การดำเนินคดี “วีระ มุสิกพงศ์” ยังล่าช้า อ้างเป็นไปตามขั้นตอน พนักงานสอบสวนบอกสอบปากคำเจ้าตัวไปแล้ว รอเพียงสอบพยานเพิ่มเสร็จ คาดปลายเดือนนี้สรุปสำนวนคดีถึงคณะกรรมการ บช.น. ส่วนคดี “สุชาติ นาคบางไทร” ตม.รายงานหนีไปกบดานประเทศลาว และถูกอายัดพาสปอร์ตแล้ว เจอตัวจับยัดซังเตทันที
วันนี้ (18 พ.ย.) พ.ต.ท.สุเมธ จิตต์พานิชย์ รอง ผกก.สส.สน.ชนะสงคราม เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีต่อ นายวีระ มุสิกพงศ์ กรณีปราศรัยที่ท้องสนามหลวง เข้าข่ายหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี และองค์รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ว่า ได้สอบปากคำนายวีระ มุสิกพงศ์ เรียบร้อยแล้ว ซึ่งรอเพียงสอบพยานอีก 4 ปากก็จะสามารถสรุปสำนวนส่งคณะกรรมการกลั่นกรองคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ระดับกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บชน.) ได้คาดว่าประมาณสิ้นเดือนนี้น่าจะแล้วเสร็จ จากนั้นส่งให้คณะกรรมการระดับ ตร.พิจารณาเห็นชอบ นำเสนอส่งให้อัยการต่อไป
อย่างไรก็ตาม ทางตำรวจอ้างว่าเหตุที่การสอบสวนเป็นไปอย่างล่าช้า เนื่องจากพยานในคดีนี้เป็นระดับสูงในบ้านเมือง และมีตำแหน่งในพรรคพลังประชาชน จึงทำให้ไม่สะดวกมาให้ปากคำได้ตามกำหนด เนื่องจากติดภารกิจสำคัญทางการเมืองต่างๆ ที่ผ่านมาทางพนักงานสอบสวนก็ไม่เคยยื้อเรื่อง หรือเตะถ่วงเข้าข้างผู้ต้องหา
ส่วนกรณี นายสุชาติ นาคบางไทร แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช.ที่ถูกออกหมายจับเมื่อวันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา ในข้อหาหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ ราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 กรณีกล่าวปราศรัยที่เวที นปช.ท้องสนามหลวง เมื่อคืนวันที่ 14 ต.ค.ที่ผ่านมา มีเนื้อหาจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง และนายสุชาติได้หนีหมายจับไปนั้น พ.ต.ท.สุเมธ กล่าวว่า สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดหนองคาย ได้แจ้งให้พนักงานสอบสวนทราบว่า เมื่อวันที่ 16 ต.ค ที่ผ่านมา นายสุชาติได้เดินทางออกนอกราชอาณาจักรไปยังสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยผ่านด่านจังหวัดหนองคาย โดยในเรื่องนี้พนักงานสอบสวนได้ประสานไปยังกรมศุลกากร สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ให้เพิกถอนหรืออายัดพาสปอร์ตของนายสุชาติแล้ว หากเข้ามาในประเทศไทยเมื่อใดจะถูกจับกุมตัวนำมาดำเนินคดีทันที แต่ถ้ายังหลบหนีอยู่เจ้าหน้าที่ต้องสืบเสาะหาที่อยู่ชัดเจนและจับกุมตัวทันทีเช่นกัน ซึ่งอายุความของคดีนี้ 10 ปี
“คดีของนายสุชาติพูดจาหมิ่นเบื้องสูงที่สนามหลวง ยังไม่มีใครกล้ามาเป็นพยาน จึงยังไม่เคยสอบสวนพยาน ก็รู้อยู่สนามหลวงใครใหญ่ ใครมันจะกล้ามาเป็นพยาน แต่เรื่องนี้เรามีหลักฐานที่ตำรวจได้อัดเทปการปราศรัยไว้อยู่แล้วไม่น่าห่วงเรื่องของคดี เอาแค่ว่าหาตัวและจับนายสุชาติมาให้ได้ก่อนแล้วกัน” พ.ต.ท.สุเมธ กล่าว
วันนี้ (18 พ.ย.) พ.ต.ท.สุเมธ จิตต์พานิชย์ รอง ผกก.สส.สน.ชนะสงคราม เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีต่อ นายวีระ มุสิกพงศ์ กรณีปราศรัยที่ท้องสนามหลวง เข้าข่ายหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี และองค์รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ว่า ได้สอบปากคำนายวีระ มุสิกพงศ์ เรียบร้อยแล้ว ซึ่งรอเพียงสอบพยานอีก 4 ปากก็จะสามารถสรุปสำนวนส่งคณะกรรมการกลั่นกรองคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ระดับกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บชน.) ได้คาดว่าประมาณสิ้นเดือนนี้น่าจะแล้วเสร็จ จากนั้นส่งให้คณะกรรมการระดับ ตร.พิจารณาเห็นชอบ นำเสนอส่งให้อัยการต่อไป
อย่างไรก็ตาม ทางตำรวจอ้างว่าเหตุที่การสอบสวนเป็นไปอย่างล่าช้า เนื่องจากพยานในคดีนี้เป็นระดับสูงในบ้านเมือง และมีตำแหน่งในพรรคพลังประชาชน จึงทำให้ไม่สะดวกมาให้ปากคำได้ตามกำหนด เนื่องจากติดภารกิจสำคัญทางการเมืองต่างๆ ที่ผ่านมาทางพนักงานสอบสวนก็ไม่เคยยื้อเรื่อง หรือเตะถ่วงเข้าข้างผู้ต้องหา
ส่วนกรณี นายสุชาติ นาคบางไทร แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช.ที่ถูกออกหมายจับเมื่อวันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา ในข้อหาหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ ราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 กรณีกล่าวปราศรัยที่เวที นปช.ท้องสนามหลวง เมื่อคืนวันที่ 14 ต.ค.ที่ผ่านมา มีเนื้อหาจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง และนายสุชาติได้หนีหมายจับไปนั้น พ.ต.ท.สุเมธ กล่าวว่า สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดหนองคาย ได้แจ้งให้พนักงานสอบสวนทราบว่า เมื่อวันที่ 16 ต.ค ที่ผ่านมา นายสุชาติได้เดินทางออกนอกราชอาณาจักรไปยังสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยผ่านด่านจังหวัดหนองคาย โดยในเรื่องนี้พนักงานสอบสวนได้ประสานไปยังกรมศุลกากร สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ให้เพิกถอนหรืออายัดพาสปอร์ตของนายสุชาติแล้ว หากเข้ามาในประเทศไทยเมื่อใดจะถูกจับกุมตัวนำมาดำเนินคดีทันที แต่ถ้ายังหลบหนีอยู่เจ้าหน้าที่ต้องสืบเสาะหาที่อยู่ชัดเจนและจับกุมตัวทันทีเช่นกัน ซึ่งอายุความของคดีนี้ 10 ปี
“คดีของนายสุชาติพูดจาหมิ่นเบื้องสูงที่สนามหลวง ยังไม่มีใครกล้ามาเป็นพยาน จึงยังไม่เคยสอบสวนพยาน ก็รู้อยู่สนามหลวงใครใหญ่ ใครมันจะกล้ามาเป็นพยาน แต่เรื่องนี้เรามีหลักฐานที่ตำรวจได้อัดเทปการปราศรัยไว้อยู่แล้วไม่น่าห่วงเรื่องของคดี เอาแค่ว่าหาตัวและจับนายสุชาติมาให้ได้ก่อนแล้วกัน” พ.ต.ท.สุเมธ กล่าว
