ศาลให้ประกัน 2 นักศึกษา ป.โท ผู้ต้องหาในกลุ่มนักรบศรีวิชัย ส่วนนักศึกษาอีก 7 ราย ต้องรอหนังสือรับรองจากสถาบัน ทนายขอบคุณบริษัทประกันให้ความช่วยเหลือ วอนประชาชนเข้าใจผู้ต้องหายังไม่ใช่ผู้กระทำผิด หลังบริษัทประกันถูกถล่มด่าผ่านเว็บไซต์ ด้านทนาย 9 แกนนำพันธมิตรฯ ยื่นขอทุเลาหมายจับ 9 แกนนำอีกรอบ
วันนี้ (9 ก.ย.) เมื่อเวลา 16.20 น.ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความสิทธิมนุษยชน สภาทนายความ เดินทางเข้ายื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวนักศึกษา 9 คน ที่อยู่ในกลุ่มนักรบศรีวิชัยและการ์ดพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ผู้ต้องหาคดีร่วมกันใช้กำลังบุกรุกเข้าไปยึดอาคารสำนักงานสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) โดยใช้กำลังและมีอาวุธ ประกอบด้วย นายยุทธนา โอชาพงศ์ ผู้ต้องหาที่ 11, นายนิติรัตน์ ทรัพย์สมบูรณ์ ผู้ต้องหาที่ 13, นายนัสเซอร์ ยีหมะ ผู้ต้องหาที่ 14, นายสัมพันธ์ อ่อนช่วย ผู้ต้องหาที่ 17, นายนภดล เอี่ยมอุดม ผู้ต้องหาที่ 27, นายคฑาวุธ ชูศรี ผู้ต้องหาที่ 30, นายสุรสิทธิ์ แย้มประชา ผู้ต้องหาที่ 36, นายอัมรินทร์ ยี่เฮง ผู้ต้องหาที่ 48 และ นายสุนทร สุวรรณ ผู้ต้องหาที่ 75 โดยยื่นหลักทรัพย์ เป็นกรมธรรม์ประกันอิสรภาพ มูลค่าคนละ 200,000 บาท รวม 1.8 ล้านบาท
ทั้งนี้ คำร้องขอประกันตัว สรุปว่า ผู้ต้องหาทั้ง 82 คน ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม ซึ่งการดำเนินการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจกระทำในยามวิกาลและไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหา นอกจากนี้การจับกุมยังใช้เล่ห์เพทุบายหลอกลวง เพราะก่อนเกิดเหตุผู้ต้องหาได้มารอเพื่อใช้สิทธิในการชุมนุมตามรัฐธรรมนูญ เพื่อเรียกร้องให้มีการตรวจสอบการใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่รัฐ ที่มีการใช้อำนาจไม่ว่าในทางตรงหรือทางอ้อมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองขัดขวางหรือแทรกแซงการนำเสนอข่าวของ NBT ซึ่งกำหนดเวลาไว้ 07.00 น.โดยได้แยกย้ายกันมาไม่ได้มีการนัดหมายรวมกลุ่มกันมาก่อนแต่ปรากฏว่าเมือมาถึงหน้าประตู เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยกแผงกั้นเหล็กเข้าไปในประตู ผู้ต้องหาจึงตามไปและเปิดประตูโดยไม่มีการพังเข้าไป หรือใช้กำลังแต่อย่างใด ซึ่งตำรวจก็ไม่ได้ขัดขวางโดยขอให้ผู้ต้องหาวางไม้หรือสิ่งของไว้ด้านนอกอาคารซึ่งก็ได้ปฏิบัติตามแล้ว หลังจากนั้นก็มีกลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนมาก มาสมทบทั้งที่ก่อนเข้ามาไม่มีตำรวจเลย อีกทั้งในการตั้งข้อกล่าวหาก็ไม่ได้แยกข้อเท็จจริงรายคน จึงก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมเพราะไม่ตรงกับความเป็นจริง เพราะผู้ต้องหาบางรายถูกจับกุมบริเวณนอกกำแพงและจากการค้นตัวก็ไม่พบอาวุธแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับตั้งข้อหาหนัก ส่วนการทำลายทรัพย์สินเป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทำลายกระจกเองขณะที่มีการจับกุม สำหรับการพิจารณาถึงพฤติการณ์ว่าหากปล่อยตัวชั่วคราวแล้วจะหลบหนีหรือไม่นั้น ผู้ต้องหาขอชี้แจงว่า เป็นเพียงการคาดเดา เพราะขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมไม่มีผู้ใดขัดขวางแต่ให้ความร่วมมือโดยตลอดซึ่งแสดงให้เห็นถึงเจตนาที่บริสุทธิ์ ว่า ไม่ได้กระทำความผิดตามข้อกล่าวหาและพร้อมจะสู้คดีในชั้นสอบสวน อีกทั้งพนักงานสอบสวนก็ไม่เคยแสดงหลักฐานต่อศาลให้เห็นถึงพฤติการณ์พิเศษของผู้ต้องหาว่าจะหลบหนี โดยผู้ต้องหาทั้งหมดขอยืนยันว่ามีภูมิลำเนาถิ่นฐานที่อยู่แน่นอนเป็นหลักแหล่ง ไม่ใช่ผู้มีอิทธิพล โดยไม่เคยมีพฤติการณ์น่าสงสัยว่าจะหลบหนีหรือเข้าไปเกี่ยวข้องพยานหลักฐานของพนักงานสอบสวน อีกทั้งผู้ต้องหายังมีหลักประกันที่น่าเชื่อถือและสามารถบังคับได้โดยง่าย ดังนั้นการปล่อยตัวชั่วคราวจะไม่เป็นอุปสรรคก่อให้ความเสียหายต่อการสอบสวน ซึ่งถ้าได้รับการปล่อยตัวผู้ต้องหาจะปฏิบัติตามคำสั่งของศาลอย่างเคร่งครัด
ศาลพิเคราะห์แล้วแม้พฤติการณ์ตามคำร้องขอฝากขังของพนักงานสอบสวนจะเป็นการกระทำที่ร้ายแรงดังที่ได้วินิจฉัยไว้ในคำร้องจอให้ปล่อยตัวชั่วคราวของผู้ต้องหาที่ 13 และ 14 ก็ตามแต่เมื่อพิจารณาคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวของผู้ต้องหาที่ 13 และ 14 ได้ความว่า ขณะนี้ ผู้ต้องหาที่ 13 และ 14 เป็นนักศึกษาและมีความจำเป็นต้องกลับไปศึกษาเล่าเรียนต่อโดยสัญญาว่าจะไม่หลบหนีหรือไปก่อเหตุอันตรายประการอื่น และจะมาตามกำหนดนัดของศาลทุกนัดแล้ว เห็นว่าเพื่อให้โอกาสผู้ต้องหาที่ 13 และ 14 ได้มีโอกาสกลับไปศึกษาเล่าเรียนต่อ ประกอบกับทนายผู้ต้องหาระบุในคำร้องว่าผู้ต้องหาที่ 13 และ 14 จะไม่หลบหนีเชื่อว่าหากปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาจะไม่หลบหนีหรือก่อเหตุอันตรายประการอื่นจึงเห็นควรอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาที่ 13 และ 14 โดยตีราคาประกัน 200,000 บาท ทำสัญญาประกัน ยึดหลักประกัน แจ้งบริษัทประกันภัยทราบ และเห็นควรมีข้อกำหนดห้ามมิให้ผู้ต้องหาที่ 13 และ 14 ไปก่อเหตุอันตรายประการใดในลักษณะเดียวกับคดีนี้อีก มิฉะนั้น ศาลจะมีคำสั่งเพิกถอนสัญญาประกัน
ด้าน นายนิติธร กล่าวว่า ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนที่ได้รับการประกันตัวในวันนี้ เป็นนักศึกษาระดับปริญญาโทของมหาวิทยาลัยรังสิต ส่วนผู้ต้องหาที่เป็นกลุ่มนักศึกษาอีก 7 คนที่ยังไม่ได้รับการประกันตัวเนื่องจากยังขาดเอกสารใบรับรองสถานภาพการเป็นนักศึกษาจากสถาบันการศึกษา โดยเอกสารที่ยื่นมีเพียงใบเสร็จชำระค่าลงทะเบียน ศาลจึงมีคำสั่งให้ไปดำเนินการนำใบรับรองที่ออกจากสถาบันการศึกษามายื่นเพื่อพิจารณาคำร้องอีกครั้ง โดยตนและคณะจะดำเนินการขอใบรับรองจากสถาบันการศึกษาให้เสร็จสิ้นเพื่อมายื่นต่อศาลภายในวันพรุ่งนี้ ส่วนของผู้ต้องหาที่เหลืออีก 73 คน ขณะนี้ตนได้ซื้อกรมธรรม์ประกันอิสรภาพจาก บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด ไว้แล้ว แต่เมื่อปรากฏข่าวว่าได้มีการยื่นขอประกันตัว 9 นักศึกษา ซึ่งเป็นผู้ต้องหาชุดแรกก็พบว่ามีประชาชนเข้ามาส่งข้อความต่อว่าบริษัทวิริยะประกันภัยในเว็บไซต์จำนวนมาก ดังนั้น บริษัท วิริยะประกันภัย จึงได้แจ้งว่า จะรายงานเรื่องนี้ต่อผู้บริหารก่อนที่จะยื่นประกันตัวผู้ต้องหาที่เหลืออีก 13 คน อย่างไรก็ดี บริษัท วิริยะประกันภัย แจ้งด้วยว่าจะประสานไปยังบริษัทประกันภัยอื่น เพื่อให้มาช่วยเหลือแบ่งเบาภาระในการขายกรมธรรม์ให้กับผู้ต้องหาซึ่งตนขอขอบคุณบริษัท วิริยะประกันภัย ที่เข้าใจเรื่องหลักการขอประกันตัวผู้ต้องหาในชั้นนี้ ว่า ยังไม่ได้มีการชี้ชัดเรื่องเจตนาว่าผู้ต้องหาตกเป็นผู้กระทำผิดแล้ว และเต็มใจขายกรมธรรม์ให้ นอกจากนี้ ยังอยากฝากถึงประชาชนทั่วไปให้รับทราบและเข้าใจเรื่องนี้ด้วยหากเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับตนเองจะเป็นอย่างไร
วันเดียวกันนี้ นายณฐพร โตประยูร ทนายความ 9 แกนนำพันธมิตรฯ ได้เดินทางมายังศาลอาญาเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งทุเลาหมายจับ 9 แกนนำพันธมิตรฯ ในข้อหากบฏ และอื่นๆ รวม 5 ข้อหา โดย นายณฐพร กล่าวว่า ตนได้ยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์ขอให้มีคำสั่งทุเลาหมายจับ 9 แกนนำพันธมิตรฯ ของศาลชั้นต้นไว้เป็นการชั่วคราวโดยด่วน หลังจากก่อนหน้านี้ ทนายความได้ยื่นคำร้องขอระงับหมายจับไว้แล้วแต่ศาลอุทธรณ์ยังไม่มีคำสั่งลงมา จึงต้องยื่นคำร้องใหม่อีกครั้งเนื่องจากมองว่าการออกหมายจับไม่ชอบด้วยกฎหมายและข้อกล่าวหายังไม่มีความชัดเจน
“คดีนี้เกิดจากปัญหาทางการเมืองจึงแก้ด้วยวิธีทางการเมืองไม่ใช่แก้ปัญหาด้วยข้อกฎหมาย อีกทั้งผู้ต้องหาทั้ง 9 ก็ไม่ได้มีพฤติการณ์หลบหนีการออกหมายจับจึงไม่มีความจำเป็น”
ทั้งนี้ ศาลอุทธรณ์ได้รับคำร้องไว้แต่ยังไม่มีคำสั่งใดๆ ในวันนี้