ทอท.เปิดฉากฟ้องขับไล่พันธมิตรฯ ออกจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อ้างชุมนุมปิดล้อมทำให้ ทอท.เสียหายยับ ศาลแพ่งเปิดบัลลังก์ไต่สวนฉุกเฉินฝ่ายโจทก์แล้ว พร้อมให้รอฟังคำสั่งวันนี้
วันนี้( 26 พ.ย.) มื่อเวลา 17.00 น.ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. โดยนายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ ผอ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รักษาการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานฯ ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง กับพวกซึ่งเป็นแกนนำและแนวร่วมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รวม 13 คน เป็นจำเลยฐานละเมิดและขับไล่ พร้อมยื่นคำร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลเปิดไต่สวนฉุกเฉินเพื่อมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้พวกจำเลยออกจากสนามบินสุวรรณภูมิทันที
ทั้งนี้ ศาลแพ่งรับคำร้องและเปิดห้องพิจารณาคดี 310 ทำการไต่สวนฉุกเฉิน เมื่อเวลา 18.00 น. โดยฝ่ายโจทก์มี นายเสรีรัตน์ ขึ้นเป็นพยานเบิกความเพียงปากเดียว สรุปเหตุการณ์ที่กลุ่มพันธมิตรฯ บุกเข้ายึดสนามบินสุวรรณภูมิว่า เมื่อวันที่ 25 พ.ย.เวลา 14.00 น.ได้มีกลุ่มบุคคลใช้รถบัส และรถยนต์บุกเข้ามาปิดการจราจรบริเวณทางยกระดับเข้าอาคารผู้โดยสารขาเข้าสนามบินสุวรรณภูมิ จากนั้นเมื่อมีประชาชนมาสมทบกลุ่มบุคคลดังกล่าวได้ฝ่าแนวสกัดของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และใช้กำลังผลักดันบุกเข้าไปทางประตู 2 ของอาคารผู้โดยสารขาออก พร้อมกับส่งเสียงอื้ออึงและใช้เครื่องมือส่งเสียงดังรบกวนผู้โดยสาร และเดินกระจายไปทั่วอาคารทำให้ผู้โดยสารหวาดกลัว บางรายถึงขั้นวิ่งหลบหนีออกจากตัวอาคาร เมื่อพยานประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ และฝ่ายการเมืองแล้วเห็นว่าหากปล่อยให้กลุ่มบุคคลดังกล่าวอยู่ในตัวอาคารจะทำให้การบริการมีปัญหาอาจเกิดอันตรายกับผู้โดยสารและผู้มาใช้บริการ จึงประกาศหยุดให้บริการสนามบินสุวรรณภูมิเฉพาะในส่วนของผู้โดยสารขาออก ในเวลา 21.00 น.ทำให้มีผู้โดยสารตกค้างอยู่ในตัวอาคารผู้โดยสารขาออกกว่า 3,000 คน
หลังจากนั้น เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 26 พ.ย.พยานได้มอบให้ผู้แทนเข้าเจรจาแต่ปรากฏว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวได้ยื่นข้อเสนอให้ปิดสนามบินสุวรรณภูมิแบบเต็มรูปแบบมิฉะนั้นจะไม่รับรองความปลอดภัยและผลกระทบที่จะเกิดขึ้น พยานจึงต้องประกาศปิดการบริการสนามบินสุวรรณภูมิอย่างเต็มรูปแบบจนถึงปัจจุบัน ซึ่งการปิดท่าอากาศยานในครั้งนี้ส่งผลกระทบให้ผู้โดยสารไม่สามารถเดินทางเข้าเข้าออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ ได้ 1.1 แสนคนต่อวัน เที่ยวบินทั้งขาเข้าและขาออกไม่สามารถขึ้นลงได้ 700 เที่ยวต่อวัน ผู้โดยสารตกค้างกว่า 3,000 คน และโจทก์ต้องสุญเสียรายได้จากการให้บริการท่าอากาศยานกว่า 50 ล้านบาทต่อวัน ซึ่งในการเคลื่อนไหวของกลุ่มบุคคลดังกล่าวเป็นที่ทราบโดยทั่วกันว่าอยู่ในความกำกับดูแลของพวกจำเลย จึงขอให้ศาลมีคำสั่งให้จำเลยและกลุ่มผู้ชุมนุมออกจากอาคารท่าอากาศยานสนามบินสุวรรณภูมิโดยทันทีเพื่อให้โจทก์ได้ประกอบกิจการต่อไป ทั้งนี้ศาลให้รอฟังคำสั่งในวันนี้
วันนี้( 26 พ.ย.) มื่อเวลา 17.00 น.ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. โดยนายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ ผอ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รักษาการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานฯ ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง กับพวกซึ่งเป็นแกนนำและแนวร่วมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รวม 13 คน เป็นจำเลยฐานละเมิดและขับไล่ พร้อมยื่นคำร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลเปิดไต่สวนฉุกเฉินเพื่อมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้พวกจำเลยออกจากสนามบินสุวรรณภูมิทันที
ทั้งนี้ ศาลแพ่งรับคำร้องและเปิดห้องพิจารณาคดี 310 ทำการไต่สวนฉุกเฉิน เมื่อเวลา 18.00 น. โดยฝ่ายโจทก์มี นายเสรีรัตน์ ขึ้นเป็นพยานเบิกความเพียงปากเดียว สรุปเหตุการณ์ที่กลุ่มพันธมิตรฯ บุกเข้ายึดสนามบินสุวรรณภูมิว่า เมื่อวันที่ 25 พ.ย.เวลา 14.00 น.ได้มีกลุ่มบุคคลใช้รถบัส และรถยนต์บุกเข้ามาปิดการจราจรบริเวณทางยกระดับเข้าอาคารผู้โดยสารขาเข้าสนามบินสุวรรณภูมิ จากนั้นเมื่อมีประชาชนมาสมทบกลุ่มบุคคลดังกล่าวได้ฝ่าแนวสกัดของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และใช้กำลังผลักดันบุกเข้าไปทางประตู 2 ของอาคารผู้โดยสารขาออก พร้อมกับส่งเสียงอื้ออึงและใช้เครื่องมือส่งเสียงดังรบกวนผู้โดยสาร และเดินกระจายไปทั่วอาคารทำให้ผู้โดยสารหวาดกลัว บางรายถึงขั้นวิ่งหลบหนีออกจากตัวอาคาร เมื่อพยานประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ และฝ่ายการเมืองแล้วเห็นว่าหากปล่อยให้กลุ่มบุคคลดังกล่าวอยู่ในตัวอาคารจะทำให้การบริการมีปัญหาอาจเกิดอันตรายกับผู้โดยสารและผู้มาใช้บริการ จึงประกาศหยุดให้บริการสนามบินสุวรรณภูมิเฉพาะในส่วนของผู้โดยสารขาออก ในเวลา 21.00 น.ทำให้มีผู้โดยสารตกค้างอยู่ในตัวอาคารผู้โดยสารขาออกกว่า 3,000 คน
หลังจากนั้น เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 26 พ.ย.พยานได้มอบให้ผู้แทนเข้าเจรจาแต่ปรากฏว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวได้ยื่นข้อเสนอให้ปิดสนามบินสุวรรณภูมิแบบเต็มรูปแบบมิฉะนั้นจะไม่รับรองความปลอดภัยและผลกระทบที่จะเกิดขึ้น พยานจึงต้องประกาศปิดการบริการสนามบินสุวรรณภูมิอย่างเต็มรูปแบบจนถึงปัจจุบัน ซึ่งการปิดท่าอากาศยานในครั้งนี้ส่งผลกระทบให้ผู้โดยสารไม่สามารถเดินทางเข้าเข้าออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ ได้ 1.1 แสนคนต่อวัน เที่ยวบินทั้งขาเข้าและขาออกไม่สามารถขึ้นลงได้ 700 เที่ยวต่อวัน ผู้โดยสารตกค้างกว่า 3,000 คน และโจทก์ต้องสุญเสียรายได้จากการให้บริการท่าอากาศยานกว่า 50 ล้านบาทต่อวัน ซึ่งในการเคลื่อนไหวของกลุ่มบุคคลดังกล่าวเป็นที่ทราบโดยทั่วกันว่าอยู่ในความกำกับดูแลของพวกจำเลย จึงขอให้ศาลมีคำสั่งให้จำเลยและกลุ่มผู้ชุมนุมออกจากอาคารท่าอากาศยานสนามบินสุวรรณภูมิโดยทันทีเพื่อให้โจทก์ได้ประกอบกิจการต่อไป ทั้งนี้ศาลให้รอฟังคำสั่งในวันนี้