ผบช.น.นำทีมแถลงจับ 2 ผัวเมียเอเยนต์ค้ายาบ้ารายใหญ่ ลักลอบขายยาให้นักเที่ยวย่านรัชดา ตร.ใช้เวลาแกะรอยกว่า 3 เดือน ก่อนจะรวบตัวได้ทั้งคู่พร้อมของกลางยาบ้า 785 เม็ด ธนบัตรปลอมมูลค่า 440,000 บาท และเครื่องมือปั๊มยา แฉ พฤติกรรมสุดแสบ พิมพ์ธนบัตรปลอมซื้อยาจากตะเข็บชายแดน ยาที่ได้นำมาผสมยาแก้ปวดส่งขายนักเที่ยวอีกต่อ เงินที่ได้เอาไปเที่ยวแจกทิปไคโยตี้สาวคืนละหลายหมื่นบาท ยังปากแข็งบอกทำอาชีพสุจริต ทั้งๆ มีหมายจับติดตัวเพียบ
วันนี้ (4 ก.พ.) เมื่อเวลา 11.00 น.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) แถลงผลเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.อุดมสุข สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.บางชัน ร่วมกันจับกุมหนุ่มใหญ่พร้อมแฟนสาวเอเยนต์ค้ายาบ้าย่านราม 2 หัวใสแอบลักลอบพิมพ์ธนบัตรปลอมสำหรับซื้อยาบ้าจากแนวตะเข็บชายแดนนำมาบดผสมยาแก้ปวดพาราฯ ปั๊มเม็ดส่งขายต่อมอมเมาวัยรุ่นนักเที่ยวกลางคืนย่านรัชดาฯ บางนา และราม 2 ได้ผู้ต้องหา คือ นายภาณุวัตน์ หรือหนึ่ง ขำเขต อายุ 37 ปี ภูมิลำเนาเลขที่ 116 ซอยคู้บอน 27 แยก 10 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กทม.และ น.ส.อุทุมพร หรือปุ้ม ตันนุรักษ์ อายุ 20 ปีภูมิลำเนาเลขที่ 99/58 หมู่ 8 ต.เขาพระงาม อ.เมือง จ.ลพบุรี
เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมผู้ต้องหาค้ายาเสพติด ก่อนขยายผลและซุ่มโป่งดูพฤติการณ์มานานกว่า 2 เดือน ทราบว่า น.ส.อุทุมพร และภาณุวัฒน์ เป็นเครือข่ายยาบ้า จึงวางแผนจับกุม น.ส.อุทุมพรได้บริเวณชั้นล่างอาคารนิรันดร์คอนโดมิเนียม 2 ตึกเอฟ แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กทม. จากนั้นสอบสวนขยายผลเข้าจับกุมนายภาณุวัตน์ แฟนหนุ่มได้ในห้องพักเลขที่ 54/156 อาคารเดียวกัน พร้อมของกลางที่ซุกซ่อนในห้องประกอบด้วย ยาบ้าเม็ดสีส้ม 785 เม็ดยาบ้าชนิดผง 140 กรัม สีผสมอาหาร 6 ซอง หลอดสำหรับปั๊มยา 2 อันพร้อมอุปกรณ์เสพยาบ้า โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง ปืนลูกซอง 1 กระบอก ธนบัตรปลอมใบละ 1,000 บาท 440 ฉบับ รวมเป็นเงิน 440,000 บาท คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก และเครื่องพรินเตอร์
นอกจากนี้ยังตรวจยึดรถยนต์กระบะยี่ห้อนิสสัน จอดอยู่บริเวณลานจอดรถ ซึ่งเป็นรถที่ใช้รับส่งยาบ้าจำนวน 2 คัน ทะเบียน 6ฒ-0388 กทม. และทะเบียน บง-2911 อุบลราชธานี รวมมูลค่าความเสียหาย 700,000 บาท พร้อมแจ้งข้อหาร่วมกันมียาบ้าไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย ข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษ ข้อหาปลอมแปลงธนบัตรรัฐบาลไทยและข้อหาร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
พล.ต.ท.สุชาติ กล่าวว่า นายภาณุวัตน์ยังมีหมายจับศาลจังหวัดมีนบุรีปี 2549 ข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในสถานที่ราชการเวลากลางคืน ท้องที่ สน.ฉลองกรุง และข้อหาเดียวกันในท้องที่ สน.คันนายาว จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่พบว่านายภาณุวัตน์เป็นเครือข่ายค้ายาบ้ารายใหญ่ลักลอบขายให้นักเที่ยวย่านรัชดาฯ และใกล้เคียงมานานแล้ว เปลี่ยนที่ซ่อนตัวไปเรื่อยไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งโดยเจ้าหน้าที่ได้ใช้เวลาในการแกะรอยนานร่วม 2-3 เดือน ส่วนเงินที่ได้ไปเล่นการพนันและเที่ยวเตร่ยามกลางคืน ส่วนธนบัตรปลอมนั้นทำขึ้นเองนำไปซื้อยาบ้าจากแนวชายแดนมัดละ 16,000 บาท (2,000 เม็ด) นำมาขายต่อ โดยนำมาบดผสมกับยาพาราเซตามอลใส่สีผสมอาหารปั๊มเป็นเม็ด นำไปขายต่อนักเที่ยวกลางคืนย่านรัชดาฯ และใกล้เคียง นำเงินที่ได้ทั้งธนบัตรจริงธนบัตรปลอมใช้จ่ายในการเที่ยวเตร่ และจ่ายค่าทิปนักร้องไคโยตี้สาวคืนละหลายหมื่นบาท
ผบช.น.กล่าวต่อว่า ได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนสอบสวนขยายผลติดตามจับกุมเพื่อนร่วมขบวนการมาดำเนินคดีต่อไป ซึ่งตำรวจนครบาลจะเดินหน้ากวาดล้างปราบปรามยาเสพติดใน กทม.อย่างต่อเนื่องตามนโยบาย 90 วันปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาลซึ่งผลงานที่ผ่านมานั้นยังไม่สามารถประเมินได้ว่าพอใจหรือใจเพราะจากการประสานระหว่าง บช.ปส. กระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพบว่ามีการทะลักเข้ามาของยาเสพติดตามแนวชายแดนมีปริมาณที่สูงขึ้นอีกทั้งประเทศเพื่อนบ้านยังมีการลักลอบผลิตอีกเป็นจำนวนมากและ กทม.นั้นเป็นแหล่งจำหน่ายที่สำคัญด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่าจะเร่งสืบสวนปราบปรามอย่างเต็มที่
ด้าน นายภาณุวัตน์ ปฏิเสธข้อกล่าวหาพร้อมระบุว่ามีอาชีพสุจริตมาโดยตลอด ปกติจะอยู่ที่ จ.อุบลฯ เปิดร้านขายเครื่องเสียงที่นั่นและเดินทางเข้า กทม.เป็นครั้งคราวมาหาแฟนสาวในห้องที่เกิดเหตุ และยืนยันไม่เกี่ยวข้องกับของกลางยาบ้าที่พบในห้องเพราะเป็นห้องของญาติแฟน ปกติไม่ได้พักอยู่ที่นี่แต่เป็นคนจ่ายค่าห้องให้เท่านั้น ก่อนจะถูกตำรวจจับเพิ่งมาจากอุบลฯ และมาพักกับแฟนสาวโดยไม่รู้ว่าในห้องมียาบ้าซ่อนอยู่
วันนี้ (4 ก.พ.) เมื่อเวลา 11.00 น.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) แถลงผลเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.อุดมสุข สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.บางชัน ร่วมกันจับกุมหนุ่มใหญ่พร้อมแฟนสาวเอเยนต์ค้ายาบ้าย่านราม 2 หัวใสแอบลักลอบพิมพ์ธนบัตรปลอมสำหรับซื้อยาบ้าจากแนวตะเข็บชายแดนนำมาบดผสมยาแก้ปวดพาราฯ ปั๊มเม็ดส่งขายต่อมอมเมาวัยรุ่นนักเที่ยวกลางคืนย่านรัชดาฯ บางนา และราม 2 ได้ผู้ต้องหา คือ นายภาณุวัตน์ หรือหนึ่ง ขำเขต อายุ 37 ปี ภูมิลำเนาเลขที่ 116 ซอยคู้บอน 27 แยก 10 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กทม.และ น.ส.อุทุมพร หรือปุ้ม ตันนุรักษ์ อายุ 20 ปีภูมิลำเนาเลขที่ 99/58 หมู่ 8 ต.เขาพระงาม อ.เมือง จ.ลพบุรี
เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมผู้ต้องหาค้ายาเสพติด ก่อนขยายผลและซุ่มโป่งดูพฤติการณ์มานานกว่า 2 เดือน ทราบว่า น.ส.อุทุมพร และภาณุวัฒน์ เป็นเครือข่ายยาบ้า จึงวางแผนจับกุม น.ส.อุทุมพรได้บริเวณชั้นล่างอาคารนิรันดร์คอนโดมิเนียม 2 ตึกเอฟ แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กทม. จากนั้นสอบสวนขยายผลเข้าจับกุมนายภาณุวัตน์ แฟนหนุ่มได้ในห้องพักเลขที่ 54/156 อาคารเดียวกัน พร้อมของกลางที่ซุกซ่อนในห้องประกอบด้วย ยาบ้าเม็ดสีส้ม 785 เม็ดยาบ้าชนิดผง 140 กรัม สีผสมอาหาร 6 ซอง หลอดสำหรับปั๊มยา 2 อันพร้อมอุปกรณ์เสพยาบ้า โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง ปืนลูกซอง 1 กระบอก ธนบัตรปลอมใบละ 1,000 บาท 440 ฉบับ รวมเป็นเงิน 440,000 บาท คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก และเครื่องพรินเตอร์
นอกจากนี้ยังตรวจยึดรถยนต์กระบะยี่ห้อนิสสัน จอดอยู่บริเวณลานจอดรถ ซึ่งเป็นรถที่ใช้รับส่งยาบ้าจำนวน 2 คัน ทะเบียน 6ฒ-0388 กทม. และทะเบียน บง-2911 อุบลราชธานี รวมมูลค่าความเสียหาย 700,000 บาท พร้อมแจ้งข้อหาร่วมกันมียาบ้าไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย ข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษ ข้อหาปลอมแปลงธนบัตรรัฐบาลไทยและข้อหาร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
พล.ต.ท.สุชาติ กล่าวว่า นายภาณุวัตน์ยังมีหมายจับศาลจังหวัดมีนบุรีปี 2549 ข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในสถานที่ราชการเวลากลางคืน ท้องที่ สน.ฉลองกรุง และข้อหาเดียวกันในท้องที่ สน.คันนายาว จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่พบว่านายภาณุวัตน์เป็นเครือข่ายค้ายาบ้ารายใหญ่ลักลอบขายให้นักเที่ยวย่านรัชดาฯ และใกล้เคียงมานานแล้ว เปลี่ยนที่ซ่อนตัวไปเรื่อยไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งโดยเจ้าหน้าที่ได้ใช้เวลาในการแกะรอยนานร่วม 2-3 เดือน ส่วนเงินที่ได้ไปเล่นการพนันและเที่ยวเตร่ยามกลางคืน ส่วนธนบัตรปลอมนั้นทำขึ้นเองนำไปซื้อยาบ้าจากแนวชายแดนมัดละ 16,000 บาท (2,000 เม็ด) นำมาขายต่อ โดยนำมาบดผสมกับยาพาราเซตามอลใส่สีผสมอาหารปั๊มเป็นเม็ด นำไปขายต่อนักเที่ยวกลางคืนย่านรัชดาฯ และใกล้เคียง นำเงินที่ได้ทั้งธนบัตรจริงธนบัตรปลอมใช้จ่ายในการเที่ยวเตร่ และจ่ายค่าทิปนักร้องไคโยตี้สาวคืนละหลายหมื่นบาท
ผบช.น.กล่าวต่อว่า ได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนสอบสวนขยายผลติดตามจับกุมเพื่อนร่วมขบวนการมาดำเนินคดีต่อไป ซึ่งตำรวจนครบาลจะเดินหน้ากวาดล้างปราบปรามยาเสพติดใน กทม.อย่างต่อเนื่องตามนโยบาย 90 วันปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาลซึ่งผลงานที่ผ่านมานั้นยังไม่สามารถประเมินได้ว่าพอใจหรือใจเพราะจากการประสานระหว่าง บช.ปส. กระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพบว่ามีการทะลักเข้ามาของยาเสพติดตามแนวชายแดนมีปริมาณที่สูงขึ้นอีกทั้งประเทศเพื่อนบ้านยังมีการลักลอบผลิตอีกเป็นจำนวนมากและ กทม.นั้นเป็นแหล่งจำหน่ายที่สำคัญด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่าจะเร่งสืบสวนปราบปรามอย่างเต็มที่
ด้าน นายภาณุวัตน์ ปฏิเสธข้อกล่าวหาพร้อมระบุว่ามีอาชีพสุจริตมาโดยตลอด ปกติจะอยู่ที่ จ.อุบลฯ เปิดร้านขายเครื่องเสียงที่นั่นและเดินทางเข้า กทม.เป็นครั้งคราวมาหาแฟนสาวในห้องที่เกิดเหตุ และยืนยันไม่เกี่ยวข้องกับของกลางยาบ้าที่พบในห้องเพราะเป็นห้องของญาติแฟน ปกติไม่ได้พักอยู่ที่นี่แต่เป็นคนจ่ายค่าห้องให้เท่านั้น ก่อนจะถูกตำรวจจับเพิ่งมาจากอุบลฯ และมาพักกับแฟนสาวโดยไม่รู้ว่าในห้องมียาบ้าซ่อนอยู่