รวบอดีตนาวิกโยธินตั้งแก๊งโจรกรรมรถยนต์ส่งขายเขมร เผยประวัติสุดแสบถูกไล่ออกจากราชการและติดคุก 6 ปีในคดีลักรถ ล่าสุดเพิ่งพ้นโทษมาได้ 2 ปีแต่ยังไม่ทิ้งนิสัยเดิม
วันนี้ (29 ต.ค.) เมื่อเวลา 15.30 น.พล.ต.ต.ไพศาล เชื้อรอด ผบก.น.7 พ.ต.อ.กฤตภาส เพ็ญกิตติ รอง ผบก.น.7 พ.ต.อ.อดิศักดิ์ คุณพันธ์ ผกก.สน.บางพลัด ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม จ.อ.อรัญ คุ้มสิน อายุ 36 ปี อดีตทหารสังกัดนาวิกโยธิน กองทัพเรือ และนายสัญชัย จักขุจันทร์ อายุ 35 ปี ชาว จ.กำแพงเพชร พร้อมของกลาง รถกระบะยี่ห้อนิสสัน เอ็นวี สีเขียว ติดแผ่นป้ายทะเบียน บง 5226 สิงห์บุรี จำนวน 1 คัน และอุปกรณ์การโจรกรรมรถอีก 1 ชุด โดยจับกุมตัวได้ที่บริเวณปากซอยสิรินธร 7 แขวงบางบำหรุ เขตบางพลัด กทม.
พ.ต.อ.กฤตภาส กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 02.45 น.วันนี้ เจ้าหน้าที่สายตรวจ สน.บางพลัด ได้ออกตรวจพื้นที่ไปพบรถคันดังกล่าวจอดอยู่อย่างมีพิรุธ บริเวณปากซอยสิรินธร 7 จึงเข้าไปตรวจสอบ พบผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย กำลังนอนหลับอยู่ในรถ เจ้าหน้าที่จึงเข้าไปปลุกเพื่อขอดูเอกสารเกี่ยวกับรถคันดังกล่าว แต่ทั้งสองคนก็อ้างว่าไม่ได้นำติดตัวมา และเมื่อขอตรวจค้นที่ด้านหลังเบาะก็พบอุปกรณ์โจรกรรมรถ และกุญแจผีอีกหลายดอกซุกซ่อนอยู่ จึงควบคุมตัวมาตรวจสอบสวนที่ สน.บางพลัด
พ.ต.อ.กฤตภาส กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบเลขตัวถังรถคันดังกล่าวพบว่า หมายทะเบียนที่แท้จริงคือ 5 ฎ-7449 กทม.ที่ถูกแจ้งหายไว้ในพื้นที่ สภ.บางกรวย จ.นนทบุรี ตั้งแต่ช่วงเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา และเมื่อสอบประวัติของ จ.อ.อรัญ พบว่า เคยต้องคดีลักรถยนต์มาก่อนจนถูกไล่ออกจากราชการ เจ้าหน้าที่จึงทำการสอบเค้นความจริง จนผู้ต้องหาทั้ง 2 คนยอมรับสารภาพ
จากการสอบสวน จ.อ.อรัญ ให้การว่า เมื่อประมาณ 8 ปีที่แล้ว ตนเป็นทหารนาวิกโยธิน ประจำการอยู่ที่กองร้อย 525 เป็นด่านชายแดนติดกับประเทศกัมพูชา ตั้งอยู่ใน อ.สอยดาว จ.จันทบุรี แต่หลังจากนั้นตนไปร่วมมือกับแก๊งลักรถที่โจรกรรมรถจากฝั่งประเทศไทยส่งขายให้นายทุนเขมร โดยรับค่าเสี่ยงคันละ 8,000 บาท เพื่อปล่อยให้คนร้ายขับรถของกลางผ่านออกจากด่านไปได้โดยไม่มีการตรวจค้น จนกระทั่งตนถูกจับได้ จึงถูกศาลทหารตัดสินจำคุกนานกว่า 6 ปี และเพิ่งพ้นโทษออกมาได้ประมาณ 2 ปี หลังจากนั้นตนก็มีครอบครัว และภรรยาก็เพิ่งคลอดลูกสาวมาได้เพียงไม่ถึง 1 เดือน ทำให้เงินไม่พอใช้ เลยเดินทางจาก จ.จันทบุรี เข้ามา กทม.เพื่อขอความช่วยเหลือจากนายสัญชัยซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกัน
“นายสัญชัยมีรถกระบะอยู่คันหนึ่ง ซึ่งได้มาจากลูกหนี้ของเมียที่นำมามอบไว้ให้แทนเงินต้น ผมเลยวานให้นายสัญชัยพาขับตระเวนขโมยรถไปขายที่ชายแดนประเทศเขมร แต่จู่ๆ เขาก็เกิดไม่อยากร่วมมือด้วย พร้อมอ้างว่าไข้ขึ้น จนถูกตำรวจจับ” จ.อ.อรัญ กล่าว
ด้าน นายสัญชัย ให้การปฏิเสธว่า ตนยอมรับว่า จ.อ.อรัญ มาชักชวนให้ไปโจรกรรมรถด้วยกันจริงๆ จึงอยากช่วยเพื่อน แต่สุดท้ายตนก็ไม่กล้า ส่วนรถของกลางที่นำมาขับนั้น ตนก็ไม่ทราบว่า เป็นรถที่ถูกขโมย เพราะมีลูกหนี้ของภรรยาตน ทราบเพียงชื่อจริงว่า นายสมชาย นำมาให้ใช้เพื่อหักลบกับเงินต้นจำนวน 80,000 บาท ได้ประมาณ 8 เดือนแล้ว โดยนายสมชาย อ้างว่ารถคันดังกล่าวเป็นรถที่ได้มาจากการจำนำกันในบ่อน และจะนำเอกสารการจดทะเบียนมาให้ในภายหลัง จนถึงวันนี้ ตนก็ยังไม่ได้รับการติดต่อจากนายสมชายอีกเลย
รายงานข่าวแจ้งว่า เจ้าหน้าที่มีข้อมูลว่า หลังจากที่ จ.อ.อรัญ พ้นโทษออกมาได้ไม่นานก็ได้ตระเวนไปหาโจรกรรมรถส่งขายให้นายทุนเขมรอีกหลายคัน ซึ่งรถส่วนใหญ่เป็นรถที่ไม่ได้อยู่ในใบสั่ง และเป็นรถรุ่นเก่าที่เจ้าของไม่ได้ติดตั้งสัญญาณกันขโมย โดยเฉพาะยี่ห้อโตโยต้า ไมตี้เอ็กซ์ ซึ่งพวกตนจะอาศัยความง่ายในการก่อเหตุด้วยการใช้เครื่องมืองัดประตู แล้วใช้กุญแจผีสตาร์ทขับหลบหนี โดยซึ่งจะได้ค่าตอบแทนคันละประมาณ 20,000 บาท สำหรับรายละเอียดส่วนนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนต่อไป
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาร่วมกันลักทรัพย์หรือรับของโจร ต่อผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ก่อนควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป