ตำรวจ สน.ประชาชื่น ตามจับกุมอดีตคนขับรถ “สุชน ชาลีเครือ” อดีตประธานวุฒิสภา สวมเสื้อแจ๊กเก็ตรัฐสภา ติดบัตรรัฐสภา อ้างเป็นสารวัตรนักเรียน ตรวจจับและยึดโทรศัพท์มือถือไปขาย โดยเลือกเหยื่อที่ชอบหนีโรงเรียน
วันนี้ (16 ธ.ค.) เมื่อเวลา 15.00 น.พ.ต.ท.พัฒน์พงศ์ ทองสาริ สว.สป.สน.ประชาชื่น พ.ต.ท.เฉลิมศักดิ์ ตรีพนากร สว.สส.สน.ประชาชื่น และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ประชาชื่น ร่วมกันแถลงการจับกุม นายอุดมศักดิ์ หรือ โอ ศรีคชา อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 260/214 ซอยพึ่งมี 50 แขวงบางจาก เขตพระโขนง ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญารัชดาที่ 2556/2551 ลงวันที่ 29 ส.ค.2551 ในข้อหาลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ พร้อมของกลางรถ จยย.ยี่ห้อยามาฮ่า นูโว สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน รกข 382 กทม.มีดปลายแหลม 1 เล่ม แผ่นป้ายทะเบียนรถจยย.วฉพ 557 กทม.จำนวน 1 แผ่น และซิมโทรศัพท์จำนวนหลายอัน
พ.ต.ท.เฉลิมศักดิ์ เปิดเผยว่า กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจาก เมื่อเวลา 16.30 น.ของวันที่ 22 ก.ค.ที่ผ่านมา ผู้ต้องหาได้แอบอ้างตัวว่าเป็นสารวัตรนักเรียน เข้าไปทำทีขอตรวจค้นตัวนักเรียนผู้เสียหาย จำนวน 2 คน หลังจากออกมาจากสระว่ายน้ำของโรงเรียนพิริยะโยธิน แล้วยึดทรัพย์สินโทรศัพท์มือถือไป 1 เครื่อง ก่อนจะพาผู้เสียหายขึ้นซ้อนรถ จยย.แล้วพาไปปล่อยลงกลางทาง จากนั้นผู้ต้องหาก็ได้หลบหนีไป ผู้เสียหายจึงได้เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.นรา พันธุ์ยิ่งยก พนักงานสอบสวน (สบ 2) สน.ประชาชื่น ไว้เป็นหลักฐาน
พ.ต.ท.เฉลิมศักดิ์ กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้สืบสวนจนกระทั่งทราบว่า นายอุดมศักดิ์ คือคนที่ก่อเหตุ โดยเจ้าตัวพักอาศัยอยู่ภายในหอพักไม่มีชื่อ เลขที่ 132/163 หมู่ 4 ซอยเรวดี 46 ต.ตลาดขวัญ อ.เมือง จ..นนทบุรี จึงได้ขออนุมัติหมายศาลเข้าทำการจับ ได้เมื่อเวลา 12.30 น.วันนี้ (16 ธ.ค.) พร้อมของกลางดังกล่าว ก่อนควบคุมตัวมาสอบปากคำที่ สน.ประชาชื่น
จากการสอบสวน นายอุดมศักดิ์ ให้การรับสารภาพว่า ก่อนหน้านี้ เคยขับรถให้กับ นายสุชน ชาลีเครือ อดีตประธานวุฒิสภา ก่อนจะลาออกอยู่ภรรยา โดยทุกครั้งที่ก่อเหตุตนจะเลือกเฉพาะเหยื่อที่เป็นนักเรียนที่หนีเรียนออกมาในเวลากลางวัน จากนั้นก็จะเข้าไปทำทีอ้างตัวว่าเป็นสารวัตรนักเรียน โดยจะใส่ชุดคลุมสีดำมีตรารัฐสภา และบัตรประจำตัวของรัฐสภา มียศนำหน้าเพื่อให้ดูสมจริงด้วย จากนั้นจะทำการขู่และตรวจค้นทรัพย์สินก่อนจะยึดไว้ แล้วพาเด็กผู้เสียหายขึ้นรถ จยย.แล้วขี่พาไปปล่อยทิ้งกลางทาง โดยทำมาแล้วประมาณ 20 ครั้ง ในพื้นที่ สน.ประชาชื่น สน.เตาปูน และย่าน จ.นนทบุรี กระทั่งมาถูกจับกุมได้ดังกล่าว
วันนี้ (16 ธ.ค.) เมื่อเวลา 15.00 น.พ.ต.ท.พัฒน์พงศ์ ทองสาริ สว.สป.สน.ประชาชื่น พ.ต.ท.เฉลิมศักดิ์ ตรีพนากร สว.สส.สน.ประชาชื่น และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ประชาชื่น ร่วมกันแถลงการจับกุม นายอุดมศักดิ์ หรือ โอ ศรีคชา อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 260/214 ซอยพึ่งมี 50 แขวงบางจาก เขตพระโขนง ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญารัชดาที่ 2556/2551 ลงวันที่ 29 ส.ค.2551 ในข้อหาลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ พร้อมของกลางรถ จยย.ยี่ห้อยามาฮ่า นูโว สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน รกข 382 กทม.มีดปลายแหลม 1 เล่ม แผ่นป้ายทะเบียนรถจยย.วฉพ 557 กทม.จำนวน 1 แผ่น และซิมโทรศัพท์จำนวนหลายอัน
พ.ต.ท.เฉลิมศักดิ์ เปิดเผยว่า กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจาก เมื่อเวลา 16.30 น.ของวันที่ 22 ก.ค.ที่ผ่านมา ผู้ต้องหาได้แอบอ้างตัวว่าเป็นสารวัตรนักเรียน เข้าไปทำทีขอตรวจค้นตัวนักเรียนผู้เสียหาย จำนวน 2 คน หลังจากออกมาจากสระว่ายน้ำของโรงเรียนพิริยะโยธิน แล้วยึดทรัพย์สินโทรศัพท์มือถือไป 1 เครื่อง ก่อนจะพาผู้เสียหายขึ้นซ้อนรถ จยย.แล้วพาไปปล่อยลงกลางทาง จากนั้นผู้ต้องหาก็ได้หลบหนีไป ผู้เสียหายจึงได้เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.นรา พันธุ์ยิ่งยก พนักงานสอบสวน (สบ 2) สน.ประชาชื่น ไว้เป็นหลักฐาน
พ.ต.ท.เฉลิมศักดิ์ กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้สืบสวนจนกระทั่งทราบว่า นายอุดมศักดิ์ คือคนที่ก่อเหตุ โดยเจ้าตัวพักอาศัยอยู่ภายในหอพักไม่มีชื่อ เลขที่ 132/163 หมู่ 4 ซอยเรวดี 46 ต.ตลาดขวัญ อ.เมือง จ..นนทบุรี จึงได้ขออนุมัติหมายศาลเข้าทำการจับ ได้เมื่อเวลา 12.30 น.วันนี้ (16 ธ.ค.) พร้อมของกลางดังกล่าว ก่อนควบคุมตัวมาสอบปากคำที่ สน.ประชาชื่น
จากการสอบสวน นายอุดมศักดิ์ ให้การรับสารภาพว่า ก่อนหน้านี้ เคยขับรถให้กับ นายสุชน ชาลีเครือ อดีตประธานวุฒิสภา ก่อนจะลาออกอยู่ภรรยา โดยทุกครั้งที่ก่อเหตุตนจะเลือกเฉพาะเหยื่อที่เป็นนักเรียนที่หนีเรียนออกมาในเวลากลางวัน จากนั้นก็จะเข้าไปทำทีอ้างตัวว่าเป็นสารวัตรนักเรียน โดยจะใส่ชุดคลุมสีดำมีตรารัฐสภา และบัตรประจำตัวของรัฐสภา มียศนำหน้าเพื่อให้ดูสมจริงด้วย จากนั้นจะทำการขู่และตรวจค้นทรัพย์สินก่อนจะยึดไว้ แล้วพาเด็กผู้เสียหายขึ้นรถ จยย.แล้วขี่พาไปปล่อยทิ้งกลางทาง โดยทำมาแล้วประมาณ 20 ครั้ง ในพื้นที่ สน.ประชาชื่น สน.เตาปูน และย่าน จ.นนทบุรี กระทั่งมาถูกจับกุมได้ดังกล่าว