xs
xsm
sm
md
lg

“เสี่ยโอฬาร” นักค้ายานรกรอดตาย! อุทธรณ์ลดเหลือคุกตลอดชีวิต

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นายเอนก สุดิรัตน์ หรือเสี่ยโอฬาร
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต “เสี่ยโอฬาร” เจ้าของสวนส้มเมืองเชียงราย ค้ายาบ้ากว่าล้านเม็ด คำสารภาพเป็นประโยชน์ ลดโทษเหลือคุก 50 ปี ส่วนเมียกับลูกสาวไม่เกี่ยว ศาลยกฟ้อง ด้าน “เสี่ยโอฬาร” มีสีหน้าพอใจคำพิพากษา แต่ไม่ยอมพูดอะไร

วันนี้ (5 พ.ย.) เมื่อเวลา 09.30 น.ที่ห้องพิจารณาคดี 610 ศาลอาญา ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีที่พนักงานอัยการ เป็นโจทก์ฟ้อง นางอรนุช หรือติ๋ม ธีราทรง อายุ 49 ปี, น.ส.วราภรณ์ หรือเอ๋ ธีราทรง อายุ 31 ปี และนายเอนก สุดิรัตน์ หรือเสี่ยโอฬาร อายุ 51 ปี เจ้าของสวนส้มใน จ.เชียงราย เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานมียาเสพติดประเภท 1 เมทแอมเฟตามีน ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย คดีนี้เมื่อวันที่ 31 ส.ค.49 ศาลชั้นต้นพิพากษาประหารชีวิตเสี่ยโอฬาร และลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต ส่วนจำเลยที่ 1-2 ศาลพิพากษายกฟ้อง

คดีนี้โจทก์ฟ้องและนำสืบว่า เมื่อวันที่ 25 ก.พ.48 สรุปว่า ระหว่างวันที่ 20 พ.ย. - 7 ธ.ค. 47 จำเลยทั้งสามกับพวกอีกหลายคนที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ได้ร่วมกันมียาบ้าจำนวน 1,350,000 เม็ด ในครอบครองเพื่อจำหน่าย เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.47 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ต.ประตูน้ำพระอินทร์ จ.ปทุมธานี จับกุมจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ทั้งสองเป็นแม่ลูกกันได้พร้อมยาบ้าของกลาง 50,000 เม็ด และสอบสวนขยายผลจับกุมจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นสามีของจำเลยที่ 1 ได้เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.47 พร้อมของกลางยาบ้าอีก 1,300,000 เม็ดที่ซุกซ่อนอยู่ในถังน้ำแข็ง 3 ใบ เหตุเกิดที่ ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี และเขตประเวศ กทม.ต่อเนื่องกัน จำเลยที่ 1-2 ให้การปฏิเสธ และนำสืบต่อสู้คดีทำนองว่าเป็นเพียงผู้ดูแลคอยทำความสะอาดบ้านให้จำเลยที่ 3 เท่านั้น ไม่เคยรู้เห็นเกี่ยวกับยาบ้าที่ซุกซ่อนอยู่ภายในบ้าน ส่วนจำเลยที่ 3 ให้การรับสารภาพ โดยตลอดไม่ต่อสู้คดี

ศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้วเห็นว่า คำพิพากษาที่ศาลชั้นต้นยกฟ้อง จำเลยที่ 1 และ 2 นั้นศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย แต่ส่วนของจำเลยที่ 3 นั้น ศาลอุทธรณ์เห็นว่า คำรับสารภาพเป็นการให้ข้อมูลเกี่ยวกับขบวนการค้ายาเสพติด เป็นประโยชน์แก่การสืบสวนสอบสวนขยายผลของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงเปลี่ยนโทษจากประหารชีวิตเป็นจำคุกตลอดชีวิต แล้วลดโทษให้กึ่งหนึ่งเหลือจำคุก 50 ปี ปรับ 5 ล้านบาท ถ้าไม่ชำระค่าปรับให้กักขังแทน แต่ห้ามมิให้กักขังเกิน 2 ปี

หลังฟังคำพิพากษา นางอรนุช กับ น.ส.วราภรณ์ ซึ่งถูกขังระหว่างอุทธรร์ ต่างดีใจร้องไห้กอดคอกันกลม และพูดรู้สึกดีใจจะได้กลับบ้านเสียที คนที่บ้านยังไม่รู้ว่าต้องมาศาลในวันนี้ ส่วนเสี่ยโอฬารมีสีหน้าพอใจคำพิพากษา แต่ไม่ยอมพูดอะไร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดี “เสี่ยโอฬาร” เป็นข่าวดังเมื่อปี 47 เนื่องจากนายโอฬารเคยซัดทอดว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐให้ความช่วยเหลือในการสั่งไม่ฟ้องคดีฟอกเงินที่ได้จากการค้ายาเสพติด จนเป็นเหตุให้สำนักงานอัยการสูงสุดตั้งคณะกรรมการขึ้นสอบข้อเท็จจริง อดีตอัยการจังหวัดเชียงราย อดีตรองอัยการจังหวัดเชียงราย แต่ในที่สุดผลสอบสวนสรุปว่าบุคคลทั้งสองไม่มีความผิด เพราะอัยการทั้งสองใช้ดุลพินิจในการสั่งคดีโดยไม่ปรากฏหลักฐานว่าได้รับผลประโยชน์ตอบแทนหรือปฏิบัติหน้าที่ไม่สุจริตแต่อย่างใด จึงถือไม่ได้ว่าพนักงานอัยการทั้งสองปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต หรือประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง โดยคณะกรรมการให้ทำการว่ากล่าวตักเตือนแทน
กำลังโหลดความคิดเห็น