พ่อค้า-แม่ค้า ที่ได้รับความเดือดร้อนจากเพลิงเผาวอด “เสือป่าพลาซ่า” ร้องขอความเป็นธรรมให้เจ้าของอาคารเหลียวแลพิจารณาคืนเงินค้ำประกันการค้า ที่เก็บไปรายละนับแสนบาท เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนต้องดิ้นรนหาที่ขายของแห่งใหม่ ขณะที่ สนง.เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ร่วมกับวิศวกรผู้เชี่ยวชาญเข้าตรวจสอบเก็บหาหลักฐานเพิ่มเติมจากร้านที่คาดว่าเป็นต้นเพลิง
วันนี้ (6 ม.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น.นายปราโมทย์ สวนยิ้ม หัวหน้าฝ่ายโยธา สำนักงานเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย พร้อมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญเดินทางเข้าตรวจสอบอาคารเสือป่าพลาซ่า เลขที่ 339 ถนนเจริญกรุง เขตป้อมปราบฯ โดยนำคำสั่งเลขที่ กท 4103/36 ห้ามใช้อาคารหรือยินยอมให้ผู้ใดใช้อาคารที่อาจเป็นภยันตราย ตามมาตรา 46 และแผ่นป้ายห้ามใช้อาคารมาติดรอบอาคาร
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบสภาพความเสียหายร่วมกับเจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐาน ท่ามกลางกลุ่มพ่อค้า แม่ค้า ที่มายืนมุงดูด้วยความหวังว่าเจ้าหน้าที่จะอนุญาตให้เข้าไปเก็บทรัพย์สินภายใน ซึ่งหลังใช้เวลาตรวจสอบประมาณ 2 ชม.ทางเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้เก็บเศษวัสดุและชิ้นส่วนของพัดลมติดเพดานที่มีร่องรอยถูกไฟไหม้ของร้าน “มัชชิมา” ที่มีพยานยืนยันว่า เป็นร้านต้นเพลิง ไปตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งว่าเป็นสาเหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้หรือไม่
นายปราโมทย์ กล่าวว่า ในส่วนของฝ่ายโยธา สำนักงานเขตป้อมปราบฯ มีหน้าที่ตรวจสอบสภาพความแข็งแรงของอาคาร เพื่อส่งข้อมูลไปให้คณะกรรมการช่างตรวจความมั่นคงแข็งแรง พิจารณาว่า อาคารดังกล่าวยังสามารถซ่อมแซมให้กลับมาใช้ได้อีกหรือไม่ ซึ่งถ้าตรวจแล้วไปแข็งแรงพอ อาจต้องมีการรื้อถอนต่อไป
ด้าน นายชวลิต วิวัฒน์อัศวิน หนึ่งในผู้ประกอบการค้าของอาคาร เปิดเผยว่า วันนี้มีผู้ค้าในอาคารประมาณ 80 ราย เดินทางมาด้วยความหวังว่า จะได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ให้เข้าไปเก็บทรัพย์สินได้ แต่เมื่อไม่สามารถเข้าไปได้ก็คงต้องดิ้นรนไปหาที่ขายใหม่ อาจเป็นที่ บำรุงเมือง พลาซ่า โบ๊เบ๊ทาวเวอร์ หรือหน้าโรงหนังแคปปิตอล อย่างไรก็ตาม อยากให้ทางเจ้าของอาคารช่วยเหลือเรื่องค่าเสียหาย ที่สำคัญ อยากให้คืนเงินค้ำประกันสัญญาการค้าที่เก็บไปรายละนับแสนบาท เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของบรรดา พ่อค้า แม่ค้าด้วย
ขณะที่ พ.ต.ท.ยุทธนา ปุญชรัศมิ์ รอง ผกก.สส.สน.พลับพลาไชยเขต 1 กล่าวว่า ขณะนี้ได้ทำการสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องไปพอสมควรแล้ว โดยเฉพาะเจ้าของห้องต้นเพลิงที่แจ้งว่าจะพาพนักงานขายทั้ง 4 คน ที่อยู่ในวันเกิดเหตุ มาพบพนักงานสอบสวนเพื่อสอบปากคำ แต่ยังไม่ได้กำหนดว่าจะเป็นวันไหน ส่วนทางเจ้าของอาคารได้ขอเวลากลับไปเตรียมเอกสารใบอนุญาต แบบแปลน และเอกสารด้านการประกันภัย เพื่อนำมามอบให้ตำรวจ คาดว่า เร็วๆ นี้เอกสารทุกอย่างก็จะมาถึงพนักงานสอบสวน
พ.ต.ท.ยุทธนา กล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องโครงสร้างของอาคารที่มีการตั้งข้อสันนิษฐานว่า ผิดแบบหรือไม่นั้น ทางพนักงานสอบสวน ได้ทำหนังสือส่งไปถึงสำนักเขตป้อมปราบให้ช่วยตรวจสอบแล้ว ส่วนความคืบหน้าทางคดียังไม่ได้แจ้งข้อหากับผู้ใด เนื่องจากต้องรอผลพิสูจน์จากเจ้าหน้าพิสูจน์หลักฐานเสียก่อนว่า เหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้เกิดจากสาเหตุใดกันแน่
วันนี้ (6 ม.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น.นายปราโมทย์ สวนยิ้ม หัวหน้าฝ่ายโยธา สำนักงานเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย พร้อมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญเดินทางเข้าตรวจสอบอาคารเสือป่าพลาซ่า เลขที่ 339 ถนนเจริญกรุง เขตป้อมปราบฯ โดยนำคำสั่งเลขที่ กท 4103/36 ห้ามใช้อาคารหรือยินยอมให้ผู้ใดใช้อาคารที่อาจเป็นภยันตราย ตามมาตรา 46 และแผ่นป้ายห้ามใช้อาคารมาติดรอบอาคาร
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบสภาพความเสียหายร่วมกับเจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐาน ท่ามกลางกลุ่มพ่อค้า แม่ค้า ที่มายืนมุงดูด้วยความหวังว่าเจ้าหน้าที่จะอนุญาตให้เข้าไปเก็บทรัพย์สินภายใน ซึ่งหลังใช้เวลาตรวจสอบประมาณ 2 ชม.ทางเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้เก็บเศษวัสดุและชิ้นส่วนของพัดลมติดเพดานที่มีร่องรอยถูกไฟไหม้ของร้าน “มัชชิมา” ที่มีพยานยืนยันว่า เป็นร้านต้นเพลิง ไปตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งว่าเป็นสาเหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้หรือไม่
นายปราโมทย์ กล่าวว่า ในส่วนของฝ่ายโยธา สำนักงานเขตป้อมปราบฯ มีหน้าที่ตรวจสอบสภาพความแข็งแรงของอาคาร เพื่อส่งข้อมูลไปให้คณะกรรมการช่างตรวจความมั่นคงแข็งแรง พิจารณาว่า อาคารดังกล่าวยังสามารถซ่อมแซมให้กลับมาใช้ได้อีกหรือไม่ ซึ่งถ้าตรวจแล้วไปแข็งแรงพอ อาจต้องมีการรื้อถอนต่อไป
ด้าน นายชวลิต วิวัฒน์อัศวิน หนึ่งในผู้ประกอบการค้าของอาคาร เปิดเผยว่า วันนี้มีผู้ค้าในอาคารประมาณ 80 ราย เดินทางมาด้วยความหวังว่า จะได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ให้เข้าไปเก็บทรัพย์สินได้ แต่เมื่อไม่สามารถเข้าไปได้ก็คงต้องดิ้นรนไปหาที่ขายใหม่ อาจเป็นที่ บำรุงเมือง พลาซ่า โบ๊เบ๊ทาวเวอร์ หรือหน้าโรงหนังแคปปิตอล อย่างไรก็ตาม อยากให้ทางเจ้าของอาคารช่วยเหลือเรื่องค่าเสียหาย ที่สำคัญ อยากให้คืนเงินค้ำประกันสัญญาการค้าที่เก็บไปรายละนับแสนบาท เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของบรรดา พ่อค้า แม่ค้าด้วย
ขณะที่ พ.ต.ท.ยุทธนา ปุญชรัศมิ์ รอง ผกก.สส.สน.พลับพลาไชยเขต 1 กล่าวว่า ขณะนี้ได้ทำการสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องไปพอสมควรแล้ว โดยเฉพาะเจ้าของห้องต้นเพลิงที่แจ้งว่าจะพาพนักงานขายทั้ง 4 คน ที่อยู่ในวันเกิดเหตุ มาพบพนักงานสอบสวนเพื่อสอบปากคำ แต่ยังไม่ได้กำหนดว่าจะเป็นวันไหน ส่วนทางเจ้าของอาคารได้ขอเวลากลับไปเตรียมเอกสารใบอนุญาต แบบแปลน และเอกสารด้านการประกันภัย เพื่อนำมามอบให้ตำรวจ คาดว่า เร็วๆ นี้เอกสารทุกอย่างก็จะมาถึงพนักงานสอบสวน
พ.ต.ท.ยุทธนา กล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องโครงสร้างของอาคารที่มีการตั้งข้อสันนิษฐานว่า ผิดแบบหรือไม่นั้น ทางพนักงานสอบสวน ได้ทำหนังสือส่งไปถึงสำนักเขตป้อมปราบให้ช่วยตรวจสอบแล้ว ส่วนความคืบหน้าทางคดียังไม่ได้แจ้งข้อหากับผู้ใด เนื่องจากต้องรอผลพิสูจน์จากเจ้าหน้าพิสูจน์หลักฐานเสียก่อนว่า เหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้เกิดจากสาเหตุใดกันแน่
