“สุชาติ” ออกประกาศให้แกนนำและผู้ชุมนุมพันธมิตรฯออกจากพื้นที่ “ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ” ถ้าไม่ถอนกำลังออกไป ตำรวจจะใช้มาตรการเด็ดขาดทันที
วันนี้ (28 พ.ย.) ที่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ได้ออกประกาศในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ฉบับที่ 1 โดยประกาศดังกล่าว ดังนี้
ประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ฉบับที่ 1 เรื่อง ให้ผู้ชุมนุมเคลื่อนย้ายออกจากะพื้นที่ชุมนุม
ตามที่มีกลุ่มผู้ชุมนุมจำนวนหนึ่งเข้าปิดล้อมและยึดอาคารสถานที่ทำเนียบรัฐบาลชั่วคราว (ดอนเมือง) และสนามบินดอนเมือง ตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน 2554 จนถึงในขณะนี้ การกระทำของแกนนำการชุมนุมและกลุ่มผู้ชุมนุมได้ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ระบบการขนส่งสาธารณะ ระบบโทรคมนาคม และการปฏิบัติหน้าที่ราชการของรัฐบาล สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจ ชื่อเสียง และความน่าเชื่อถือของประเทศเป็นอย่างมากละเมิดต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะความเสียหายทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นแล้วไม่ต่ำกว่าหนึ่งแสนล้านบาท
เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2551 ศาลแพ่งมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวโดยสั่งให้แกนนำและกลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนย้ายออกไปจากพื้นที่ชุมนุมทันที และนายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ก็ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่เขตดอนเมืองฯ เพื่อแก่ไข ระงับ ยับยั้ง ความเสียหายที่เกิดขึ้น
จึงประกาศให้แกนนำและผู้ชุมนุมทุกคนปฏืบัติตามกฏหมายและคำสั่งศาลแพ่ง โดยให้ออกจากพื้นที่ชุมนุม มิฉะนั้น พนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฏหมายจะเข้าดำเนินการใช้มาตรการตามความจำเป็นและเหมาะสมเพื่อแก้ไขสถานการณ์โดยทันที รวมทั้งจะดำเนินคดีทั้งทางอาญาและทางแพ่งแก่ผู้กระทำความผิดอย่างเด็ดขาด
พลตำรวจโทสุชาติ เหมือนแก้ว
ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล /หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง
28 พฤศจิกายน 2551
ต่อมาเมื่อเวลา 18.00 น. พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น. กล่าวภายหลังประชุมนายตำรวจ เพื่อวางแผนประเมินสถานการณ์ควบคุมกลุ่มผู้ชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ว่า ทางเจ้าหน้าที่จะทำการแจ้งข่าวให้ผู้ชุมนุมทราบโดยเร็ว โดยจะมีการแจ้งทุกทาง อาทิ ใบปลิว การใช้รถกระจายเสียง ส่ง SMS ทุกระบบ นอกจานี้จะมีการตั้งชุดเจรจาเข้าไปต่อรอง ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ประสานทางกองทัพบกเพื่อให้ชุดต่อรองจากป่าหวายเข้ามาช่วยเจรจา
พล.ต.ท.สุชาติ กล่าวต่อว่า ความเสียหายเกิดขึ้นมหาศาล วันที่ 2-3 ธ.ค.นี้ จะมีพิธีสวนสนาม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จะเสด็จเข้าร่วมพิธี หลังจากนั้นอีก 2 วันจะเป็นวันเฉลิมพระชนพรรษา ทุกฝ่ายคงต้องถอยกันคนละก้าว ในช่วงนี้ในหลวง และพระราชินีทรงเสด็จมาทรงงานในกรุงเทพ เราทุกคนไม่อยากให้ท่านระคายเคืองพระยุคลบาท
“เราไม่ได้บอกว่าใครผิดใครถูก แต่เราอยากให้ทุกคนเห็นแก่พ่อของเรา การคุยด้วยสันติวิธีน่าจะเป็นการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด อยากฝากไปถึงอาจารย์จำลอง ศรีเมือง ซึ่งเป็นอาจารย์ของผม และวีระ สมความคิด ซึ่งเป็นเพื่อนที่สนิทกันมากอยากให้เห็นแก่ลูกศิษย์และเพื่อน” พล.ต.ท.สุชาติ กล่าว
ผบช.น.กล่าวอีกว่า ทางเจ้าหน้าที่อยากให้กลุ่มผู้ชุมนุมออกจากสนามบินให้เร็วที่สุด เพื่อให้สนามบินได้เปิดใช้ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่เป็นห่วงกลุ่มผู้ชุมนุม ทั้งนี้เท่าที่ทราบประเทศไทยถูกจัดอันดับประเทศที่มีความเสี่ยงเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากประเทศอินเดีย อยากวอนขอให้พี่น้องประชาชนเห็นแก่ประเทศชาติ
สำหรับขั้นตอน ทางเจ้าหน้าที่จะเน้นการเจรจา และแจกใบปลิวตามจุดต่างๆ เพื่อให้ประชาชนทุกภาคส่วนได้รับรู้ ไม่ใช้ผู้ชุมนุมอย่างเดียว หลังจากนี้ไปจะแจกประกาศฉบับที่ 2 เพื่อกำหนดเวลาตามมาตรา 9 ของ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หากถึงตอนนั้นผู้ชุมนุมไม่ปฏิบัติตาม เจ้าหน้าที่คงต้องใช้กำลังเข้าไปผลักดัน
วันนี้ (28 พ.ย.) ที่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ได้ออกประกาศในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ฉบับที่ 1 โดยประกาศดังกล่าว ดังนี้
ประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ฉบับที่ 1 เรื่อง ให้ผู้ชุมนุมเคลื่อนย้ายออกจากะพื้นที่ชุมนุม
ตามที่มีกลุ่มผู้ชุมนุมจำนวนหนึ่งเข้าปิดล้อมและยึดอาคารสถานที่ทำเนียบรัฐบาลชั่วคราว (ดอนเมือง) และสนามบินดอนเมือง ตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน 2554 จนถึงในขณะนี้ การกระทำของแกนนำการชุมนุมและกลุ่มผู้ชุมนุมได้ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ระบบการขนส่งสาธารณะ ระบบโทรคมนาคม และการปฏิบัติหน้าที่ราชการของรัฐบาล สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจ ชื่อเสียง และความน่าเชื่อถือของประเทศเป็นอย่างมากละเมิดต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะความเสียหายทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นแล้วไม่ต่ำกว่าหนึ่งแสนล้านบาท
เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2551 ศาลแพ่งมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวโดยสั่งให้แกนนำและกลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนย้ายออกไปจากพื้นที่ชุมนุมทันที และนายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ก็ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่เขตดอนเมืองฯ เพื่อแก่ไข ระงับ ยับยั้ง ความเสียหายที่เกิดขึ้น
จึงประกาศให้แกนนำและผู้ชุมนุมทุกคนปฏืบัติตามกฏหมายและคำสั่งศาลแพ่ง โดยให้ออกจากพื้นที่ชุมนุม มิฉะนั้น พนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฏหมายจะเข้าดำเนินการใช้มาตรการตามความจำเป็นและเหมาะสมเพื่อแก้ไขสถานการณ์โดยทันที รวมทั้งจะดำเนินคดีทั้งทางอาญาและทางแพ่งแก่ผู้กระทำความผิดอย่างเด็ดขาด
พลตำรวจโทสุชาติ เหมือนแก้ว
ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล /หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง
28 พฤศจิกายน 2551
ต่อมาเมื่อเวลา 18.00 น. พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น. กล่าวภายหลังประชุมนายตำรวจ เพื่อวางแผนประเมินสถานการณ์ควบคุมกลุ่มผู้ชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ว่า ทางเจ้าหน้าที่จะทำการแจ้งข่าวให้ผู้ชุมนุมทราบโดยเร็ว โดยจะมีการแจ้งทุกทาง อาทิ ใบปลิว การใช้รถกระจายเสียง ส่ง SMS ทุกระบบ นอกจานี้จะมีการตั้งชุดเจรจาเข้าไปต่อรอง ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ประสานทางกองทัพบกเพื่อให้ชุดต่อรองจากป่าหวายเข้ามาช่วยเจรจา
พล.ต.ท.สุชาติ กล่าวต่อว่า ความเสียหายเกิดขึ้นมหาศาล วันที่ 2-3 ธ.ค.นี้ จะมีพิธีสวนสนาม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จะเสด็จเข้าร่วมพิธี หลังจากนั้นอีก 2 วันจะเป็นวันเฉลิมพระชนพรรษา ทุกฝ่ายคงต้องถอยกันคนละก้าว ในช่วงนี้ในหลวง และพระราชินีทรงเสด็จมาทรงงานในกรุงเทพ เราทุกคนไม่อยากให้ท่านระคายเคืองพระยุคลบาท
“เราไม่ได้บอกว่าใครผิดใครถูก แต่เราอยากให้ทุกคนเห็นแก่พ่อของเรา การคุยด้วยสันติวิธีน่าจะเป็นการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด อยากฝากไปถึงอาจารย์จำลอง ศรีเมือง ซึ่งเป็นอาจารย์ของผม และวีระ สมความคิด ซึ่งเป็นเพื่อนที่สนิทกันมากอยากให้เห็นแก่ลูกศิษย์และเพื่อน” พล.ต.ท.สุชาติ กล่าว
ผบช.น.กล่าวอีกว่า ทางเจ้าหน้าที่อยากให้กลุ่มผู้ชุมนุมออกจากสนามบินให้เร็วที่สุด เพื่อให้สนามบินได้เปิดใช้ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่เป็นห่วงกลุ่มผู้ชุมนุม ทั้งนี้เท่าที่ทราบประเทศไทยถูกจัดอันดับประเทศที่มีความเสี่ยงเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากประเทศอินเดีย อยากวอนขอให้พี่น้องประชาชนเห็นแก่ประเทศชาติ
สำหรับขั้นตอน ทางเจ้าหน้าที่จะเน้นการเจรจา และแจกใบปลิวตามจุดต่างๆ เพื่อให้ประชาชนทุกภาคส่วนได้รับรู้ ไม่ใช้ผู้ชุมนุมอย่างเดียว หลังจากนี้ไปจะแจกประกาศฉบับที่ 2 เพื่อกำหนดเวลาตามมาตรา 9 ของ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หากถึงตอนนั้นผู้ชุมนุมไม่ปฏิบัติตาม เจ้าหน้าที่คงต้องใช้กำลังเข้าไปผลักดัน
