xs
xsm
sm
md
lg

ตร.ยังงมโข่งหาไอ้โม่งหย่อนบึ้มม็อบคลองเตย มุ่งคลี่ 3 ปม

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

ภาพ เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ เมื่อ 13 พ.ค. 51
จนป่านนี้ตำรวจยังมึน ไม่สามารถระบุได้เป็นระเบิดชนิดใดบึ้มผู้ชุมนุมคลองเตย แถมกล้อง CCTV ทุกตัวไม่มีระบบบันทึกเทป จึงไม่สามารถบันทึกเหตุการณ์ได้ มุ่งสืบ 3 ปม “ขัดแย้งภายในกลุ่มพ่อค้า-ขัดแย้งระหว่างบริษัทสัมปทานรายใหม่กับรายเก่า-โจ๋คึกคะนองไม่พอใจม็อบปิดถนน”

จากกรณีที่มีคนร้ายไม่ทราบจำนวน ขับ จยย.ขึ้นสะพานข้ามแยกรัชดา ตัดถนนพระราม 4 ก่อนหย่อนระเบิดไม่ทราบชนิดลงมาใส่กลุ่มผู้ค้าตลาดคลองเตย ที่ปักหลักชุมนุมกันอยู่บริเวณด้านล่าง จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บมากถึง 13 ราย เหตุเกิดเมื่อช่วงเวลาประมาณ 02.00 น.วานนี้ (13 พ.ย.) ตามที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น

วันนี้ (14 พ.ย.) เมื่อเวลา 13.00 น.พ.ต.ท.ราเชนทร์ ไผ่เกาะ รอง ผกก.สส.สน.ท่าเรือ เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุจนถึงเวลานี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่า ระเบิดที่คนร้ายใช้เป็นชนิดใด เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่พบสะเก็ดระเบิดตกอยู่ในที่เกิดเหตุ พบเพียงเศษชิ้นส่วนกระดาษเท่านั้น แต่ในเบื้องต้นทีมแพทย์ที่ให้การรักษาผู้บาดเจ็บแจ้งมา ว่า สามารถเก็บเศษชิ้นส่วนอะลูมิเนียม ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นสะเก็ดระเบิดได้จากบริเวณใบหน้าของผู้บาดเจ็บรายหนึ่ง ซึ่งจะต้องส่งชิ้นส่วนดังกล่าวให้ผู้เชี่ยวชาญทำการพิสูจน์กันต่อไป ส่วนเรื่องการเเกะรอยคนร้ายจากกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งอยู่ในบริเวณนั้น ทางฝ่ายสืบสวนได้ประสานไปยัง กทม.แล้ว ปรากฏว่า กล้อง CCTV ทุกตัว ไม่มีระบบบันทึกเทป จึงไม่สามารถบันทึกภาพได้ เนื่องจากเป็นกล้องชนิดที่ใช้สำหรับสังเกตการณ์ภาพสถานการณ์ในปัจจุบันเพียงอย่างเดียว

สำหรับสาเหตุจูงใจให้คนร้ายมาก่อเหตุในครั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ได้ตั้งปมความขัดแย้งเอาไว้ 3 กรณี คือ 1.เรื่องความขัดแย้งภายในกลุ่มพ่อค้า-แม่ค้า ในตลาด ซึ่งอาจมีความเห็นไม่ตรงกันเอง 2.เรื่องความขัดแย้งระหว่างบริษัทที่ได้รับสัมปทานรายใหม่ กับรายเก่า รวมไปถึงเรื่องที่บริษัทซึ่งได้รับสัมปทานรายใหม่ มีปัญหากับกลุ่มผู้ค้าจนเป็นคดีความกันมาถึงปัจจุบัน และ 3.เรื่องที่อาจจะมีวัยรุ่นเกิดความคึกคะนองหรือไม่พอใจที่ถูกกลุ่มผู้ค้าชุมนุมปิดถนน ทำให้การจราจรติดขัด อย่างไรก็ตาม หากสามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้ เบื้องต้นก็จะถูกดำเนินคดีในข้อหา “กระทำให้เกิดระเบิดจนเป็นเหตุให้บุคคลอื่นได้รับอันตรายแก่กาย” เอาไว้ก่อน ส่วนข้อหาพกพาวัตถุระเบิด และข้อหาอื่นๆ เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณากันอีกครั้ง ตลอดจนในเวลานี้ที่ยังมีกลุ่มผู้ค้าปักหลักชุมนุมกันอยู่ทาง สน.ท่าเรือ ก็ได้จัดส่งกำลังตำรวจทั้งใน และนอกเครื่องแบบจำนวนกว่า 30 นาย ไปคอยดูแลความปลอดภัยให้แล้ว โดยตนขอยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

มีรายงานว่า ที่ผ่านมา เคยมีเหตุการณ์ยกพวกปะทะกันระหว่างกลุ่มผู้ค้า กับกลุ่มของบริษัท ลีเกิ้ล โปรเฟชชั่นแนล จำกัด ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับสัมปทานรายใหม่ มาบ้างแล้ว เมื่อตำรวจเข้าไประงับเหตุก็สามารถดำเนินคดีพกพาอาวุธปืนกับคู่กรณี ซึ่งเป็นชายฉกรรจ์ได้จำนวน 3 คน และยังสามารถควบคุมตัวมาถ่ายรูปทำประวัติเอาไว้ได้กว่า 20 คน ซึ่งตลาดดังกล่าวมีเนื้อที่รวมกว่า 10 ไร่ แบ่งทำเลค้าขายออกเป็น 4 โซน ก่อนหน้านี้ มีบริษัทที่ได้รับสัมปทานจากการท่าเรือแห่งประเทศไทย จำนวน 4 ราย แต่ปัจจุบันมีเพียง บริษัท ลีเกิ้ล โปรเฟชชั่นแนล จำกัด ได้รับสัมปทานดูแลเพียงรายเดียว ซึ่งทางผู้ค้าโซนตลาดผ้าใบ ต่างพากันสร้างข้อกังขา ว่า การได้รับสัมปทานของ บริษัท ลีเกิ้ลฯ มีความไม่โปร่งใส จึงรวมตัวกันต่อต้านการดำเนินการเข้าปรับปรุงพื้นที่ตลาดของ บริษัท ลีเกิ้ลฯ มาโดยตลอด ทำให้เกิดการกระทบกระทั่งจนเป็นเรื่องขึ้นโรงขึ้นศาลมาจนถึงทุกวันนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น