“อำนวย” ยันไม่มีการเมืองแทรกออกหมายเรียก 21 พันธมิตรฯ โดยไม่มีชื่อ “กษิต ภิรมย์” เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ปิดล้อมรัฐสภา ซึ่งส่วนนี้ไม่เกี่ยวกับ รมว.ต่างประเทศ แบ่ง 3 ส่วนในการดำเนินคดี “ปิดล้อมทำเนียบ-บุกปิดรัฐสภา-ปิดล้อมดอนเมือง-สุวรรณภูมิ” เตือนไม่มาตามหมายเรียกเจอหมายจับ ขณะที่ ผบช.น.บอกทุกคนที่ได้รับหมายเรียกให้มารายงานตัวตั้งแต่ 2 มี.ค.นี้
วันนี้ (27 ก.พ.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อเวลา 11.00 น. พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. กล่าวถึงกรณีที่มีการออกหมายเรียกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และไม่มีชื่อนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จนหลายฝ่ายออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่าถูกการเมืองแทรกแซงนั้น ตนขอยืนยันว่าไม่มีการแทรกแซงจากฝ่ายการเมือง โดย 21 คนที่ออกหมายเรียกแล้วนั้นเป็นเหตุการณ์เฉพาะที่ทำการปิดล้อมรัฐสภา ซึ่งศาลปกครองกลางมีคำสั่งออกมาว่าเป็นการชุมนุมที่ไม่สงบ เป็นการละเมิดกฎหมาย เนื่องจากมีหลักฐานปรากฎว่าทั้ง 21 คนเป็นแกนนำที่นำประชาชนไปทำการปิดล้อมรัฐสภา เพราะฉะนั้น ในส่วนนี้ไม่เกี่ยวกับนายกษิต รวมถึงไม่เกี่ยวกับการปิดล้อมสนามบินดอนเมือง สนามบินสุวรรณภูมิ และเมื่อมีการออกหมายเรียก หากมีการขัดหมายเรียกด้วยไม่มีเหตุอันควรซึ่งมีเจตนาไม่มาพบพนักงานสอบสวนก็จะมีการออกหมายจับต่อไป
พล.ต.ต.อำนวย กล่าวถึงการดำเนินคดีทั้งหมดว่า มีการแบ่งคดีเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนแรกคือ การปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล พนักงานสอบสวนได้ดำเนินการตามขั้นตอนไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนที่ 2 คือ การบุกปิดรัฐสภา มีการออกหมายเรียกตามที่ทราบ ส่วนที่ 3 คือ การปิดล้อมสนามบินดอนเมือง กองบังคับการตำรวจนครบาล 2 อยู่ระหว่างขั้นตอนการดำเนินการ ส่วนการปิดล้อมสนามบินสุวรรณภูมินั้น เป็นหน้าที่ของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เนื่องจากเป็นพื้นที่ของ สภ.ราชาเทวะ จ.สมุทรปราการ แต่เมื่อมีการสรุปสำนวนเรียบร้อยจะมีการนำ 2 คดี คือ การปิดล้อมสนามบินดอนเมืองและการปิดล้อมสนามบินสุวรรณภูมิ มารวมเป็นคดีเดียวกัน โดยมีคณะทำงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน ซึ่งส่วนนี้ตนเองยังไม่ทราบรายละเอียด
“ส่วนการประเมินการชุมนุมที่ผ่านมานั้นถือว่าพอใจไม่เกิดความรุนแรง ไม่เกิดความสูญเสีย แม้จะมีเหตุการณ์การกระทำผิดบ้างแต่ก็ถือว่าไม่รุนแรง แต่กลุ่มไหนก็แล้วแต่ที่ทำอะไรไว้ พูดอะไรไว้ ต้องรับผิดชอบหากผิดกฎหมาย ผมถึงได้เตือนว่าอย่าละเมิดกฎหมาย เพราะมีหลักฐานบันทึกอยู่ทั้งการบันทึกภาพ บันทึกเสียง ท้ายที่สุดก็ต้อดำเนินคดี เพราะหากไม่ทำตำรวจก็จะโดนข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157” พล.ต.ต.อำนวย กล่าว
ทางด้าน พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า หมายเรียก 21 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ปิดล้อมรัฐสภา เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ให้มารับทราบข้อกล่าวหาที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้ตั้งแต่วันที่ 2 มีนาคมนี้ โดยได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เป็นผู้รับผิดชอบคดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จำนวน 21 ราย ประกอบด้วย 1.นายสนธิ ลิ้มทองกุล 2.นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ 3.นายสุริยะใส กตะศิลา 4.นายสำราญ รอดเพชร 5.นายสาวิตย์ แก้วหวาน 6.นายวีระ สมความคิด 7.นายกิตติชัย ใสสะอาด 8.นายสุชาติ ศรีสังข์ 9.นายพิภพ ธงไชย 10.นายสมศักดิ์ โกศัยสุข
11.นายอมร รัตนานนท์ 12.นายศิริชัย ไม้งาม 13.นายพิชิต ชัยมงคล 14.นายอำนาจ พละมี 15.นายประยุทธ วีระกิตต์ 16.นายสมบูรณ์ ทองบุราน 17.นายประพันธ์ คูณมี 18.นายพิเชฐ พัฒนโชติ 19.นายศุภผล เอี่ยมเมธาวี 20.นางมาลีรัตน์ แก้วก่า และ 21.น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก
วันนี้ (27 ก.พ.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อเวลา 11.00 น. พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. กล่าวถึงกรณีที่มีการออกหมายเรียกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และไม่มีชื่อนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จนหลายฝ่ายออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่าถูกการเมืองแทรกแซงนั้น ตนขอยืนยันว่าไม่มีการแทรกแซงจากฝ่ายการเมือง โดย 21 คนที่ออกหมายเรียกแล้วนั้นเป็นเหตุการณ์เฉพาะที่ทำการปิดล้อมรัฐสภา ซึ่งศาลปกครองกลางมีคำสั่งออกมาว่าเป็นการชุมนุมที่ไม่สงบ เป็นการละเมิดกฎหมาย เนื่องจากมีหลักฐานปรากฎว่าทั้ง 21 คนเป็นแกนนำที่นำประชาชนไปทำการปิดล้อมรัฐสภา เพราะฉะนั้น ในส่วนนี้ไม่เกี่ยวกับนายกษิต รวมถึงไม่เกี่ยวกับการปิดล้อมสนามบินดอนเมือง สนามบินสุวรรณภูมิ และเมื่อมีการออกหมายเรียก หากมีการขัดหมายเรียกด้วยไม่มีเหตุอันควรซึ่งมีเจตนาไม่มาพบพนักงานสอบสวนก็จะมีการออกหมายจับต่อไป
พล.ต.ต.อำนวย กล่าวถึงการดำเนินคดีทั้งหมดว่า มีการแบ่งคดีเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนแรกคือ การปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล พนักงานสอบสวนได้ดำเนินการตามขั้นตอนไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนที่ 2 คือ การบุกปิดรัฐสภา มีการออกหมายเรียกตามที่ทราบ ส่วนที่ 3 คือ การปิดล้อมสนามบินดอนเมือง กองบังคับการตำรวจนครบาล 2 อยู่ระหว่างขั้นตอนการดำเนินการ ส่วนการปิดล้อมสนามบินสุวรรณภูมินั้น เป็นหน้าที่ของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เนื่องจากเป็นพื้นที่ของ สภ.ราชาเทวะ จ.สมุทรปราการ แต่เมื่อมีการสรุปสำนวนเรียบร้อยจะมีการนำ 2 คดี คือ การปิดล้อมสนามบินดอนเมืองและการปิดล้อมสนามบินสุวรรณภูมิ มารวมเป็นคดีเดียวกัน โดยมีคณะทำงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน ซึ่งส่วนนี้ตนเองยังไม่ทราบรายละเอียด
“ส่วนการประเมินการชุมนุมที่ผ่านมานั้นถือว่าพอใจไม่เกิดความรุนแรง ไม่เกิดความสูญเสีย แม้จะมีเหตุการณ์การกระทำผิดบ้างแต่ก็ถือว่าไม่รุนแรง แต่กลุ่มไหนก็แล้วแต่ที่ทำอะไรไว้ พูดอะไรไว้ ต้องรับผิดชอบหากผิดกฎหมาย ผมถึงได้เตือนว่าอย่าละเมิดกฎหมาย เพราะมีหลักฐานบันทึกอยู่ทั้งการบันทึกภาพ บันทึกเสียง ท้ายที่สุดก็ต้อดำเนินคดี เพราะหากไม่ทำตำรวจก็จะโดนข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157” พล.ต.ต.อำนวย กล่าว
ทางด้าน พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า หมายเรียก 21 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ปิดล้อมรัฐสภา เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ให้มารับทราบข้อกล่าวหาที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้ตั้งแต่วันที่ 2 มีนาคมนี้ โดยได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เป็นผู้รับผิดชอบคดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จำนวน 21 ราย ประกอบด้วย 1.นายสนธิ ลิ้มทองกุล 2.นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ 3.นายสุริยะใส กตะศิลา 4.นายสำราญ รอดเพชร 5.นายสาวิตย์ แก้วหวาน 6.นายวีระ สมความคิด 7.นายกิตติชัย ใสสะอาด 8.นายสุชาติ ศรีสังข์ 9.นายพิภพ ธงไชย 10.นายสมศักดิ์ โกศัยสุข
11.นายอมร รัตนานนท์ 12.นายศิริชัย ไม้งาม 13.นายพิชิต ชัยมงคล 14.นายอำนาจ พละมี 15.นายประยุทธ วีระกิตต์ 16.นายสมบูรณ์ ทองบุราน 17.นายประพันธ์ คูณมี 18.นายพิเชฐ พัฒนโชติ 19.นายศุภผล เอี่ยมเมธาวี 20.นางมาลีรัตน์ แก้วก่า และ 21.น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก
