จำคุก 76 ปี โชเฟอร์สองแถวหื่นกาม ใช้มีดจี้เอวลากนักเรียนสาว ม.6 วัยเพียง 17 ปี เข้าโรงแรมม่านรูดข่มขืนยับ แถมถ่ายคลิปวิดีโอไว้บังคับกลับมาย่ำยีซ้ำอีก 10 ครั้ง แต่คดีอัตราโทษสูงสุดจำคุกได้แค่ 50 ปี ให้การเป็นประโยชน์ศาลปรานีลดเหลือจำคุก 33 ปี 4 เดือน
วันนี้ (4 ธ.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 905 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาในคดีดำที่ 3593/50 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ฟ้อง นายปรีชา เอมโสภณ อายุ 45 ปี ชาว กทม. คนขับรถสองแถวย่าน อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เป็นจำเลยในความผิดฐานพรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี จากบิดามารดาเพื่อการอนาจาร, ข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 18 ปี และข่มขู่ บังคับข่มขืนใจเพื่อไปกระทำการอนาจาร โดยใช้กำลังลังประทุษร้าย
คดีนี้โจทก์ฟ้องบรรยายความผิดจำเลยสรุปว่า เมื่อวันที่ 24 ต.ค.50 เวลา 16.00 น. ขณะที่ น.ส.เอ๋ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี ผู้เสียหาย นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.ปทุมธานี โดยสารรถสองแถวกลับบ้านโดยนั่งข้างหน้าซึ่งมีจำเลยเป็นคนขับ กระทั่งผู้โดยสารลงรถหมด จำเลยได้ชักอาวุธมีดปลายแหลมที่ซุกซ่อนไว้ใต้เบาะออกมาจี้เอวของผู้เสียหาย แล้วข่มขู่ว่า “อย่าขัดขืน ไม่งั้นจะแทง” ทำให้ผู้เสียหายหวาดกลัวไม่กล้าขัดขืน จากนั้นจำเลยขับรถออกนอกเส้นทางพาผู้เสียหายเข้าโรงแรมม่านรูดแห่งหนึ่งใน อ.ลำลูกกา แล้วข่มขืนกระทำชำเราทางทวารหนักจนสำเร็จความใคร่ ก่อนใช้โทรศัพท์มือถือยี่ห้อโนเกียบันทึกภาพ (คลิปวิดีโอ) ไว้ก่อนจะมาส่งผู้เสียหายบริเวณห้างสรรพสินค้าเซียร์ รังสิต พร้อมกับข่มขู่ไม่ให้บอกเรื่องที่เกิดขึ้นกับใคร มิเช่นนั้นจะนำคลิปวิดีโอมาเผยแพร่
ต่อมาระหว่างวันที่ 26 ต.ค. - 3 ธ.ค. 50 จำเลยได้โทรศัพท์บังคับให้ผู้เสียหายมีเพศสัมพันธ์ อีก 10 ครั้ง ทั้งในโรงแรมม่านรูด และทางถนนสาธารณะที่เปลี่ยวไม่มีผู้คนย่าน ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี โดยข่มขู่ว่าหากไม่ยินยอมจะนำคลิปวิดีโอออกเผยแพร่ ภายหลังผู้เสียหายทนการกระทำของจำเลยไม่ไหวจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ผู้ปกครองทราบและแจ้งความดำเนินคดีต่อจำเลย
จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนว่าข่มขืนผู้เสียหายและถ่ายคลิปวิดีโอเพื่อเก็บไว้ข่มขู่จริง มากลับคำให้การปฏิเสธในชั้นพิจารณาคดี โดยอ้างว่าผู้เสียหายยินยอมร่วมหลับนอนเพราะต้องการเงิน ซึ่งจำเลยไม่ทราบอายุของผู้เสียหาย โดยวันเกิดเหตุก็ไม่ได้สวมถุงยางอนามัย เพราะทั้งจำเลยและผู้เสียหายไม่ได้เตรียมมาจึงมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก และให้ผู้เสียหายใช้ปากสำเร็จความใคร่ ไม่มีการจี้บังคับหรือข่มขู่แต่อย่างใด
ศาลพิเคราะห์คำเบิกความ และพยานหลักฐานที่ทั้งสองฝ่ายนำสืบแล้วเห็นว่า ฝ่ายโจทก์มีผู้เสียหายเบิกความโดยละเอียดเป็นขั้นตอน ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อนยากที่จะปั้นแต่งเองได้ ทั้งผู้เสียหายเป็นผู้หญิงรูปร่างเล็กแต่ถูกจำเลยใช้อาวุธมีดจี้บังคับไม่ให้ขัดขืนอยู่ในในรถ หรือถูกกระทำชำเราในโรงแรม เป็นเรื่องที่ทำให้ผู้เสียหายหวาดกลัวอันตรายแก่ชีวิต จึงไม่กล้าขัดขืน เชื่อว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง พิพากษาลงโทษจำคุกฐานข่มขืนกระทำชำเราหญิงอายุไม่เกิน 18 ปี 10 กระทงๆ ละ 4 ปี รวม 40 ปี ฐานพรากผู้เยาว์ 9 กระทงๆ ละ 4 ปี รวม 36 ปี รวมโทษจำคุก 76 ปี แต่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 บัญญัติให้จำคุกได้ไม่เกิน 50 ปี จึงให้จำคุกไว้ 50 ปี คำให้การของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดีอยู่บ้าง ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยไว้ 33 ปี 4 เดือน
วันนี้ (4 ธ.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 905 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาในคดีดำที่ 3593/50 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ฟ้อง นายปรีชา เอมโสภณ อายุ 45 ปี ชาว กทม. คนขับรถสองแถวย่าน อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เป็นจำเลยในความผิดฐานพรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี จากบิดามารดาเพื่อการอนาจาร, ข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 18 ปี และข่มขู่ บังคับข่มขืนใจเพื่อไปกระทำการอนาจาร โดยใช้กำลังลังประทุษร้าย
คดีนี้โจทก์ฟ้องบรรยายความผิดจำเลยสรุปว่า เมื่อวันที่ 24 ต.ค.50 เวลา 16.00 น. ขณะที่ น.ส.เอ๋ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี ผู้เสียหาย นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.ปทุมธานี โดยสารรถสองแถวกลับบ้านโดยนั่งข้างหน้าซึ่งมีจำเลยเป็นคนขับ กระทั่งผู้โดยสารลงรถหมด จำเลยได้ชักอาวุธมีดปลายแหลมที่ซุกซ่อนไว้ใต้เบาะออกมาจี้เอวของผู้เสียหาย แล้วข่มขู่ว่า “อย่าขัดขืน ไม่งั้นจะแทง” ทำให้ผู้เสียหายหวาดกลัวไม่กล้าขัดขืน จากนั้นจำเลยขับรถออกนอกเส้นทางพาผู้เสียหายเข้าโรงแรมม่านรูดแห่งหนึ่งใน อ.ลำลูกกา แล้วข่มขืนกระทำชำเราทางทวารหนักจนสำเร็จความใคร่ ก่อนใช้โทรศัพท์มือถือยี่ห้อโนเกียบันทึกภาพ (คลิปวิดีโอ) ไว้ก่อนจะมาส่งผู้เสียหายบริเวณห้างสรรพสินค้าเซียร์ รังสิต พร้อมกับข่มขู่ไม่ให้บอกเรื่องที่เกิดขึ้นกับใคร มิเช่นนั้นจะนำคลิปวิดีโอมาเผยแพร่
ต่อมาระหว่างวันที่ 26 ต.ค. - 3 ธ.ค. 50 จำเลยได้โทรศัพท์บังคับให้ผู้เสียหายมีเพศสัมพันธ์ อีก 10 ครั้ง ทั้งในโรงแรมม่านรูด และทางถนนสาธารณะที่เปลี่ยวไม่มีผู้คนย่าน ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี โดยข่มขู่ว่าหากไม่ยินยอมจะนำคลิปวิดีโอออกเผยแพร่ ภายหลังผู้เสียหายทนการกระทำของจำเลยไม่ไหวจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ผู้ปกครองทราบและแจ้งความดำเนินคดีต่อจำเลย
จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนว่าข่มขืนผู้เสียหายและถ่ายคลิปวิดีโอเพื่อเก็บไว้ข่มขู่จริง มากลับคำให้การปฏิเสธในชั้นพิจารณาคดี โดยอ้างว่าผู้เสียหายยินยอมร่วมหลับนอนเพราะต้องการเงิน ซึ่งจำเลยไม่ทราบอายุของผู้เสียหาย โดยวันเกิดเหตุก็ไม่ได้สวมถุงยางอนามัย เพราะทั้งจำเลยและผู้เสียหายไม่ได้เตรียมมาจึงมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก และให้ผู้เสียหายใช้ปากสำเร็จความใคร่ ไม่มีการจี้บังคับหรือข่มขู่แต่อย่างใด
ศาลพิเคราะห์คำเบิกความ และพยานหลักฐานที่ทั้งสองฝ่ายนำสืบแล้วเห็นว่า ฝ่ายโจทก์มีผู้เสียหายเบิกความโดยละเอียดเป็นขั้นตอน ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อนยากที่จะปั้นแต่งเองได้ ทั้งผู้เสียหายเป็นผู้หญิงรูปร่างเล็กแต่ถูกจำเลยใช้อาวุธมีดจี้บังคับไม่ให้ขัดขืนอยู่ในในรถ หรือถูกกระทำชำเราในโรงแรม เป็นเรื่องที่ทำให้ผู้เสียหายหวาดกลัวอันตรายแก่ชีวิต จึงไม่กล้าขัดขืน เชื่อว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง พิพากษาลงโทษจำคุกฐานข่มขืนกระทำชำเราหญิงอายุไม่เกิน 18 ปี 10 กระทงๆ ละ 4 ปี รวม 40 ปี ฐานพรากผู้เยาว์ 9 กระทงๆ ละ 4 ปี รวม 36 ปี รวมโทษจำคุก 76 ปี แต่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 บัญญัติให้จำคุกได้ไม่เกิน 50 ปี จึงให้จำคุกไว้ 50 ปี คำให้การของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดีอยู่บ้าง ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยไว้ 33 ปี 4 เดือน
