ASTVผู้จัดการออนไลน์ - เชื่อแล้วว่าไม่มีอะไรที่ตำรวจไทยทำไม่ได้ ล่าสุดตั้งธงฟันพันธมิตรฯ ปิดสุวรรณภูมิ ส่งเอกสารประเด็นการสอบสวนให้สายการบินกรอก แต่ทำพิลึก “ถามเอง-ตอบเอง” เกือบหมด รองผู้การฯ สมุทรปราการ ร่วม สน.ราชาเทวะ สรรสร้างผลงานคุณภาพ ตร.อาวุโสเห็นแล้วอึ้ง ชี้เข้าข่ายสอบสวนและปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
เย็นวานนี้ (15 ธ.ค.) ได้มีแหล่งข่าวจากสายการบินแห่งหนึ่งส่งเอกสาร “ประเด็นการสอบสวนสายการบิน” มาให้ นสพ.ASTVผู้จัดการ โดยเอกสารจำนวน 2 หน้า ดังกล่าวเป็นเอกสารการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจเกี่ยวกับกรณีการปิดให้บริการของสนามบินสุวรรณภูมิระหว่างวันที่ 25 พ.ย.-5 ธ.ค.2551 ที่พนักงานสอบสวนโดย พ.ต.ท.อรรถพล ธนุสิทธิ์ รอง ผกก.(สส.) สน.ราชาเทวะ ลงนามและส่งไปตามสายการบินต่างๆ
ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่า เอกสารประเด็นการสอบสวนสายการบินดังกล่าว มีข้อผิดปกติหลายประการ ยกตัวอย่างเช่น มีการเขียนคำถามและคำตอบต่างๆ ไว้ล่วงหน้าแล้ว โดยหลายตอนตำรวจได้เขียนคำตอบไว้เรียบร้อยแล้ว ขณะที่บางคำตอบเพียงแต่เว้นช่องให้เจ้าหน้าที่สายการบินกรอกชื่อ หรือตัวเลขเท่านั้น อย่างเช่น
ถาม ท่านทราบสาเหตุของการปิดให้บริการครั้งนี้หรือไม่
ตอบ บ้าง ทราบว่ามาจากสาเหตุที่มีกลุ่มผู้ชุมนุมซึ่งเรียกตัวเองว่าเป็นกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้นำกลุ่มผู้ชุมนุมจำนวนหลายพันคน เข้ามาบุกยึดอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจนเป็นเหตุให้ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิต้องสั่งปิดการให้บริการของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดอันตรายต่อการขึ้นลงของอากาศยานและความปลอดภัยของผู้โดยสาร
ถาม ในเหตุการณ์ครั้งนี้ สายการบิน ........ ได้รับผลกระทบอย่างไรบ้าง คิดเป็นความเสียหายจำนวนเท่าใด และคิดว่าผู้ใดเป็นต้นเหตุของการปิดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในครั้งนี้
ตอบ ได้รับผลกระทบทำให้สายการบินไม่สามารถให้บริการลูกค้า จำนวน ........ เที่ยวบิน เป็นความเสียหายจำนวน ........ บาท, มีผู้โดยสารตกค้าง จำนวน ........ คน ซึ่งสายการบินต้องจ่ายเงินชดเชย จำนวน ........ บาท สูญเสียค่าบริการขนส่งสินค้าจำนวน ........ เที่ยว เป็นเงินจำนวน ........ บาท คิดเป็นความเสียหายรวมทั้งสิ้น ........................ บาท ซึ่งคิดได้ว่าต้นเหตุที่ทำให้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิถูกปิดมาจากกรณีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนำกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงเพื่อกดดันให้นายกรัฐมนตรีลาออก โดยการมาบุกยึดท่าอากาศยานฯ ซึ่งข้าฯ คิดว่าเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง ละเมิดต่อกฎหมาย และเป็นการกระทำที่สร้างผลเสียและละเมิดสิทธิของประชาชนทั่วไป และสร้างความเสียหายต่อประเทศไทยโดยรวมด้วย
ทั้งนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวนำเอกสารดังกล่าวไปสอบถามกับนักกฎหมายและตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ก็ได้รับความเห็นว่า สำนวนการสอบสวนดังกล่าวน่าจะเป็นการสอบสวนโดยมิชอบ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเขียนคำถามเอง และเขียนคำตอบเองอย่างเสร็จสิ้น โดยมีการตั้งธงไว้ล่วงหน้าว่าพันธมิตรฯ เป็นผู้ผิดและเป็นต้นเหตุของการปิดสนามบิน โดยพยายามใช้สายการบินต่างๆ เป็นพยานเพื่อกล่าวหากลุ่มพันธมิตรฯ ทั้งๆ ที่ข้อเท็จจริงแล้วก็ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า ทอท.เป็นผู้สั่งปิดสนามเองก่อนที่พันธมิตรฯ จะเข้าไปด้วยหรือไม่ เนื่องจากในเวลาต่อมาก็มีข่าวว่าบอร์ด ทอท.ก็ต่อว่า ผอ.สนามบินว่าปิดสนามบินโดยพลการ และละทิ้งผู้โดยสาร
“ทั้งนี้ ข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไรก็ต้องไปว่ากัน แต่ไม่ใช่เขียนคำถามเอง แล้วตอบเองอย่างนี้ ซึ่งเข้าข่ายสอบสวนโดยมิชอบ และ พนักงานสอบสวนก็น่าจะมีความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วย” เจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่รายหนึ่งกล่าวกับ ASTVผู้จัดการออนไลน์
อย่างไรก็ตาม ในหน้าที่ 2 ของเอกสารฉบับดังกล่าวระบุชื่อของพนักงานสอบสวนไว้อย่างชัดเจนว่าคือ พ.ต.อ.ภวัต พรหมมะกฤต รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ ขณะที่ พ.ต.ท.อรรถพล ธนุสิทธิ์ นั้นเป็นผู้ร่วมสอบสวน นอกจากนี้ในท้ายเอกสารทั้งสอง พ.ต.ท.อรรถพล ได้ลงนามและเขียนเบอร์โทรศัพท์มือถือไว้ด้วยว่า 081-914-8825