สมาชิกกลุ่มอีสานกู้ชาติ แจ้งจับ “สันติ พร้อมพัฒน์” หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ใช้เอกสารเท็จวุฒิการศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง เสนอต่อเลขาธิการ ครม.เพื่อเสนอนายกรัฐมนตรี ก่อนทูลเกล้าฯ รับตำแหน่ง รมว.คมนาคม
วันนี้ (19 พ.ย.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 14.00 น.นายไทกร พลสุวรรณ สมาชิกกลุ่มอีสานกู้ชาติ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.มาโนชญ์ สวนดอกไม้ พนักงานสอบสวน บก.ป.เพื่อแจ้งความดำเนินคดี นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยนำหนังสือร้องเรียน ที่ 15/2551 ประกอบกับสำเนาหนังสือตรวจสอบผลการเรียนของ นายสันติ สำเนาหนังสือคำสั่งมหาวิทยาลัยรามคำแหง ที่ 1170/2542 เรื่อง ลงโทษลบชื่อ นายสันติ ออกจากทะเบียนนักศึกษา ข้อบังคับมหาวิทยาลัยรามคำแหง ว่าด้วยวินัยนักศึกษา พ.ศ.2522 และรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 มาตรา 174 และมาตรา 182 มอบให้กับพนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐาน
นายไทกร กล่าวว่า ตามที่ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ได้นำรายชื่อ นายสันติ ขึ้นทูลเกล้าฯเพื่อให้ทรงลงพระปรมาภิไธยโปรดเกล้าฯแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง รมว.คมนาคม ทั้งที่ นายสันติ รู้อยู่แล้วว่าตนเองไม่มีคุณสมบัติที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 174(3) คือ มีวุฒิการศึกษาไม่จบปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และกลับจงใจนำเอกสารอันเป็นเท็จเสนอต่อเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อเสนอนายกรัฐมนตรี ก่อนทูลเกล้าฯ การกระทำลักษณะนี้จึงถือว่าเป็นการดูหมิ่นพระมหากษัตริย์
นายไทกร กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมา นายสันติ ได้สมัครเข้าเรียนเป็นนักศึกษา คณะรัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยรามคำแหง เมื่อปี 2541 แต่ถูกจับได้ว่ามีการให้ผู้อื่นเข้าสอบแทนจึงถูกนำรายชื่อเสนอต่อสภามหาวิทยาลัยพิจารณาโทษ และต่อมาได้มีมติให้ลบชื่อ นายสันติ ออกจากการเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง เมื่อปี 2542 ซึ่งตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัยรามคำแหง พ.ศ.2522 ข้อ 11 ผู้ที่ถูกลบชื่อไปแล้วจะไม่สามารถกลับเข้าเรียนได้อีกภายใน 2 ปีการศึกษา และจะกลับเข้ามาเป็นนักศึกษาได้ก็ต่อเมื่อได้ทำเรื่องเสนอต่อคณบดีเพื่อพิจารณาละเว้นโทษ แต่พบว่า นายสันติ ได้กลับเข้ามาเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง เมื่อปี 2543 และสำเร็จการศึกษาในปี 2545 นอกจากนี้ ตนเคยสอบถามไปยังมหาวิทยาลัยรามคำแหงถึงกรณีดังกล่าวก็ได้รับคำตอบว่าอยู่นอกเหนืออำนาจของมหาวิทยาลัยเป็นเรื่องที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาและกระทรวงศึกษาธิการ จะพิจารณา และเมื่อทำเรื่องสอบถามทั้งสองหน่วยงานจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ได้รับคำตอบ
“นายสันติ กลับเข้ามาเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหงทั้งที่ถูกลบชื่อออกไปแล้วโดยยังไม่มีการทำเรื่องขอละเว้นโทษเสนอต่อคณบดี ตามขั้นตอนแต่อย่างใด และที่ผ่านมา ก็ยังไม่เคยมีนักศึกษารายใดที่ถูกลบชื่อออกสามารถกลับเข้ามาเรียนและสำเร็จการศึกษาแม้แต่รายเดียว นอกจากนี้ ยังมีการออกมาโกหกว่ามีการพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ.2547 เนื่องในวโรกาสสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมายุครบ 72 พรรษา ไม่พบว่ามีการละเว้นโทษในกรณีดังกล่าว ซึ่งเราจะปล่อยให้รัฐบาลมีรัฐมนตรีไม่มีความชอบธรรมมาบริหารประเทศต้องเซ็นต์งบประมาณเป็นพันล้าน ประเทศก็เสียหายกันหมด” นายไทกร กล่าว
ด้าน พ.ต.ต.มาโนชญ์ กล่าวว่า ได้รับเรื่องและสอบปากคำไว้เบื้องต้น ก่อนทำเรื่องเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณา ต่อไป