ตีนแมวชะตาขาด ขับปิกอัพไปฉกรถจักรยานยนต์รุ่นฮิต ที่เพิ่งออกมาใหม่ แต่เจ้าของบ้านเกิดตื่นขึ้นมาก่อน ชักปืนยิงใส่ กระสุนเจาะหัวดับคารถ ขณะกำลังเร่งเครื่องหลบหนี ส่วนอีกคน วิ่งฝ่าความมืดรอดไปได้
วันนี้ (10 พ.ย.) เมื่อเวลา 04.00 น. ร.ต.อ.วุฒิไกร อุปพงษ์ ร้อยเวร สภ.คลองข่อย อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี รับแจ้งเหตุยิงกันมีผู้เสียชีวิตที่บริเวณด้านหลังของบ้านเลขที่ 62/7 หมู่1 ต.ท่าอิฐ จึงพร้อมด้วย พล.ต.ต.ทรงวุฒิ ถวัลย์กิจดำรงค์ ผบก.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.ท.รัชพล ชนะศิริขจร สวญ.สภ.คลองข่อย พ.ต.ท.สมชาย ขำสัจจา สว.สส.ภ.จว.นนทบุรี เจ้าหน้าที่มูลนิธิ แพทย์จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ รีบรุดไปยังที่เกิดเหตุ
ในที่เกิดเหตุ เป็นอาคารปูนชั้นเดียวเปิดเป็นร้านขายแบตเตอรี่-น้ำมันเครื่อง มี นางเฉลิมศรี มีอิน อายุ 36 ปี ภรรยาเจ้าของร้านยืนหน้าตาตื่นรอพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยที่บริเวณด้านหลังร้านมีรถปิกอัพยี่ห้ออีซูซุ สีฟ้า แบบแค็บ ทะเบียน ตษ 1260 กทม.พุ่งเข้าชนรั้วกำแพงของหมู่บ้านประดับดาวจนพังเป็นแถบ บริเวณที่นั่งคนขับพบศพ นายสุพจน์ ปัจฉิม อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 234 ม.2 ต.บางขะแยง อ.เมือง จ.ปทุมธานี มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม. เข้าที่บริเวณศีรษะซ้ายตุงโหนกแก้ม ในตัวพบบัตรพนักงานบริษัท ปทุมธานี คอนกรีต จำกัด รวมทั้งใบขับขี่และบัตรประชาชน พร้อมด้วยเงินสดจำนวนหนึ่ง
สอบสวน นางเฉลิมศรี ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองพร้อมด้วย นายวิโรจน์ มีอิน อายุ 43 ปี กำลังนอนหลับพักผ่อนอย่างสบายในห้องนอน ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ระหว่างนั้นเองตนและสามีได้ยินเสียงกุกกักที่หน้าห้องนอน สามีจึงคว้าปืนขนาด 9 มม.แบบซี.แซด. เปิดประตูออกมาดู ก็พบคนร้ายเป็นชายวัยรุ่น 2 คน กำลังช่วยกันยกรถ จยย.ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่นฟีโน่ สีแดง ซึ่งเพิ่งซื้อมาได้เพียงไม่กี่วัน เมื่อเห็นดังนั้นสามีจึงได้ใช้อาวุธปืนยิงขู่ไป 1 นัด ทำให้คนร้าย 2 คน ซึ่งหนึ่งในสองคนมีอาวุธมีดอยู่ในมือ พากันตกใจวิ่งเตลิดหนีออกไปทางหลังร้านหายเข้าป่าหญ้ากว้าง ซึ่งสามารถทะลุออกถนนใหญ่หลบหนีไปได้
ขณะที่คนร้ายอีกคน คือ นายสุพจน์ ผู้ตาย กำลังเร่งเครื่องยนต์รถปิกอัพคันดังกล่าวขับหลบหนี เป็นจังหวะเดียวกันกับที่สามีของตนเองวิ่งไล่ตาม และใช้อาวุธปืนยิงใส่ท้ายรถจนกระสุนเจาะเข้าที่ศีรษะนายสุพจน์พอดิบพอดี ทำให้ผู้ตายเสียหลักจนรถพุ่งเสยกำแพงหมู่บ้านประดับดาวพังเสียหาย ส่วนสามีตนเองเมื่อเห็นดังนั้นจึงตกใจหลบหนีไปหลังเกิดเหตุ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ติดตามตัวคนร้ายที่หลบหนีมาดำเนินคดี พร้อมทั้งนายวิโรจน์เจ้าของร้านมาสอบสวนดำเนินการต่อไป
วันนี้ (10 พ.ย.) เมื่อเวลา 04.00 น. ร.ต.อ.วุฒิไกร อุปพงษ์ ร้อยเวร สภ.คลองข่อย อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี รับแจ้งเหตุยิงกันมีผู้เสียชีวิตที่บริเวณด้านหลังของบ้านเลขที่ 62/7 หมู่1 ต.ท่าอิฐ จึงพร้อมด้วย พล.ต.ต.ทรงวุฒิ ถวัลย์กิจดำรงค์ ผบก.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.ท.รัชพล ชนะศิริขจร สวญ.สภ.คลองข่อย พ.ต.ท.สมชาย ขำสัจจา สว.สส.ภ.จว.นนทบุรี เจ้าหน้าที่มูลนิธิ แพทย์จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ รีบรุดไปยังที่เกิดเหตุ
ในที่เกิดเหตุ เป็นอาคารปูนชั้นเดียวเปิดเป็นร้านขายแบตเตอรี่-น้ำมันเครื่อง มี นางเฉลิมศรี มีอิน อายุ 36 ปี ภรรยาเจ้าของร้านยืนหน้าตาตื่นรอพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยที่บริเวณด้านหลังร้านมีรถปิกอัพยี่ห้ออีซูซุ สีฟ้า แบบแค็บ ทะเบียน ตษ 1260 กทม.พุ่งเข้าชนรั้วกำแพงของหมู่บ้านประดับดาวจนพังเป็นแถบ บริเวณที่นั่งคนขับพบศพ นายสุพจน์ ปัจฉิม อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 234 ม.2 ต.บางขะแยง อ.เมือง จ.ปทุมธานี มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม. เข้าที่บริเวณศีรษะซ้ายตุงโหนกแก้ม ในตัวพบบัตรพนักงานบริษัท ปทุมธานี คอนกรีต จำกัด รวมทั้งใบขับขี่และบัตรประชาชน พร้อมด้วยเงินสดจำนวนหนึ่ง
สอบสวน นางเฉลิมศรี ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองพร้อมด้วย นายวิโรจน์ มีอิน อายุ 43 ปี กำลังนอนหลับพักผ่อนอย่างสบายในห้องนอน ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ระหว่างนั้นเองตนและสามีได้ยินเสียงกุกกักที่หน้าห้องนอน สามีจึงคว้าปืนขนาด 9 มม.แบบซี.แซด. เปิดประตูออกมาดู ก็พบคนร้ายเป็นชายวัยรุ่น 2 คน กำลังช่วยกันยกรถ จยย.ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่นฟีโน่ สีแดง ซึ่งเพิ่งซื้อมาได้เพียงไม่กี่วัน เมื่อเห็นดังนั้นสามีจึงได้ใช้อาวุธปืนยิงขู่ไป 1 นัด ทำให้คนร้าย 2 คน ซึ่งหนึ่งในสองคนมีอาวุธมีดอยู่ในมือ พากันตกใจวิ่งเตลิดหนีออกไปทางหลังร้านหายเข้าป่าหญ้ากว้าง ซึ่งสามารถทะลุออกถนนใหญ่หลบหนีไปได้
ขณะที่คนร้ายอีกคน คือ นายสุพจน์ ผู้ตาย กำลังเร่งเครื่องยนต์รถปิกอัพคันดังกล่าวขับหลบหนี เป็นจังหวะเดียวกันกับที่สามีของตนเองวิ่งไล่ตาม และใช้อาวุธปืนยิงใส่ท้ายรถจนกระสุนเจาะเข้าที่ศีรษะนายสุพจน์พอดิบพอดี ทำให้ผู้ตายเสียหลักจนรถพุ่งเสยกำแพงหมู่บ้านประดับดาวพังเสียหาย ส่วนสามีตนเองเมื่อเห็นดังนั้นจึงตกใจหลบหนีไปหลังเกิดเหตุ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ติดตามตัวคนร้ายที่หลบหนีมาดำเนินคดี พร้อมทั้งนายวิโรจน์เจ้าของร้านมาสอบสวนดำเนินการต่อไป