ยกฟ้อง “ประสาร มฤคพิทักษ์” คดีหมิ่นประมาท “ทักษิณ” กรณีแฉจ้างบริษัทล็อบบี้ยิสต์ทำลายชาติ ศาลชี้เป็นการทำหน้าที่ประธานคณะอนุกรรมการประชาสัมพันธ์ในประเทศ
วันนี้ (13 ม.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น.ที่ห้องพิจารณาคดี 813 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ อ.2134/2550 ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มอบอำนาจให้นายถาลัด สมบัติบุญ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายประสาร มฤคพิทักษ์ ประธานคณะอนุกรรมกาประชาสัมพันธ์ในประเทศ (ศปชท.) เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328, 332
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 3-5 พ.ค.50 จำเลยได้แถลงการณ์ผลการประชุมคณะอนุกรรมการประชาสัมพันธ์ในประเทศ (ศปชท.) ต่อสาธารณะ และสื่อมวลชนนำมาลงตีพิมพ์เผยแพร่ ทำนองว่าที่ปรึกษาบริษัทล็อบบี้ยิสต์ที่รับงานสร้างภาพลักษณ์ให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ยื่นหนังสือถึง รมว.ต่างประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อให้ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ขยับฐานะประเทศไทยไปอยู่ในบัญชีต้องจับตาเป็นพิเศษเรื่องของการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาซึ่งถือเป็นการทำลายประเทศ เป็นการหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นและเกลียดชัง เหตุเกิดที่แขวงและเขตดุสิต กทม.
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานนำสืบทั้งสองฝ่ายแล้วเห็นว่า จำเลยให้สัมภาษณ์ในขณะดำรงตำแหน่งประธานคณะอนุกรรมการประชาสัมพันธ์ในประเทศ ซึ่งในขณะนั้นประเทศไทยกำลังถูกจับตามองจากสหรัฐอเมริกาเรื่องสิทธิบัตรยา และการละเมิดลิขสิทธิ์ จำเลยจึงพูดไปในฐานะมีส่วนได้เสีย อีกทั้งพยานโจทก์เองก็ไปเจือสมกับพยานจำเลยว่าข้อความดังกล่าวไม่ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ประกอบกับคดีนี้โจทก์ไม่มาเบิกความด้วยตัวเอง เนื่องจากอยู่ระหว่างหลบหนีคดีอยู่ที่ต่างประเทศ แม้จะมอบเอกสารให้ผู้แทนคดีมาเบิกความ แต่ก็ไม่ได้มาลงลายมือชื่อในคำให้การหรือเอกสารคำคู่ความต่อหน้าศาล เพียงแต่ลงลายมือชื่อที่สถานทูตไทยในกรุงลอนดอนเท่านั้น คดีจึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยหมิ่นประมาทโจทก์ พิพากษายกฟ้อง
วันนี้ (13 ม.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น.ที่ห้องพิจารณาคดี 813 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ อ.2134/2550 ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มอบอำนาจให้นายถาลัด สมบัติบุญ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายประสาร มฤคพิทักษ์ ประธานคณะอนุกรรมกาประชาสัมพันธ์ในประเทศ (ศปชท.) เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328, 332
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 3-5 พ.ค.50 จำเลยได้แถลงการณ์ผลการประชุมคณะอนุกรรมการประชาสัมพันธ์ในประเทศ (ศปชท.) ต่อสาธารณะ และสื่อมวลชนนำมาลงตีพิมพ์เผยแพร่ ทำนองว่าที่ปรึกษาบริษัทล็อบบี้ยิสต์ที่รับงานสร้างภาพลักษณ์ให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ยื่นหนังสือถึง รมว.ต่างประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อให้ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ขยับฐานะประเทศไทยไปอยู่ในบัญชีต้องจับตาเป็นพิเศษเรื่องของการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาซึ่งถือเป็นการทำลายประเทศ เป็นการหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นและเกลียดชัง เหตุเกิดที่แขวงและเขตดุสิต กทม.
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานนำสืบทั้งสองฝ่ายแล้วเห็นว่า จำเลยให้สัมภาษณ์ในขณะดำรงตำแหน่งประธานคณะอนุกรรมการประชาสัมพันธ์ในประเทศ ซึ่งในขณะนั้นประเทศไทยกำลังถูกจับตามองจากสหรัฐอเมริกาเรื่องสิทธิบัตรยา และการละเมิดลิขสิทธิ์ จำเลยจึงพูดไปในฐานะมีส่วนได้เสีย อีกทั้งพยานโจทก์เองก็ไปเจือสมกับพยานจำเลยว่าข้อความดังกล่าวไม่ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ประกอบกับคดีนี้โจทก์ไม่มาเบิกความด้วยตัวเอง เนื่องจากอยู่ระหว่างหลบหนีคดีอยู่ที่ต่างประเทศ แม้จะมอบเอกสารให้ผู้แทนคดีมาเบิกความ แต่ก็ไม่ได้มาลงลายมือชื่อในคำให้การหรือเอกสารคำคู่ความต่อหน้าศาล เพียงแต่ลงลายมือชื่อที่สถานทูตไทยในกรุงลอนดอนเท่านั้น คดีจึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยหมิ่นประมาทโจทก์ พิพากษายกฟ้อง