเหตุอะไรก็เข้ามาเกี่ยวข้องทุกครั้ง คงไม่ใช่กลุ่มอื่นเพราะทางมูลนิธิฯ ไม่มีศัตรู ออกบิณฑบาตชาวบ้านก็เป็นมิตร และมูลนิธิฯไม่เคยหนักใจกับชาวบ้าน แต่ต้องการให้คนที่ทำงานด้านชุมชนได้ทำงานเต็มที่ ไม่ต้องอยู่อย่างหวาดผวา ต้องเกรงกลัวอำนาจมืด” พระกิตติศักดิ์ กล่าว
“ดีเอสไอ” เชื่อเผาสวนป่าเมตตาธรรม โยงบุกรุกป่าพันฆ่าพระสุพจน์!
เผาขู่! สวนป่าปฏิบัติธรรม 200 ไร่ พันคดีตัวบงการฆ่า “พระสุพจน์”