ยังจับกันไม่หมด แก๊งเงินดำชาวแอฟริกา หลอกลวงตุ๋นเงินสาวใหญ่ได้ไปกว่าแสนบาท โชคยังดีไหวตัวทัน แจ้งตำรวจสะกดรอยจับได้กลางห้างดัง
วันนี้ (23 ธ.ค.) เมื่อเวลา 12..30 น. ร.ต.ท.ธงชัย แก้วทา รอง สวป.สน.ประเวศ นำกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจ สน.ประเวศ เข้าจับกุมตัว นายมูโด ออนเทอร์ อายุ 33 ปี และ นายคริสติน อาโซเวย์ อายุ 31 ปี ทั้ง 2 คน สัญชาติแอฟริกัน บริเวณหน้าร้านเคเอฟซี ภายในห้างเสรี เซ็นเตอร์ ถนนศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน เขตประเวศ กทม.หลังจากทั้ง 2 คน ได้ก่อเหตุหลอกลวงเงิน นางนิศาชล วงศ์วีรสิทธิ อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 93/720 หมู่ 1 ต.ลำผักกูด อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ไปจำนวน 140,700 บาท จากนั้นจึงควบคุมตัวส่ง พ.ต.ท.เหรียญชัย เหล่าที พงส.(สบ 2) สน.ประเวศ สอบปากคำ
นางนิศาชล กล่าวว่า เมื่อประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมา มีคนรู้จัก ซึ่งเคยเป็นลูกค้าประจำตั้งแต่มาเปิดร้านอาหารอยู่ที่หาดป่าตอง จ.ภูเก็ต แนะนำให้รู้จักกับผู้ต้องหาทั้ง 2 คน โดยอ้างว่าทั้ง 2 คน เป็นนักการเมืองอยู่ที่ประเทศแอฟริกา ต้องการลี้ภัยการเมืองมาพักอาศัยอยู่ที่ประเทศไทย และให้หาที่พักให้ หลังจากนั้น จึงได้ตบปากรับคำ เนื่องจากเชื่อใจ เห็นว่า เป็นคนรู้จักกันแนะให้ ระหว่างนั้นก็ได้โทรศัพท์คุยกับผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ตลอดเพื่อสอบถามรายละเอียด
“จนกระทั่งเมื่อวันที่ 18 ธ.ค.ที่ผ่านมา ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ก็นัดให้ตนไปพบที่ รร.อมารี ย่านประตูน้ำ เพื่อฝากสินค้าประเภทเครื่องประดับ ต่อมาเวลาประมาณ 15.00 น.ของวันเดียวกัน ผู้ต้องหาและคนที่รู้จักก็เดินทางมาที่บ้าน พร้อมกับอ้างว่ายังไม่ได้เครื่องประดับมา เพราะต้องนำเงินไปรับเครื่องประดับจากคาร์โก้ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ จึงขอยืมเงินจำนวน 40,000 บาท ดิฉันจึงตกลงให้ยืมและนัดรับเงินจำนวนดังกล่าวในวันที่ 19 ธ.ค.ที่ รร.อมารี ” นางนิศาชล กล่าว
นางนิศาชล กล่าวต่อว่า ต่อมาเมื่อเวลา 14.00 น.ของวันที่ 19 ธ.ค.ที่ผ่านมา ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ก็มาตามนัด จึงได้นำเงินจำนวน 40,000 บาทให้ไป และเดินทางไปรับของที่ย่านลาดพร้าว ซึ่งเป็นกระเป๋าเหล็กสี่เหลี่ยม สีเงินจำนวน 1 ใบ โดยผู้ต้องหาอ้างว่าภายในเป็นจิวเวลรี่ จึงอยากฝากของไว้ที่บ้านของตน เนื่องจากว่าไม่สามารถเอาไว้ที่โรงแรมได้ และผู้ต้องหาได้บอกว่า หากขายเครื่องประดับได้แล้วจะนำเงินมาคืน พร้อมกับส่วนแบ่งจำนวนหนึ่ง ระหว่างนั้นผู้ต้องหาก็เปิดกระเป๋าให้ดู โดยพบเป็นเงินสกุลดอลลาร์วางทับอยู่บนแท่งสี่เหลี่ยมที่ห่อด้วยกระดาษฟอยล์สีเงิน จำนวน 13 แท่ง ซึ่งผู้ต้องหาอ้างว่าสิ่งที่อยู่ในห่อนั้นเป็นเงินดำ ต้องใช้น้ำยามาเช็ด จึงจะเป็นเงินแล้วนำไปแลกได้ ส่วนแบงก์ดอลลาร์ที่วางอยู่ด้านบนนั้นเป็นเงินดำที่ผ่านมาเช็ดน้ำยามาแล้ว และให้ตนนำไปขึ้นเป็นเงินไทย
นางนิศาชล กล่าวอีกว่า จากนั้นตนจึงนำธนบัตรดังกล่าวไปขึ้นเป็นเงินไทยได้มาจำนวนหนึ่ง แต่ระหว่างนั้นผู้ต้องหาก็มาขอยืมเงินตนอีกหลายครั้ง และอ้างว่า ต้องใช้เงินทำธุระส่วนตัว ตนจึงให้ไป รวมเป็นเงินประมาณ 140,700 บาท และเมื่อวันที่ 21 ธ.ค.ที่ผ่านมา ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ได้มาขอยืมเงินตนอีกจำนวน 5,000 บาท โดยจะมอบเงินกันที่ รร.อมารี เมื่อตนไปถึงทั้ง 2 คน ก็ขอย้ายที่ไปหลายครั้ง จนตนเริ่มเอะใจและปรึกษาคนรู้จัก กระทั่งมั่นใจว่า ถูกหลอกแน่นอน จึงตัดสินใจเดินทางเข้าแจ้งความกับ ร.ต.ท.ยุทธนา พรโพธิ์ พงส.(สบ 1) สน.พญาไท จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงวางแผนจับกุม แต่ก็ไม่พบตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน จนเมื่อช่วงเช้าผู้ต้องหาก็นัดให้ตนนำเงินไปให้ที่ห้างเสรีเซ็นเตอร์ ตนจึงแจ้งเจ้าหน้าที่ สน.ประเวศ จับกุมได้ดังกล่าว
ด้าน พ.ต.ท.เหรียญชัย กล่าวว่า เบื้องต้นจะประสาน สน.พญาไท ท้องที่ที่ผู้เสียหายไปแจ้งความไว้ เพื่อให้อายัดตัวผู้ต้องหาไปดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกง นอกจากนี้ จากการตรวจสอบพบว่า พาสปอร์ตของทั้ง 2 คน เป็นของปลอม จึงต้องดำเนินคดี ต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง ก่อนดำเนินการต่อไป