xs
xsm
sm
md
lg

“สุรสีห์” ยัน “ชายเลือดเย็น” ไม่รอดคุก! หากผลสอบสาวถึงบงการฆ่าประชาชน

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

“สุรสีห์” เผยสัปดาห์หน้าผลสรุปการสอบสวนพยานในเหตุการณ์ 7 ตุลาเลือดจะส่งถึงมือคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนชุดใหญ่ พิจารณาเห็นชอบชี้ขาดให้เอาผิดกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเช่นไร ชี้แม้ “ชายกระโปรง” จะพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว ถ้าผลสอบพาดพิงถึงว่ามีส่วนเอี่ยวสั่งฆ่าประชาชนก็หนีไม่พ้นกฎหมาย

วันนี้ (3 ธ.ค.) นายสุรสีห์ โกศลนาวิน ประธานคณะอนุกรรมการสิทธิมนุษยชน ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการสลายการชุมนุม เมื่อวันที่ 7 ต.ค.เปิดเผยว่า ขณะนี้คณะอนุกรรมการฯได้สอบสวนพยานที่อยู่ในเหตุการณ์ ซึ่งประกอบไปด้วย ผู้บาดเจ็บ กลุ่มผู้ชุมนุม เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ สื่อมวลชน ทหารเสนารักษไปแล้ว ซึ่งคาดว่าจะสามารถสรุปผลสอบเสนอต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติชุดใหญ่ได้ในสัปดาห์หน้า

ทั้งนี้ ผลการสอบข้อเท็จจริงของคณะอนุกรรมการจะชี้แจงให้สังคมเห็นเป็นที่ประจักษ์ถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในเหตุการณ์ว่ามีการสลายการชุมนุมที่บริเวณใดบ้าง มีผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บจำนวนเท่าใด อาการสาหัส แขนและขาขาด รวมถึงสาเหตุของการเสียชีวิต เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการตามเทียบกับหลักการสากลในการใช้กำลังสลายการชุมนุมหรือไม่ รวมไปถึงผู้ที่ต้องรับผิดชอบในการสั่งการ

นายสุรสีห์ กล่าวต่อไปว่า เมื่อส่งผลการสอบทั้งหมดให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนชุดใหญ่แล้ว ขึ้นอยู่ที่คณะกรรมการจะพิจารณาสรุปชี้มูลไปในทิศทางใด และจะให้ทำอย่างไรต่อไปทุกอย่างขึ้นอยู่กับคณะกรรมการพิจารณาเห็นชอบ

ส่วนกรณีที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไปตามที่ศาลสั่งยุบพรรคพลังประชาชน ซึ่งจะสามารถเอาผิดได้หรือไม่ ถ้าหากผลการสอบของคณะกรรมการสิทธิ มีการสรุปพาดพิงถึงนั้น นายสุรสีห์ กล่าวว่า ถ้าผลการสอบมีการสรุปพาดพิง หรือเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับบุคคลใดว่ามีส่วนร่วมในการสลายการชุมนุมวันที่ 7 ตุลาคม ทุกอย่างจะเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย แม้บุคคลนั้นๆ จะพ้นจากตำแหน่งไปแล้วก็ตาม

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ตามหลักสากลการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ในการใช้กำลังสลายการชุมนุม เจ้าหน้าที่ผู้ถืออำนาจต้องใช้ความอดทนจนถึงที่สุด โดยเริ่มจากการต่อรองก่อนจึงใช้โล่ผลักดัน ต่อด้วยการฉีดน้ำโดยประกาศเตือนก่อน หากยังไม่สำเร็จให้ประกาศเตือนจะใช้แก๊สน้ำตา จึงเริ่มใช้แก๊สน้ำตาได้ นอกจากนี้ยังต้องช่วยเหลือรักษาพยาบาล และแจ้งญาติโดยเร็วที่สุด แต่ในเหตุการณ์วันที่ 7 ต.ค.พบว่ามีการใช้แก๊สน้ำตาโดยไม่ประกาศเตือน และยังพบว่า คืนวันก่อนหน้านั้น (6 ต.ค.) รัฐบาลได้เรียกประชุมเพื่อวางแผนจะใช้กำลังสลายการชุมนุม เพื่อจะเปิดทางให้ ส.ส. ส.ว. และคณะรัฐมนตรีเข้าไปในอาคารรัฐสภาเพื่อรับฟังการแถลงนโยบายรัฐบาล คณะอนุกรรมการฯ พิจารณาแล้วเห็นว่าการใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมเป็นการกระทำรุนแรงที่เกินความจำเป็น เข้าข่ายละเมิดสิทธิมนุษยชน และละเมิดกฎหมาย
สภาพผู้บาดเจ็บ จากเหตุตำรวจเข้าสลายการชุมนุมที่หน้ารัฐสภา เมื่อ 7 ต.ค. 51
วิ่งหนีกันอลหม่าน เพื่อไม่ให้ต้องสูญเสียเลือดเนื้อ จากการสลายชุมนุม 7 ต.ค. 51
กำลังโหลดความคิดเห็น