ผบช.น.บอกเป็นสิทธิพันธมิตรฯ ชุมนุมได้ ถ้าไม่พกอาวุธเข้าพื้นที่ แต่ห่วงหลัง “บช.น.-รัฐสภา” ถูกตัดน้ำ-ตัดไฟ เกรงมือที่ 3 ก่อเหตุรุนแรง ยันตำรวจจะไม่ใช้อาวุธทำร้ายประชาชน ส่วนการรักษาความปลอดภัยดอนเมืองได้มอบให้ ผบก.น.2 ดูแลร่วมกับทหารอากาศ
วันนี้ (24 พ.ย.) พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) กล่าวถึงสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ปิดล้อมรัฐสภา บช.น.อยู่ขณะนี้ว่า หากกลุ่มผู้ชุมนุมได้ใช้สิทธิมาชุมนุมตามปกติ ไม่พกพาอาวุธ ก็ถือเป็นสิทธิทำได้ ส่วนกรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุมได้ตัดน้ำและตัดไฟใน บชน. และรัฐสภานั้น ในส่วนนี้ตำรวจต้องอดทนอดกลั้น แต่ถ้าเวลาล่วงเลยไปถึงช่วงค่ำ ตนเป็นหว่งมือที่ 3 จะเข้ามาสร้างสถานการณ์ แต่อย่างไรก็ตาม การควบคุมสถานการณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตนยืนยันว่าจะไม่ใช้อาวุธทำร้ายประชาชนแน่นอน
พล.ต.ท.สุชาติ กล่าวต่อไปว่า บช.น.จะไม่เพิ่มกำลังรักษาความปลอดภัย เพราะเชื่อว่ากลุ่มผู้ชุมนุมจะไม่บุกเข้ามายังบริเวณ บช.น. และเชื่อว่าผู้ชุมนุมจะไม่ทำให้สถานการณ์เลวร้ายกว่านี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะไม่ทำร้ายประชาชน และจะไม่ใช้แก๊สน้ำตา
นอกจากนี้ พล.ต.ท.สุชาติ กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯ บางส่วนได้เคลื่อนไหวไปยังสนามบินดอนเมืองซึ่งเป็นสถานที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพรุ่งนี้ (25 พ.ย.) ว่า ตนได้สั่งการให้ พล.ต.ต.สาโรช พรหมเจริญ ผบก.น.2 นำกำลังดูแลพื้นที่ ซึ่งเชื่อว่าจะมีกำลังของทหารอากาศร่วมในการดูแลพื้นที่ด้วย
ส่วนกรณีที่ตำรวจจับกุมบุคคลที่อ้างตัวเป็นการ์ดพันธมิตรฯ จำนวน 6 คนที่บุกยึดรถเมล์สาย 54 นั้น พล.ต.ท.สุชาติ กล่าวว่า จากการค้นตัวของทั้งหมดพบว่าได้พกอาวุธปืน และระเบิดจึงตั้งข้อหาพกพาอาวุธปืนและระเบิดไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และควบคุมตัวไว้ดำเนินคดีต่อไป
ต่อมาเมื่อเวลา 13.30 น. แกนนำพันธมิตรฯ ยอมสลายการชุมนุม แต่ตั้งเงื่อนไขว่าให้ตำรวจที่มีส่วนเกี่ยวข้องเหตุการณ์ 7 ต.ค.51 ต้องลาออกภายใน 24 ชม. แต่ถ้าหากเมื่อครบกำหนดเวลาแล้วยังไม่ลาออกจะกลับมาชุมนุมอีกครั้งหนึ่ง
วันนี้ (24 พ.ย.) พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) กล่าวถึงสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ปิดล้อมรัฐสภา บช.น.อยู่ขณะนี้ว่า หากกลุ่มผู้ชุมนุมได้ใช้สิทธิมาชุมนุมตามปกติ ไม่พกพาอาวุธ ก็ถือเป็นสิทธิทำได้ ส่วนกรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุมได้ตัดน้ำและตัดไฟใน บชน. และรัฐสภานั้น ในส่วนนี้ตำรวจต้องอดทนอดกลั้น แต่ถ้าเวลาล่วงเลยไปถึงช่วงค่ำ ตนเป็นหว่งมือที่ 3 จะเข้ามาสร้างสถานการณ์ แต่อย่างไรก็ตาม การควบคุมสถานการณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตนยืนยันว่าจะไม่ใช้อาวุธทำร้ายประชาชนแน่นอน
พล.ต.ท.สุชาติ กล่าวต่อไปว่า บช.น.จะไม่เพิ่มกำลังรักษาความปลอดภัย เพราะเชื่อว่ากลุ่มผู้ชุมนุมจะไม่บุกเข้ามายังบริเวณ บช.น. และเชื่อว่าผู้ชุมนุมจะไม่ทำให้สถานการณ์เลวร้ายกว่านี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะไม่ทำร้ายประชาชน และจะไม่ใช้แก๊สน้ำตา
นอกจากนี้ พล.ต.ท.สุชาติ กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯ บางส่วนได้เคลื่อนไหวไปยังสนามบินดอนเมืองซึ่งเป็นสถานที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพรุ่งนี้ (25 พ.ย.) ว่า ตนได้สั่งการให้ พล.ต.ต.สาโรช พรหมเจริญ ผบก.น.2 นำกำลังดูแลพื้นที่ ซึ่งเชื่อว่าจะมีกำลังของทหารอากาศร่วมในการดูแลพื้นที่ด้วย
ส่วนกรณีที่ตำรวจจับกุมบุคคลที่อ้างตัวเป็นการ์ดพันธมิตรฯ จำนวน 6 คนที่บุกยึดรถเมล์สาย 54 นั้น พล.ต.ท.สุชาติ กล่าวว่า จากการค้นตัวของทั้งหมดพบว่าได้พกอาวุธปืน และระเบิดจึงตั้งข้อหาพกพาอาวุธปืนและระเบิดไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และควบคุมตัวไว้ดำเนินคดีต่อไป
ต่อมาเมื่อเวลา 13.30 น. แกนนำพันธมิตรฯ ยอมสลายการชุมนุม แต่ตั้งเงื่อนไขว่าให้ตำรวจที่มีส่วนเกี่ยวข้องเหตุการณ์ 7 ต.ค.51 ต้องลาออกภายใน 24 ชม. แต่ถ้าหากเมื่อครบกำหนดเวลาแล้วยังไม่ลาออกจะกลับมาชุมนุมอีกครั้งหนึ่ง
