ปส.โชว์จับหนุ่มบ่อปลา หาลำไพ่พิเศษเป็นเอเย่นต์รับจ้างขนยานรก พร้อมของกลางเกือบ 3 แสนเม็ด เพื่อเตรียมนำไปส่งให้ลูกค้าที่ จ.สุพรรณบุรี ก่อนถูกเจ้าหน้าที่สกัดจับได้ขณะนำของกลางมาทิ้งข้างทาง เผยทำมาแล้วครั้งหนึ่งได้ค่าจ้าง 75,000 บาท
วันนี้ (29 ต.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. พล.ต.ท.วุฒิ ลิปตพัลลภ ผบช.ปส. พล.ต.ต.อดิเทพ ปัญจมานนท์ รอง ผบช.ปส. และ พล.ต.ต.แสงสูรย์ กรรณสูต ผบช.ปส.2 ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายกิตติ เลี้ยงอยู่ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 42/4 หมู่ 6 ต.หลักสอง อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร พร้อมของกลางยาบ้ารวม 277,600 เม็ด รถกระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นสตราด้า สีเทา ทะเบียน ถจ 4380 กทม. 1 คัน และโทรศัพท์มือถืออีก 1 เครื่องโดยสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้บนทางหลวงหมายเลข 340 กม.ที่ 65 สายสุพรรณบุรี-กทม.
พล.ต.ต.อดิเทพ กล่าวว่า สืบเนื่องมาจากเจ้าหน้าที่ บช.ปส.ได้รับรายงานจากสายลับว่าจะมีผู้ลักลอบลำเลียงยาบ้าไปส่งมอบให้กับลูกค้าโดยใช้ยานพาหนะเป็นรถกระบะคันดังกล่าวขับออกจาก กทม.ผ่านไปทาง อ.บางปลาม้า มุ่งหน้าเข้าสู่ตัว จ.สุพรรณบุรี จึงรีบทำการประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางปลาม้า และ สภ.ศรีประจันต์ เพื่อร่วมกันสืบสวนและตั้งด่านตรวจค้นตามเส้นทางที่ได้รับแจ้ง จนกระทั่งเมื่อเวลาประมาณ 18.00 น.ของวันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมซึ่งเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ตามจุดล่อแหลมในพื้นที่เป้าหมายก็ได้พบรถกระบะต้องสงสัยจอดอยู่ในปั๊มเอสโซ่ หลัก กม.ที่ 67 จากนั้นคนขับรถคันดังกล่าวทราบชื่อต่อมาว่า นายกิตติ ผู้ต้องหารายนี้ได้ไหวตัวทันรีบขึ้นรถขับหลบหนีในลักษณะย้อนศร มุ่งหน้าไปทางหลัก กม.ที่ 66 ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถเพื่อนำสิ่งของบางอย่างที่ซุกซ่อนอยู่ในลังบริเวณกระบะท้ายทิ้งไว้ในพงหญ้าข้างทาง เจ้าหน้าที่จึงรีบขับรถติดตามไปสกัดจับกุมได้ที่จุดกลับรถ ช่วงหลัก กม.ที่ 65 จากการตรวจสอบในลังท้ายรถพบของกลางยาบ้าหลงเหลืออยู่จำนวน 3 มัด รวม 6,000 เม็ด จึงควบคุมตัวนายกิตติย้อนไปตรวจค้นในพงหญ้าข้างทาง พบยาบ้าที่ถูกโยนทิ้งไว้อีก 135 มัด รวม 271,600 เม็ด จากนั้นจึงควบคุมตัวกลับมาสอบสวนที่ บช.ปส.จากการสอบสวน
นายกิตติ ยอมรับสารภาพว่า ปัจจุบันตนมีอาชีพทำบ่อเลี้ยงปลา แต่หันมาหาลำไพ่พิเศษด้วยการรับจ้างส่งยาบ้าจากเอเยนต์ชื่อ นายแทน (ไม่ทราบนามสกุล) ซึ่งนายแทนจะสั่งการผ่านทางโทรศัพท์ให้ตนใช้รถกระบะไปรับยาบ้าจากลูกสมุน เพื่อนำไปทิ้งให้ลูกค้าตามจุดต่างๆ โดยก่อนหน้านี้ประมาณ 1 เดือน ตนเคยรับงานมาแล้ว 1 ครั้ง ได้ค่าแรงมา 80,000 บาท ส่วนครั้งนี้นายแทนอ้างว่าของกลางมีจำนวนน้อยกว่าครั้งก่อน จึงตกลงค่าแรงกันไว้ที่ 75,000 บาท สำหรับการเดินทางในเที่ยวนี้ นายแทนได้นั่งรถอีกคันขับนำหน้าตนเพื่อคอยสำรวจเส้นทางให้ด้วย โดยก่อนถูกจับกุมนายแทนได้โทรศัพท์มาบอกตนว่าเส้นทางไม่สะดวกให้รีบขับเข้าไปหลบในปั๊มเอสโซ่ ช่วงหลัก กม.ที่ 67 เสียก่อน ในระหว่างที่ตนนั่งกินข้าวเพื่อรอเวลาอยู่นั้น อีก 30 นาทีต่อมา นายแทนได้โทรศัพท์กลับมาบอกอีกครั้งว่าให้ตนรีบขับรถย้อนศร และนำยาบ้าที่กระบะท้ายทิ้งเอาไว้ข้างทาง ก่อนสั่งการให้รีบขับรถกลับเข้า กทม.โดยด่วน ซึ่งจังหวะที่ตนลงจากรถเพื่อนำยาบ้าโยนทิ้งไปในพงหญ้าข้างทางนั้น ตนร้อนรนเกินไปทำให้โยนทิ้งไม่หมด เหลือคาลังอยู่จำนวน 3 มัด จนถูกตำรวจตามสกัดจับกุมไว้ได้ในที่สุด
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันกับพวกที่ยังหลบหนีมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครอง เพื่อจำหน่าย โดยผิดกฎหมาย ก่อนควบคุมตัวนายกิตติพร้อมของกลางทั้งหมดนำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป
วันนี้ (29 ต.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. พล.ต.ท.วุฒิ ลิปตพัลลภ ผบช.ปส. พล.ต.ต.อดิเทพ ปัญจมานนท์ รอง ผบช.ปส. และ พล.ต.ต.แสงสูรย์ กรรณสูต ผบช.ปส.2 ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายกิตติ เลี้ยงอยู่ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 42/4 หมู่ 6 ต.หลักสอง อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร พร้อมของกลางยาบ้ารวม 277,600 เม็ด รถกระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นสตราด้า สีเทา ทะเบียน ถจ 4380 กทม. 1 คัน และโทรศัพท์มือถืออีก 1 เครื่องโดยสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้บนทางหลวงหมายเลข 340 กม.ที่ 65 สายสุพรรณบุรี-กทม.
พล.ต.ต.อดิเทพ กล่าวว่า สืบเนื่องมาจากเจ้าหน้าที่ บช.ปส.ได้รับรายงานจากสายลับว่าจะมีผู้ลักลอบลำเลียงยาบ้าไปส่งมอบให้กับลูกค้าโดยใช้ยานพาหนะเป็นรถกระบะคันดังกล่าวขับออกจาก กทม.ผ่านไปทาง อ.บางปลาม้า มุ่งหน้าเข้าสู่ตัว จ.สุพรรณบุรี จึงรีบทำการประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางปลาม้า และ สภ.ศรีประจันต์ เพื่อร่วมกันสืบสวนและตั้งด่านตรวจค้นตามเส้นทางที่ได้รับแจ้ง จนกระทั่งเมื่อเวลาประมาณ 18.00 น.ของวันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมซึ่งเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ตามจุดล่อแหลมในพื้นที่เป้าหมายก็ได้พบรถกระบะต้องสงสัยจอดอยู่ในปั๊มเอสโซ่ หลัก กม.ที่ 67 จากนั้นคนขับรถคันดังกล่าวทราบชื่อต่อมาว่า นายกิตติ ผู้ต้องหารายนี้ได้ไหวตัวทันรีบขึ้นรถขับหลบหนีในลักษณะย้อนศร มุ่งหน้าไปทางหลัก กม.ที่ 66 ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถเพื่อนำสิ่งของบางอย่างที่ซุกซ่อนอยู่ในลังบริเวณกระบะท้ายทิ้งไว้ในพงหญ้าข้างทาง เจ้าหน้าที่จึงรีบขับรถติดตามไปสกัดจับกุมได้ที่จุดกลับรถ ช่วงหลัก กม.ที่ 65 จากการตรวจสอบในลังท้ายรถพบของกลางยาบ้าหลงเหลืออยู่จำนวน 3 มัด รวม 6,000 เม็ด จึงควบคุมตัวนายกิตติย้อนไปตรวจค้นในพงหญ้าข้างทาง พบยาบ้าที่ถูกโยนทิ้งไว้อีก 135 มัด รวม 271,600 เม็ด จากนั้นจึงควบคุมตัวกลับมาสอบสวนที่ บช.ปส.จากการสอบสวน
นายกิตติ ยอมรับสารภาพว่า ปัจจุบันตนมีอาชีพทำบ่อเลี้ยงปลา แต่หันมาหาลำไพ่พิเศษด้วยการรับจ้างส่งยาบ้าจากเอเยนต์ชื่อ นายแทน (ไม่ทราบนามสกุล) ซึ่งนายแทนจะสั่งการผ่านทางโทรศัพท์ให้ตนใช้รถกระบะไปรับยาบ้าจากลูกสมุน เพื่อนำไปทิ้งให้ลูกค้าตามจุดต่างๆ โดยก่อนหน้านี้ประมาณ 1 เดือน ตนเคยรับงานมาแล้ว 1 ครั้ง ได้ค่าแรงมา 80,000 บาท ส่วนครั้งนี้นายแทนอ้างว่าของกลางมีจำนวนน้อยกว่าครั้งก่อน จึงตกลงค่าแรงกันไว้ที่ 75,000 บาท สำหรับการเดินทางในเที่ยวนี้ นายแทนได้นั่งรถอีกคันขับนำหน้าตนเพื่อคอยสำรวจเส้นทางให้ด้วย โดยก่อนถูกจับกุมนายแทนได้โทรศัพท์มาบอกตนว่าเส้นทางไม่สะดวกให้รีบขับเข้าไปหลบในปั๊มเอสโซ่ ช่วงหลัก กม.ที่ 67 เสียก่อน ในระหว่างที่ตนนั่งกินข้าวเพื่อรอเวลาอยู่นั้น อีก 30 นาทีต่อมา นายแทนได้โทรศัพท์กลับมาบอกอีกครั้งว่าให้ตนรีบขับรถย้อนศร และนำยาบ้าที่กระบะท้ายทิ้งเอาไว้ข้างทาง ก่อนสั่งการให้รีบขับรถกลับเข้า กทม.โดยด่วน ซึ่งจังหวะที่ตนลงจากรถเพื่อนำยาบ้าโยนทิ้งไปในพงหญ้าข้างทางนั้น ตนร้อนรนเกินไปทำให้โยนทิ้งไม่หมด เหลือคาลังอยู่จำนวน 3 มัด จนถูกตำรวจตามสกัดจับกุมไว้ได้ในที่สุด
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันกับพวกที่ยังหลบหนีมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครอง เพื่อจำหน่าย โดยผิดกฎหมาย ก่อนควบคุมตัวนายกิตติพร้อมของกลางทั้งหมดนำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป
