กฎหมายพลิก! อดีต นร.เตรียมทหาร ควงพ่อ ออกโรงโต้ แม่ร้องสื่อถูกรุ่นพี่รุมตื้บไม่เป็นความจริง ระบุ บาดแผลที่เกิดขึ้นจากการรอดตัวในท่อปูนงานประเพณี “ขุดแหวนรุ่น” ชี้ เข้าใจความรู้สึกแม่ แต่ขอร้องให้หยุด อ้างลาออกจากโรงเรียนเพราะไม่ชอบเรียน ด้านพ่อ ยัน เรื่องจบไปนานแล้ว เหตุที่เกิดขึ้นเป็นการฝึกตามปกติ ฝ่ายโรงเรียนเตรียมทหาร แจง เข้าใจหัวอกคนเป็นแม่
วันนี้ (2 ก.พ.) เมื่อเวลา 14.30 น.ที่สมาคมผู้สื่อข่าวช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทย พ.อ.(พิเศษ) ชลากร สาริมาน อายุ 59 ปี นายทหารปฏิบัติการมณฑลทหารบกที่ 13 (มทบ.13) พา นายพลภัทร สาริมาน อายุ 16 ปี ลูกชาย เข้าชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวกับสื่อมวลชน โดยมี พ.อ.สมควร ทองนาค ผอ.กองวิชาการทหาร โรงเรียนเตรียมทหาร พ.อ.ณัฐวุฒิ ชุณหะนันทน์ ผู้บังคับการกรมนักเรียน โรงเรียนเตรียมทหาร เข้าร่วมชี้แจงด้วย
นายพลภัทร กล่าวว่า ตนไม่ได้ถูกรุ่นพี่ทำร้ายร่างกายตามที่แม่อ้างแต่อย่างใด โดยในวันเกิดเหตุ คือ วันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมา เป็นวันประเพณี “ขุดแหวนรุ่น” ของโรงเรียนเตรียมทหาร มีการแบ่งออกเป็นสถานีต่างๆ เพื่อทดสอบ โดยบาดแผลที่ได้มานั้นก็มาจากสถานีหนึ่งที่ต้องรอดตัวในท่อปูนไปโผล่อีกฝั่งหนึ่ง แต่เวลาเร่งรัดจึงมีการกระตุ้นกันเป็นธรรมดา ทำให้ถูกหญ้าและหนามครูดเป็นแผลตามตัวเท่านั้น ไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส หรือถูกรุ่นพี่รุมกระทืบตามที่แม่ตนให้ข่าวแต่อย่างใด
“ผมเข้าใจความรู้สึกของแม่ เข้าใจที่แม่ออกมาเรียกร้องความยุติธรรม แต่สิ่งที่แม่ทำไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการ ผมไม่ได้ต้องการมาออกสื่อแบบนี้ เพราะกระทบตัวผม กระทบสถาบัน ผมไม่อยากให้แม่ทำ และทำให้หลายคนต้องเดือดร้อน ที่ผมลาออกมาเป็นเพราะไม่ชอบเรียน ผมต้องการเลือกทางเดินของผมที่ผมชอบ และขอร้องให้แม่หยุดแค่นี้” นายพลภัทร กล่าว
ด้าน พ.อ.(พิเศษ) ชลากร เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ เคยแต่งงานอยู่กินกับ นางนฤชล จนมีลูกด้วยกัน 2 คน โดย นายพลภัทร เป็นคนเล็ก จากนั้นก็มีปัญหาต้องหย่าร้างกันไปในปี 2540 จากนั้นก็กลับมาคืนดีกันจดทะเบียนกันใหม่ แต่ก็ต้องหย่ากันอีกครั้งในปี 2543 จากนั้นก็แยกกันอยู่มาตลอด โดยตนเป็นผู้ส่งเสียลูกทั้งสองคนเอง ส่วนเรื่องที่ นางนฤชล มาร้องเรียนกับสื่อนั้น เป็นการฝึกทุกตามปกติที่ทุกคนต้องเจอ แต่ไม่ได้รุนแรงตามที่อดีตภรรยาให้ข่าวแต่อย่างใด
พ.อ.(พิเศษ) ชลากร หลังมีบาดแผลจากการฝึก ก็ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลพระมงกุฏ เท่านั้น มีใบแพทย์ระบุว่า ฟกช้ำและมีรอยถลอกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ถึงขั้นที่ต้องนอนโรงพยาบาลนานนับ 10 วัน และลูกตนก็ไม่เคยเข้าไปนอนโรงพยาบาลด้วย โดยตนขอยืนยันว่าเรื่องนี้ จบไปแล้ว อดีตภรรยาก็ได้ไปที่โรงเรียนเตรียมทหาร และลงลายลักษณ์อักษร ว่า จะไม่มีการแจ้งความ และไม่มีการออกมาร้องเรียนกับสื่อ ส่วนเรื่องที่ลูกชายลาออกจากโรงเรียนมานั้น เป็นเพราะตนเป็นคนอยากให้ลูกเข้าเรียนเตรียมทหารเอง แต่ลูกชายไม่ชอบเพราะลูกชายอยากเป็นฑูต เลยลาออกมาไม่ได้ลาออกเพราะถูกทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด
“ไม่ทราบว่าเพราะอะไรเขาถึงออกมาร้องเรียนกับสื่อแบบนี้ ทั้งที่ผม ลูกชายทั้งสองคน และญาติคนอื่นก็เคยขอร้องนับสิบครั้ง แล้วว่าไม่อยากให้ออกมาร้องเรียน เพราะมันจะทำให้เป็นปมด้อยของลูกชาย แต่เขาก็ไม่ฟัง นอกจากนี้ เขายังเคยปลอมลายเซ็นผม กับลายเซ็นของลูกชาย ทำเรื่องร้องเรียนไปยังกองบัญชาการกองทัพไทย ทั้งๆ ที่ผมกับลูกไม่เคยรู้เรื่องเลย วันนี้ผมเลยพาลูกมาชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมด” พ.อ.(พิเศษ) ชลากร กล่าว
ด้าน พ.อ.สมควร กล่าวว่า ทางโรงเรียนเตรียมทหารเป็นเหมือนประตูด่านแรกในการบ่มเพาะคนที่จะไปเป็นทหารและตำรวจ คนพวกนี้ต้องพร้อมที่จะเสียสละเพื่อชาติ การฝึกต่างก็จะเริ่มตั้งแต่กระบวนการจากเบาไปหาหนัก นอกจากนี้ จะมีการฝึกพิเศษเพื่อรับสิ่งต่างๆ เช่น แหวนรุ่น ทั้งความกดดันทางร่างกายและจิตใจ แต่เป็นการฝึกที่ถูกจัดไว้แล้วอย่างเป็นระบบ มีการควบคุม แบ่งเป็นสถานี เนื่องจากเมื่อผ่านตรงนั้นมาแล้วก็จะมีความภาคภูมิใจ และหวงแหนของที่ได้มาเป็นพิเศษ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติที่เป็นการปลูกฝังให้นายทหารและตำรวจต้องได้รับ ไม่เหมือนกับพลเรือนทั่วไป ส่วนกรณีนี้เข้าใจว่า แม่รักลูกมาก จึงอยากให้เจ้าตัวพูดกับแม่เอง
ผู้ปกครอง นร.เตรียมทหารร้องลูกถูกรุ่นพี่รุมตื้บ!