“สุชาติ” นำทีมแถลงจับแก๊งโคลัมเบีย พร้อมเมียชาวไทย เที่ยวตระเวนลักทรัพย์ตามเคหสถานในพื้นที่ จ.นนทบุรี และสมุทรปราการ กวาดทรัพย์สินไปได้กว่าหลายล้านบาทรวมถึงของกลางที่ยัดได้อีก 209 รายการ สารภาพยึดอาชีพโจรเพราะคิดว่าตำรวจไทยไร้ความสามารถ แฉมีสมาชิกแก๊งอีก 30 คนยังหลบซ่อนตัวอยู่ในไทย ด้าน ผบช.น.แนะ รปภ.ตามหมู่บ้านเข้มงวดกับชาวต่างชาติที่ผ่านเข้าออก
วันนี้ (8 ก.พ.) เมื่อเวลา 14.30 น. พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น. พ.ต.อ.ปรีชา ธิมามนตรี รอง ผบก.ศส.บช.น. พ.ต.อ.พันธุ์เทพ ธรรมจารี ผกก.ศส.บช.น. พ.ต.อ.สุทิพย์ ผลิตกุศลธัช ผกก.สน.ธรรมศาลา และพ.ต.ท.สุคนธ์ ศรีอรุณ รอง ผกก.ศส.บช.น. แถลงข่าวผลงานการบูรณาการฝ่ายสืบสวนของ ศส.บช.น. ศส.ภ.จว.นนทบุรี และสน.ธรรมศาลา ร่วมกันจับกุมตัว MR.Alvaro Gomez Pederos อายุ 33 ปี MR.Adelmo Garcia Ardiia อายุ 40 ปี ทั้ง 2 รายเป็นชาวโคลอมเบีย และ น.ส.วลัยพร คณา อายุ 25 ปี ซึ่งเป็นภรรยาของ MR.Adelmo พร้อมของกลาง บัตรผู้สื่อข่าวสังกัด NUS service limited ซึ่งเป็นบัตรปลอมระบุชื่อ MR.Aerson Neo 1 ใบ เครื่องเพชร ทองรูปพรรณ พระเครื่อง โทรศัพท์มือถือ กล้องถ่ายรูปดิจิตอล คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก เงินสด และทรัพย์สินมีค่าจำนวน 209 รายการ รวมมูลค่าทั้งสิ้นหลายล้านบาท โดยสามารถจับกุม MR.Adelmo และ น.ส.วลัยพรได้ภายในห้องเลขที่ 28/268 อาคารลุมพินีวิลล์ ย่านปิ่นเกล้า ก่อนขยายผลไปตามจับกุมตัว MR.Alvaro ได้ภายในห้องเลขที่ 171/532 อาคารรัตนโกสินทร์ไอซ์แลนด์ ตรงข้ามห้างสรรพสินค้าพาต้าปิ่นเกล้า
พล.ต.ต.สุชาติ เปิดเผยว่า การจับกุมในครั้งนี้สืบเนื่องมาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุลักทรัพย์ตามเคหสถานหลายครั้งในพื้นที่นครบาล จ.นนทบุรี และ จ.สมุทรปราการ ต่อมาตนจึงประสานไปยัง พล.ต.ท.ฉลอง สนใจ ผบช.ภ.1 เพื่อหาแนวทางในการสืบสวนร่วมกัน โดยมอบหมายให้ ศส.บช.น. ศส.ภ.จว.นนทบุรี และฝ่ายสืบสวน สน.ธรรมศาลา ทำการบูรณาการกำลังออกติดตามหาเบาะคนร้าย กระทั่งทราบว่ามีพยานในท้องที่ สภ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี และท้องที่ สน.บางเขน ให้ข้อมูลตรงกันเกี่ยวกับรูปพรรณแก๊งคนร้ายซึ่งเป็นชาวต่างชาติ ใช้รถเก๋งหมายเลขทะเบียน ศจ 2470 กทม.เข้าไปก่อเหตุในหมู่บ้าน ชุดสืบสวนจึงใช้การผันตัวเลขทะเบียนรถเก๋งคันดังกล่าวจนทราบว่าเป็นรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวิช สีดำ มีหมายเลขทะเบียนที่แท้จริงคือ ศจ 2170 กทม.ซึ่งอยู่ในความครอบครองของบริษัทให้เช่ารถแห่งหนึ่งชื่อ บจก.สาธรคาร์เร้น ย่านสาทร จึงรีบรุดไปตรวจสอบจนได้เบาะแสของคนร้ายผู้ที่เช่ารถในวันและเวลาที่ก่อเหตุจากหนังสือเดินทาง และติดตามไปขยายผลจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 รายไว้ได้ที่ห้องพักพร้อมของกลางซึ่งยังประเมินมูลค่าไม่ได้เพราะเป็นทรัพย์สินจำนวนรวมกันถึง 209 รายการ
จากการสอบสวน MR.Adelmo ให้การทั้งน้ำตา ว่า ตนเดินทางเข้ามาอยู่ในประเทศไทยนานแล้วจนมีภรรยาเป็นชาวไทย โดยก่อนก่อเหตุจะทำหน้าที่เป็นผู้เดินทางไปเช่ารถที่บริษัทดังกล่าวแล้วจะนำดินน้ำมันหรือเทปกาวมาติดดัดแปลงหมายเลขทะเบียน เช่นเปลี่ยนจากเลข 3 ให้เป็นเลข 8 หรือเปลี่ยนจากเลข 1 ให้เป็นเลข 4 เป็นต้น จากนั้นก็จะขับพาภรรยาชาวไทย และเพื่อนๆ ในแก๊งทั้งชายและหญิงไปตระเวนตามหมู่บ้านใหญ่ๆ ที่ รปภ.ไม่ค่อยเข้มงวดในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยวางแผนให้ผู้หญิงลงไปกดออดบ้านเป้าหมาย หากมีผู้อาศัยเดินออกมาก็จะอ้างว่ามาผิดบ้าน แต่ถ้าแน่ใจว่าไม่ใครพักอยู่ในบ้านก็จะส่งทีมงานที่มาด้วยกันปีนเข้าไปลักทรัพย์ ซึ่งตนจะขับวนไปเรื่อยๆ ในหมู่บ้านเพื่อดูลาดเลาและรอสัญญาณจากทีมงานที่เข้าไปก่อเหตุให้ขับรถไปรับ ส่วนสาเหตุที่ต้องมายึดอาชีพตีนแมวในประเทศไทยเนื่องจากต้องหาเงินส่งไปรักษาแม่ที่ป่วยอยู่ในประเทศโคลอมเบีย และต้องการหาเงินค่าเช่าห้อง สำหรับบัตรผู้สื่อข่าวที่ตำรวจยึดได้นั้นเป็นบัตร ซึ่ง MR.Aerson Neo หัวหน้าแก๊งที่ยังหลบหนีไปทำปลอมมาให้จากย่านถนนข้าวสารเพื่อเอาไว้ใช้แสดงตัวเมื่อถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจค้น
ด้าน MR.Alvaro ให้การว่า ก่อนหน้านี้ตนทำงานอยู่ที่บริษัทขายน้ำดื่มแห่งหนึ่งในประเทศโคลอมเบีย ต่อมาได้ถูกคนร้ายก่อเหตุชิงทรัพย์และถูกยิงเข้าที่ฝ่ามือข้างขวาจนมือไม่สามารถใช้การได้ เมื่อมีโอกาสเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยก็ถูกคนในแก๊งซึ่งเป็นชาวสัญชาติเดียวกันชักชวนให้ไปร่วมก่อเหตุ โดยให้ตนทำหน้าที่งัดเซฟ จึงยึดอาชีพนี้เรื่อยมาเพราะคิดว่าตำรวจไทยคงไร้ความสามารถ ส่วนทรัพย์สินที่ได้มา MR.Aerson Neo ก็จะเอากลับไปขายที่ประเทศโคลัมเบีย และตามตลาดมืด ก่อนที่จะนำส่วนแบ่งมาให้ตนไว้ส่งไปจุนเจือครอบครัวและใช้จ่ายประจำวัน
ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.สุทิพย์ เปิดเผยว่า จากแนวทางการสืบสวนพบว่าคนร้ายต่างชาติแก๊งนี้มีสมาชิกที่ยังอยู่ในประเทศไทยอีกกว่า 30 คน โดยจำนวนนี้มีที่เป็นหัวหน้าแก๊ง 2-3 คน ส่วนใหญ่จะกบดานอยู่ตามย่านถนนข้าวสาร และถนนสาทร (ซอย 1) โดยวิธีการก่อเหตุก็จะไปเช่ารถตามเต็นท์ไว้เป็นยานพาหนะ ก่อนนำมาเปลี่ยนตัวเลขทะเบียนด้วยวิธีง่ายๆ เช่น เอาเทปกาวสีดำปิด หรือใช้ดินน้ำมันแปะ แล้วพากันขับตระเวนไปดูบ้านเป้าหมายในหมู่บ้านใหญ่ๆ ที่มีทางเข้าออกหลายทาง และเจ้าหน้าที่ รปภ.ไม่เข้มงวดมากนัก เมื่อสบโอกาสก็จะลงมือก่อเหตุทันที โดยท้องที่ สน.ธรรมศาลา มีผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายยกเค้าไปแล้วจำนวน 3 คดี
นอกจากนี้ พล.ต.ท.สุชาติ ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า ตนขอฝากเตือนไปยังประชาชนด้วยว่าบางครั้งตู้เซฟก็ไม่สามารถป้องกันทรัพย์สินท่านได้เสมอไป หากท่านนำทรัพย์สินอันมีค่าเก็บไว้ในตู้เซฟมากๆ ก็อาจโดนยกเค้าไปทั้งตู้เลยก็เป็นได้ ส่วนทางเจ้าหน้าที่ รปภ.ตามหมู่บ้านเองก็ดี ส่วนใหญ่เมื่อเห็นชาวต่างชาติขับรถเข้าไปในหมู่บ้านที่ตัวเองรับผิดชอบแล้วก็มักจะไม่ค่อยสนใจมากนัก จึงอยากประชาสัมพันธ์ไปถึงเจ้าหน้าที่ รปภ.ให้เข้มงวดกับชาวต่างชาติที่ผ่านเข้าไปในพื้นที่ที่ท่านรับผิดชอบด้วย
อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบเบาะแสของผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีแล้วจำนวน 3 ราย ประกอบด้วย 1.MR.Aerson Neo อายุ 30 ปี 2.MR.Thornlet Anne อายุ 45 ปี และ 3.Miss Caolin Diyana อายุ 33 ปี ซึ่ง 2 รายแรกเป็นผู้ต้องหาที่ใช้พาสปอร์ตปลอมทำหน้าที่บุกเข้าไปในบ้านเป้าหมายเพื่อลักทรัพย์ ส่วนรายที่ 3 ทำหน้าที่กดออดเพื่อเช็คว่าบ้านเป้าหมายมีผู้พักอาศัยหรือไม่ เบื้องต้นชุดจับกุมได้ทำการแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันลักทรัพย์ในเคหสถาน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ โดยเข้าทางช่องทางซึ่งได้จัดทำขึ้นโดยไม่ได้จำนงให้เป็นทางคนเข้า โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปให้พ้นการจับกุม โดยมีหรือใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกในการหลบหนีหรือรับของโจร แก่ผู้ต้องหาที่จับกุมมาได้ทั้ง 3 คน ส่วนผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีนั้นจะออกหมายจับก่อนติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจข้อมูลของเจ้าหน้าที่ตำรวจยังมีรถที่ผู้ต้องหาแก๊งนี้ไปเช่าที่ บจก.สาธรคาร์เร้น แล้วนำมาเปลี่ยนแปลงหมายเลขทะเบียนเพื่อนำไปใช้ก่อเหตุอีกจำนวน หลายคัน จึงเชื่อได้ว่าน่าจะเคยพากันไปตระเวนก่อเหตุในหลายพื้นที่มาแล้วหลายครั้ง ไม่เว้นแม้แต่บ้านผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง จึงอยากประชาสัมพันธ์แจ้งให้สถานีตำรวจในเขตนครบาล และปริมณฑล หรือจังหวัดอื่นๆ ที่มีคดีในลักษณะดังกล่าวช่วยแจ้งผู้เสียหายให้มาดูตัวผู้ต้องหา และทรัพย์สินของกลางได้ที่ ศส.บช.น.
วันนี้ (8 ก.พ.) เมื่อเวลา 14.30 น. พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น. พ.ต.อ.ปรีชา ธิมามนตรี รอง ผบก.ศส.บช.น. พ.ต.อ.พันธุ์เทพ ธรรมจารี ผกก.ศส.บช.น. พ.ต.อ.สุทิพย์ ผลิตกุศลธัช ผกก.สน.ธรรมศาลา และพ.ต.ท.สุคนธ์ ศรีอรุณ รอง ผกก.ศส.บช.น. แถลงข่าวผลงานการบูรณาการฝ่ายสืบสวนของ ศส.บช.น. ศส.ภ.จว.นนทบุรี และสน.ธรรมศาลา ร่วมกันจับกุมตัว MR.Alvaro Gomez Pederos อายุ 33 ปี MR.Adelmo Garcia Ardiia อายุ 40 ปี ทั้ง 2 รายเป็นชาวโคลอมเบีย และ น.ส.วลัยพร คณา อายุ 25 ปี ซึ่งเป็นภรรยาของ MR.Adelmo พร้อมของกลาง บัตรผู้สื่อข่าวสังกัด NUS service limited ซึ่งเป็นบัตรปลอมระบุชื่อ MR.Aerson Neo 1 ใบ เครื่องเพชร ทองรูปพรรณ พระเครื่อง โทรศัพท์มือถือ กล้องถ่ายรูปดิจิตอล คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก เงินสด และทรัพย์สินมีค่าจำนวน 209 รายการ รวมมูลค่าทั้งสิ้นหลายล้านบาท โดยสามารถจับกุม MR.Adelmo และ น.ส.วลัยพรได้ภายในห้องเลขที่ 28/268 อาคารลุมพินีวิลล์ ย่านปิ่นเกล้า ก่อนขยายผลไปตามจับกุมตัว MR.Alvaro ได้ภายในห้องเลขที่ 171/532 อาคารรัตนโกสินทร์ไอซ์แลนด์ ตรงข้ามห้างสรรพสินค้าพาต้าปิ่นเกล้า
พล.ต.ต.สุชาติ เปิดเผยว่า การจับกุมในครั้งนี้สืบเนื่องมาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุลักทรัพย์ตามเคหสถานหลายครั้งในพื้นที่นครบาล จ.นนทบุรี และ จ.สมุทรปราการ ต่อมาตนจึงประสานไปยัง พล.ต.ท.ฉลอง สนใจ ผบช.ภ.1 เพื่อหาแนวทางในการสืบสวนร่วมกัน โดยมอบหมายให้ ศส.บช.น. ศส.ภ.จว.นนทบุรี และฝ่ายสืบสวน สน.ธรรมศาลา ทำการบูรณาการกำลังออกติดตามหาเบาะคนร้าย กระทั่งทราบว่ามีพยานในท้องที่ สภ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี และท้องที่ สน.บางเขน ให้ข้อมูลตรงกันเกี่ยวกับรูปพรรณแก๊งคนร้ายซึ่งเป็นชาวต่างชาติ ใช้รถเก๋งหมายเลขทะเบียน ศจ 2470 กทม.เข้าไปก่อเหตุในหมู่บ้าน ชุดสืบสวนจึงใช้การผันตัวเลขทะเบียนรถเก๋งคันดังกล่าวจนทราบว่าเป็นรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวิช สีดำ มีหมายเลขทะเบียนที่แท้จริงคือ ศจ 2170 กทม.ซึ่งอยู่ในความครอบครองของบริษัทให้เช่ารถแห่งหนึ่งชื่อ บจก.สาธรคาร์เร้น ย่านสาทร จึงรีบรุดไปตรวจสอบจนได้เบาะแสของคนร้ายผู้ที่เช่ารถในวันและเวลาที่ก่อเหตุจากหนังสือเดินทาง และติดตามไปขยายผลจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 รายไว้ได้ที่ห้องพักพร้อมของกลางซึ่งยังประเมินมูลค่าไม่ได้เพราะเป็นทรัพย์สินจำนวนรวมกันถึง 209 รายการ
จากการสอบสวน MR.Adelmo ให้การทั้งน้ำตา ว่า ตนเดินทางเข้ามาอยู่ในประเทศไทยนานแล้วจนมีภรรยาเป็นชาวไทย โดยก่อนก่อเหตุจะทำหน้าที่เป็นผู้เดินทางไปเช่ารถที่บริษัทดังกล่าวแล้วจะนำดินน้ำมันหรือเทปกาวมาติดดัดแปลงหมายเลขทะเบียน เช่นเปลี่ยนจากเลข 3 ให้เป็นเลข 8 หรือเปลี่ยนจากเลข 1 ให้เป็นเลข 4 เป็นต้น จากนั้นก็จะขับพาภรรยาชาวไทย และเพื่อนๆ ในแก๊งทั้งชายและหญิงไปตระเวนตามหมู่บ้านใหญ่ๆ ที่ รปภ.ไม่ค่อยเข้มงวดในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยวางแผนให้ผู้หญิงลงไปกดออดบ้านเป้าหมาย หากมีผู้อาศัยเดินออกมาก็จะอ้างว่ามาผิดบ้าน แต่ถ้าแน่ใจว่าไม่ใครพักอยู่ในบ้านก็จะส่งทีมงานที่มาด้วยกันปีนเข้าไปลักทรัพย์ ซึ่งตนจะขับวนไปเรื่อยๆ ในหมู่บ้านเพื่อดูลาดเลาและรอสัญญาณจากทีมงานที่เข้าไปก่อเหตุให้ขับรถไปรับ ส่วนสาเหตุที่ต้องมายึดอาชีพตีนแมวในประเทศไทยเนื่องจากต้องหาเงินส่งไปรักษาแม่ที่ป่วยอยู่ในประเทศโคลอมเบีย และต้องการหาเงินค่าเช่าห้อง สำหรับบัตรผู้สื่อข่าวที่ตำรวจยึดได้นั้นเป็นบัตร ซึ่ง MR.Aerson Neo หัวหน้าแก๊งที่ยังหลบหนีไปทำปลอมมาให้จากย่านถนนข้าวสารเพื่อเอาไว้ใช้แสดงตัวเมื่อถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจค้น
ด้าน MR.Alvaro ให้การว่า ก่อนหน้านี้ตนทำงานอยู่ที่บริษัทขายน้ำดื่มแห่งหนึ่งในประเทศโคลอมเบีย ต่อมาได้ถูกคนร้ายก่อเหตุชิงทรัพย์และถูกยิงเข้าที่ฝ่ามือข้างขวาจนมือไม่สามารถใช้การได้ เมื่อมีโอกาสเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยก็ถูกคนในแก๊งซึ่งเป็นชาวสัญชาติเดียวกันชักชวนให้ไปร่วมก่อเหตุ โดยให้ตนทำหน้าที่งัดเซฟ จึงยึดอาชีพนี้เรื่อยมาเพราะคิดว่าตำรวจไทยคงไร้ความสามารถ ส่วนทรัพย์สินที่ได้มา MR.Aerson Neo ก็จะเอากลับไปขายที่ประเทศโคลัมเบีย และตามตลาดมืด ก่อนที่จะนำส่วนแบ่งมาให้ตนไว้ส่งไปจุนเจือครอบครัวและใช้จ่ายประจำวัน
ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.สุทิพย์ เปิดเผยว่า จากแนวทางการสืบสวนพบว่าคนร้ายต่างชาติแก๊งนี้มีสมาชิกที่ยังอยู่ในประเทศไทยอีกกว่า 30 คน โดยจำนวนนี้มีที่เป็นหัวหน้าแก๊ง 2-3 คน ส่วนใหญ่จะกบดานอยู่ตามย่านถนนข้าวสาร และถนนสาทร (ซอย 1) โดยวิธีการก่อเหตุก็จะไปเช่ารถตามเต็นท์ไว้เป็นยานพาหนะ ก่อนนำมาเปลี่ยนตัวเลขทะเบียนด้วยวิธีง่ายๆ เช่น เอาเทปกาวสีดำปิด หรือใช้ดินน้ำมันแปะ แล้วพากันขับตระเวนไปดูบ้านเป้าหมายในหมู่บ้านใหญ่ๆ ที่มีทางเข้าออกหลายทาง และเจ้าหน้าที่ รปภ.ไม่เข้มงวดมากนัก เมื่อสบโอกาสก็จะลงมือก่อเหตุทันที โดยท้องที่ สน.ธรรมศาลา มีผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายยกเค้าไปแล้วจำนวน 3 คดี
นอกจากนี้ พล.ต.ท.สุชาติ ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า ตนขอฝากเตือนไปยังประชาชนด้วยว่าบางครั้งตู้เซฟก็ไม่สามารถป้องกันทรัพย์สินท่านได้เสมอไป หากท่านนำทรัพย์สินอันมีค่าเก็บไว้ในตู้เซฟมากๆ ก็อาจโดนยกเค้าไปทั้งตู้เลยก็เป็นได้ ส่วนทางเจ้าหน้าที่ รปภ.ตามหมู่บ้านเองก็ดี ส่วนใหญ่เมื่อเห็นชาวต่างชาติขับรถเข้าไปในหมู่บ้านที่ตัวเองรับผิดชอบแล้วก็มักจะไม่ค่อยสนใจมากนัก จึงอยากประชาสัมพันธ์ไปถึงเจ้าหน้าที่ รปภ.ให้เข้มงวดกับชาวต่างชาติที่ผ่านเข้าไปในพื้นที่ที่ท่านรับผิดชอบด้วย
อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบเบาะแสของผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีแล้วจำนวน 3 ราย ประกอบด้วย 1.MR.Aerson Neo อายุ 30 ปี 2.MR.Thornlet Anne อายุ 45 ปี และ 3.Miss Caolin Diyana อายุ 33 ปี ซึ่ง 2 รายแรกเป็นผู้ต้องหาที่ใช้พาสปอร์ตปลอมทำหน้าที่บุกเข้าไปในบ้านเป้าหมายเพื่อลักทรัพย์ ส่วนรายที่ 3 ทำหน้าที่กดออดเพื่อเช็คว่าบ้านเป้าหมายมีผู้พักอาศัยหรือไม่ เบื้องต้นชุดจับกุมได้ทำการแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันลักทรัพย์ในเคหสถาน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ โดยเข้าทางช่องทางซึ่งได้จัดทำขึ้นโดยไม่ได้จำนงให้เป็นทางคนเข้า โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปให้พ้นการจับกุม โดยมีหรือใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกในการหลบหนีหรือรับของโจร แก่ผู้ต้องหาที่จับกุมมาได้ทั้ง 3 คน ส่วนผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีนั้นจะออกหมายจับก่อนติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจข้อมูลของเจ้าหน้าที่ตำรวจยังมีรถที่ผู้ต้องหาแก๊งนี้ไปเช่าที่ บจก.สาธรคาร์เร้น แล้วนำมาเปลี่ยนแปลงหมายเลขทะเบียนเพื่อนำไปใช้ก่อเหตุอีกจำนวน หลายคัน จึงเชื่อได้ว่าน่าจะเคยพากันไปตระเวนก่อเหตุในหลายพื้นที่มาแล้วหลายครั้ง ไม่เว้นแม้แต่บ้านผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง จึงอยากประชาสัมพันธ์แจ้งให้สถานีตำรวจในเขตนครบาล และปริมณฑล หรือจังหวัดอื่นๆ ที่มีคดีในลักษณะดังกล่าวช่วยแจ้งผู้เสียหายให้มาดูตัวผู้ต้องหา และทรัพย์สินของกลางได้ที่ ศส.บช.น.