กรมราชทัณฑ์ บุกค้นคุกวัยหนุ่ม ยึดอุปกรณ์ดัดแปลงเป็นอาวุธซุกซ่อนไว้เป็นจำนวนมาก เก้าอี้หลายตัวถูกเจาะเป็นรู ซ่อนเหล็กแหลม อำพรางตาเจ้าหน้าที่ พร้อมเล็งจู่โจมตรวจค้นเรือนจำเป้าหมายหลายแห่งก่อนวันหยุดยาวปีใหม่
วันนี้ (26 ธ.ค.) เวลา 10.00 น.นายนัทธี จิตสว่าง อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และ นายวันชัย พวยไพบูลย์ ผอ.ส่วนปฏิบัติการพิเศษ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากหน่วยปฏิบัติการพิเศษ และสุนัขตำรวจ ได้นำเครื่องตรวจโลหะ และเครื่องสแกนหาโลหะที่ถูกฝังหรือซุกซ่อนอยู่ในพื้นดิน เข้าจู่โจมตรวจค้นแดน 3 และแดน 4 โดยก่อนเข้าตรวจค้นเจ้าหน้าที่ได้นำนักโทษอุกฉกรรจ์จำนวน 1,117 คน ลงมารวมไว้ที่ลานอเนกประสงค์ จากนั้นจึงนำกำลังเข้าตรวจค้นภายในเรือนนอน โรงฝึกอาชีพช่างโลหะ ช่างไม้ และโรงกลึง โดยผลการจู่โจมตรวจค้นเจ้าหน้าที่ยึดอุปกรณ์ดัดแปลงเป็นอาวุธซุกซ่อนอยู่เป็นจำนวนมาก อาทิ แปรงสีฟันฝนให้มีปลายแหลม เหล็กแหลม คีม และช้อนที่ดัดแปลงเป็นเครื่องต้มน้ำร้อน นอกจากนี้ ยังพบว่า เก้าอี้นั่งหลายตัวถูกเจาะรูเพื่อซ่อนเหล็กแหลม อำพรางตาเจ้าหน้าที่
ผู้สื่อข่าวรายงาน ในส่วนของแดน 4 ซึ่งก่อนหน้านี้ เกิดเหตุนักโทษทะเลาะวิวาทและก่อจลาจล เจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบอุปกรณ์ดัดแปลงเป็นอาวุธคล้ายกับที่ตรวจพบในแดน 3 โดยอาวุธส่วนใหญ่ซุกซ่อนไว้ในตู้ล็อกเกอร์เก็บของและเรือนนอน แต่การตรวจค้นไม่พบยาเสพติดและอุปกรณ์สื่อสารใดๆ
นายนัทธี กล่าวว่า ทัณฑสถานวัยหนุ่มคุมขังนักโทษคดีอุกฉกรรจ์กว่า 5,000 คน จากการตรวจค้นพบอาวุธดัดแปลงจากวัสดุในเรือนจำ เช่น ช้อน แปรงสีฟัน และเหล็กกรงขัง ทั้งนี้ ก่อนวันหยุดราชการในช่วงเทศกาลปีใหม่ ในวันที่ 29-30 ธ.ค.ตนจะนำหน่วยปฏิบัติการพิเศษเข้าจู่โจมตรวจค้นเรือนจำเป้าหมายหลายแห่ง โดยจะเป็นการตรวจค้นครั้งใหญ่ซึ่งตนได้ประสานขอกำลังสนับสนุนจากทหารและตำรวจกว่า 170 นาย ให้นำสุนัขตำรวจเข้าร่วมจู่โจม ตรวจค้นเพื่อเพิ่มมาตรการเข้มงวดในเรือนจำ
อย่างไรก็ตาม ในทุกเรือนจำได้มีชุดปฏิบัติการตรวจค้นภายในแดนคุมขังเป็นประจำ โดยอาวุธที่ตรวจพบทุกรายการ ถูกนักโทษดัดแปลงขึ้นเอง ขณะนี้ในเรือนจำยังไม่มีลักลอบนำอาวุธจากภายนอกเข้าไปสำหรับปัญหาของทัณฑสถานวัยหนุ่มอาจแตกต่างจากเรือนจำอื่น เพราะเป็นสถานที่คุมขังนักโทษวัยหนุ่มที่ต้องโทษคดีอุกฉกรรจ์ โดยนักโทษในช่วงอายุนี้มีพลังมาก เรือนจำพยายามเน้นให้นักโทษทำกิจกรรมกีฬาและการศึกษา เพื่อให้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ แต่นักโทษก็พยายามฝ่าฝืนระเบียบของเรือนจำเรื่อยมา
อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวอีกว่า สำหรับเหตุการณ์นักโทษก่อเหตุทะเลาะวิวาทภายในเรือนจำ จนเป็นเหตุให้มีนักโทษเสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บ 42 รายนั้น ตนได้ตั้งกรรมการสอบสวนสาเหตุของการทะเลาะวิวาท โดยกำชับให้รายงานผลการสอบสวนภายใน 7 วัน และได้สั่งให้จำแนกย้ายแดนนักโทษที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 42 ราย ออกจากกันเพื่อป้องกันไม่ให้มีการแก้แค้นหรือก่อเหตุวิวาทซ้ำซ้อน ส่วนกรณีนักโทษเสียชีวิตถือเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวน สภ.คลอง 5 เพราะญาติผู้ตายเข้าแจ้งความดำเนินคดีไว้แล้ว