“อำนวย เชิญยิ้ม” บอก บช.น.กำลังเร่งร่างประกาศฉบับที่ 2 เนื้อหาหลักห้ามชุมนุมมั่วสุม ถูกจับทันที ห้ามคนและรถทุกชนิดเข้า-ออกสถานที่ชุมนุม “ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ” เด็ดขาด พร้อมเตือน นปช.ชุมนุมพรุ่งนี้ต้องอยู่ในความสงบปราศจากอาวุธ ต้องไม่ให้มีการปะทะเกิดขึ้น
วันนี้ (29 พ.ย.) เมื่อเวลา 13.00 น.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมประเมินสถานการณ์การชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่มี พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะประธานควบคุมสถานการณ์ตาม พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เป็นประธาน ร่วมกับ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ร่วมประชุมได้เสร็จสิ้นลงแล้ว โดยกองบัญชาการตำรวจนครบาลเตรียมออกประกาศฉบับที่ 2
พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. ฐานะโฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวภภายหลังจากที่ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ได้เดินทางมาร่วมประชุมวางแผนรับมือสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่ม พธม.ว่า ในที่ประชุมได้มีการสรุปสถานการณ์และหามาตรการป้องกันการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ โดยได้มีการพูดถึงเรื่องที่แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ กล่าวว่าหากถูกสลายการชุมนุมก็ขอให้พี่น้องพันธมิตรฯ นำรถยนต์ไปจอดกีดขวางตามสี่แยกไฟแดงทั่ว กทม.เพื่อให้การจราจรใน กทม.เป็นอัมพาต ซึ่งเรื่องดังกล่าวทาง ผบชน.ได้สั่งการ ผบก.น.1-9 จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมด้วยรถยกไปประจำจุดอยู่ทุกแยก หากพบว่ามีผู้ใดนำรถไปจอดในลักษณะดังกล่าวก็ขอให้ทำการจับกุมพร้อมกับยึดรถยนต์ได้ทันที เนื่องจากเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตราที่ 229 ซึ่งระบุว่าผู้ใดที่กระทำปิดกั้นทางสาธารณะ ประตูสาธารณะ ทางขึ้นลงอากาศยาน มีความผิดจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำและปรับ
พล.ต.ต.อำนวย กล่าวอีกว่า ในส่วนที่สองก็คืออยากจะฝากเตือนไปยังกลุ่ม นปช.ที่ทราบข่าวว่านัดหมายจะมาชุมนุมกันที่ท้องสนามหลวง ในวันอาทิตย์ที่ 30 พ.ย.นี้ว่าตามรัฐธรรมนูญแล้วก็สามารถจะมาชุมนุมกันได้อย่างสงบและปราศจากอาวุธ แต่ก็ขอให้ทั้งสองฝ่ายอย่าได้เคลื่อนย้ายมาใกล้กันโดยเด็ดขาด การแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างกันนั้นสามารถจะทำได้ แต่ต้องไม่ให้มีการปะทะกันเกิดขึ้นโดยเด็ดขาด เพราะบ้านเมืองของเราบอบช้ำเกินไปแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับหนังสือประกาศฉบับที่สองนั้นจะมีเนื้อหาที่เข้มข้นขึ้น โดยจะเป็นเนื้อหาที่เป็นสาระและหลักการล้วนๆ คือ เป็นการสั่งห้ามต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการห้ามเข้า ห้ามออกสถานที่ชุมนุม รวมทั้งห้ามรถทุกชนิดผ่านพื้นที่สุวรรณภูมิ และดอนเมืองโดยเด็ดขาด ทั้งนี้ เนื้อหาหลักคือ ห้ามให้มีการมั่วสุมผู้คน แต่จะเป็นจำนวน 5 หรือ 10 คน กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งหากมีการมั่วสุมจะมีความผิดและถูกจับกุมทันที
วันนี้ (29 พ.ย.) เมื่อเวลา 13.00 น.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมประเมินสถานการณ์การชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่มี พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะประธานควบคุมสถานการณ์ตาม พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เป็นประธาน ร่วมกับ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ร่วมประชุมได้เสร็จสิ้นลงแล้ว โดยกองบัญชาการตำรวจนครบาลเตรียมออกประกาศฉบับที่ 2
พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. ฐานะโฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวภภายหลังจากที่ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ได้เดินทางมาร่วมประชุมวางแผนรับมือสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่ม พธม.ว่า ในที่ประชุมได้มีการสรุปสถานการณ์และหามาตรการป้องกันการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ โดยได้มีการพูดถึงเรื่องที่แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ กล่าวว่าหากถูกสลายการชุมนุมก็ขอให้พี่น้องพันธมิตรฯ นำรถยนต์ไปจอดกีดขวางตามสี่แยกไฟแดงทั่ว กทม.เพื่อให้การจราจรใน กทม.เป็นอัมพาต ซึ่งเรื่องดังกล่าวทาง ผบชน.ได้สั่งการ ผบก.น.1-9 จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมด้วยรถยกไปประจำจุดอยู่ทุกแยก หากพบว่ามีผู้ใดนำรถไปจอดในลักษณะดังกล่าวก็ขอให้ทำการจับกุมพร้อมกับยึดรถยนต์ได้ทันที เนื่องจากเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตราที่ 229 ซึ่งระบุว่าผู้ใดที่กระทำปิดกั้นทางสาธารณะ ประตูสาธารณะ ทางขึ้นลงอากาศยาน มีความผิดจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำและปรับ
พล.ต.ต.อำนวย กล่าวอีกว่า ในส่วนที่สองก็คืออยากจะฝากเตือนไปยังกลุ่ม นปช.ที่ทราบข่าวว่านัดหมายจะมาชุมนุมกันที่ท้องสนามหลวง ในวันอาทิตย์ที่ 30 พ.ย.นี้ว่าตามรัฐธรรมนูญแล้วก็สามารถจะมาชุมนุมกันได้อย่างสงบและปราศจากอาวุธ แต่ก็ขอให้ทั้งสองฝ่ายอย่าได้เคลื่อนย้ายมาใกล้กันโดยเด็ดขาด การแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างกันนั้นสามารถจะทำได้ แต่ต้องไม่ให้มีการปะทะกันเกิดขึ้นโดยเด็ดขาด เพราะบ้านเมืองของเราบอบช้ำเกินไปแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับหนังสือประกาศฉบับที่สองนั้นจะมีเนื้อหาที่เข้มข้นขึ้น โดยจะเป็นเนื้อหาที่เป็นสาระและหลักการล้วนๆ คือ เป็นการสั่งห้ามต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการห้ามเข้า ห้ามออกสถานที่ชุมนุม รวมทั้งห้ามรถทุกชนิดผ่านพื้นที่สุวรรณภูมิ และดอนเมืองโดยเด็ดขาด ทั้งนี้ เนื้อหาหลักคือ ห้ามให้มีการมั่วสุมผู้คน แต่จะเป็นจำนวน 5 หรือ 10 คน กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งหากมีการมั่วสุมจะมีความผิดและถูกจับกุมทันที