ตร.รอผลพิสูจน์ชนิดระเบิดรถจี๊ปเชอโรกี คาดผู้ตายนำมาเอง!

เหตุจี๊ปเชอโรกีระเบิดหน้าพรรคชาติไทย ตร.ขอเวลาพิสูจน์ชนิดระเบิด ยันเป็นระเบิดชนิดแสวงเครื่องแน่ ส่วนผู้ตายในรถจี๊ปขอเวลาตรวจสอบดีเอ็นเอ ยืนยันว่าใช่ พ.ต.ท.เมธี ชาติมนตรี อดีต สวป.สภ.เมือง จ.บุรีรัมย์ หรือไม่ คาดระเบิดผู้ตายนำมาเอง

วันนี้ (8 ต.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. พ.ต.อ.สมชาย เชยกลิ่น ผกก.สน.ดุสิต พร้อมเจ้าหน้าที่ พฐ.และเจ้าหน้าที่จากกรมสรรพาวุธ ได้เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุรถจี๊ป CHEROKEE สีครีม ทะเบียน พต-4755 กทม.ระเบิด บริเวณฝั่งตรงข้ามพรรคชาติไทย ถนนสุโขทัย แถวแยกพิชัย ซึ่งรถเกิดระเบิดขึ้น ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (7 ต.ค.)

จากนั้น พ.ต.อ.สมชาย ได้กล่าวว่า หลังรถคันดังกล่าวเป็นรถของลูกชาย นายชัยวัฒน์ นามจิตร อายุ 54 ปี ซึ่งนายชัยวัฒน์เป็นกลุ่มพันธมิตรฯ สายกองทัพธรรม ซึ่งจากการสอบสวน นายชัยวัฒน์ได้ให้การว่า ได้ขับรถคันดังกล่าวมาจอดเพื่อเข้าไปร่วมชุมนุม และกำลังรีบร้อนจำไม่ได้ว่าล็อกประตูไว้หรือเปล่า หลังจากขับมาจอดได้ประมาณ 10-15 นาที รถก็เกิดระเบิดขึ้น ส่วนผู้ตายนั้น นายชัยวัฒน์ได้ให้การว่า ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน จากการตรวจสอบเบื้องต้นพอจะทราบว่าผู้ตาย คือ พ.ต.ท.เมธี ชาติมนตรี อดีต สวป.สภ.เมือง จ.บุรีรีมย์ และได้ลาออกจากราชการไปนานแล้ว ส่วนลาออกเมื่อไรนั้นต้องตรวจสอบอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่ยืนยันว่าเป็นคนคนเดียวกันหรือไม่ ต้องชี้ชัดหลังจากผลตรวจ ดีเอ็นเอ ยืนยันก่อน

พ.ต.อ.สมชาย กล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องระเบิดนั้นเป็นการระเบิดออกมาจากห้องโดยสารอย่างแน่นอน เป็นไปได้ว่าผู้ตายอาจจะเป็นคนพกพามาเอง แต่ว่าเรื่องที่ผู้ตายเข้าไปอยู่ในรถของ นายชัยวัฒน์ได้อย่างไรนั้น ขณะนี้ยังไม่ทราบที่มาที่ไป คงต้องรอผลการสอบสวนก่อน ส่วนระเบิดดังกล่าวเป็นระเบิดแสวงเครื่อง แต่จะเป็นระเบิดชนิดใดนั้นต้องให้ทางเจ้าหน้าที่กรมสรรพาวุธตรวจสอบเสียก่อน

ด้าน พ.ต.ท.กำธร อุ่ยเจริญ รอง ผกก.กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด บช.น.กล่าวว่า กรณีรถจี๊ประเบิด ซึ่งตามประสบการณ์ของตน คาดว่าระเบิดเกิดจากห้องโดยสาร เป็นไปได้ว่าผู้ตายนำระเบิดมาเอง เพราะสภาพผู้ตายและสภาพรถบ่งบอกว่าผู้ตายก้าวขาขวาเข้าไปฝั่งซ้ายของตัวรถ แล้วลักษณะท่าทางคล้ายกับก้มเอามือหยิบสิ่งของบางอย่างในห้องโดยสาร แต่กลับเกิดระเบิดขึ้นมาเสียก่อนจนทำให้ร่างกายแหลกเหลว

พ.ต.ท.กำธร กล่าวต่อไปว่า ส่วนตัววัตถุระเบิดนั้นจะเป็นชนิดซีโฟร์ ไดนาไมต์ หรือชนิดใดนั้น ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบอย่างละเอียด ส่วนวัตถุพยานและหลักฐานอื่นๆ นั้นในที่เกิดเหตุเก็บได้น้อยมาก เนื่องจากถูกเปลวเพลิงไหม้จึงเหลืออยู่น้อยมาก ซึ่งระเบิดดังกล่าวตนขอยืนยันว่าเป็นระเบิดชนิดแสวงเครื่องอย่างแน่นอน เพราะหลักฐานเท่าที่พบในที่เกิดเหตุนั้นเป็นแผงวงจรโทรศัพท์มือถือ

หลังจากนั้น พ.ต.ท.กำธร ได้เข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุจุดที่เกิดระเบิด จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บขาขาด บริเวณฟุตปาธหน้าประตูประสาทเทวฤทธิ์ แยกอู่ทองใน เขตดุสิต พบมีร่องรอยแตกที่พื้นปูนเป็นหลุมขนาดเล็กกว้างประมาณ 3 นิ้ว ลึก 2 มิลลิเมตร ยังมีรอยเลือดแห้งกรังติดอยู่ โดย พ.ต.ท.กำธร กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่าจุดดังกล่าวที่เสียหายน่าจะเกิดจากแรงระเบิดตามแนวตรง ลักษณะขว้างมาหรือตกลงตรงๆ ก็ได้ มีแรงอัดมากพอควร แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นระเบิดชนิดไหน

ระหว่างนั้นได้มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาความสะอาดของสำนักงานเขตดุสิต ที่กำลังทำความสะอาดอยู่บริเวณแยกอู่ทองใน เดินมาแจ้งต่อ พ.ต.ท.กำธร ว่า พบวัตถุระเบิดที่สวนหย่อมที่ปลูกอยู่บนฟุตปาธ จึงเข้าตรวจสอบพบว่าเป็นระเบิดปิงปอง 1 ลูก ระเบิดขวด 2 ลูก ส่วนในรั้วของหัวมุมรัฐสภาพบระเบิดมือแบบทำเองขนาดเท่ากระป๋องสีสเปรย์มีเทปพันสายไฟสีดำพันรอบภายในบรรจุตะปูและเศษแก้ว จึงเก็บกู้ไว้ตรวจพิสูจน์อย่างละเอียดต่อไป