ดาบเครียด! คว้า .38 ระเบิดขมับตัวเองดับคาบ้าน ลูกเมียร่ำไห้พบเสียชีวิตต่อหน้า ระบุผู้ตายเป็นคนร่าเริง รักครอบครัว ด้านลูกสาวเผยพ่อน่าจะเครียดจากเรื่องงาน ทาง ตร.เร่งสอบสวนหาข้อมูลหาสาเหตุการเสียชีวิต พร้อมเรียกผู้บังคับบัญชาผู้ตายมาสอบถาม
วันนี้ (8 ก.ย.) เมื่อเวลา 06.45 น. พ.ต.ท.อดิศักดิ์ พลชัย พนักงานสอบสวน (สบ.2) สน.ดอนเมือง รับแจ้งมีเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงตัวตายภายในบ้านเลขที่ 3/78 หมู่บ้านอยู่เจริญ ถนนเลียบคูนายกิม 43 ซอย 7 แขวงสีกัน เขตดอนเมือง จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อม พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รอง ผบก.น.2 พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธิ์ พรหมสวัสดิ์ ผกก.สน.ดอนเมือง เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ดอนเมือง แพทย์นิติเวชจากโรงพยาบาลตำรวจ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุเป็นทาวน์เฮาส์สูง 2 ชั้น บริเวณชั้นล่างเปิดเป็นร้านขายของชำ ส่วนบริเวณห้องโถงชั้นล่างเจ้าหน้าที่พบศพ ด.ต.วีระชัย วงศ์เลิศ อายุ 51 ปี เจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรการ สน.ดอนเมือง ทำหน้าที่รับส่งของกลาง สภาพศพนอนคว่ำหน้าจมกองเลือด สวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงขาสั้นสีเขียวดำ มือขวาถืออาวุธปืนลูกโม่ขนาด .38 ตรวจสอบตามร่างกายพบบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด .38 เข้าที่ขมับขวาทะลุซ้าย ห่างออกไปประมาณ 5 เมตร พบรอยกระสุนที่ขอบประตู 1 นัด
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่พบ นางนพมาศ วงศ์เลิศ อายุ 53 ปี น.ส.ณัฐชา วงศ์เลิศ อายุ 22 ปี และน.ส.วณัฐ วงศ์เลิศ อายุ 20 ปี เป็นภรรยาและลูกสาวทั้งสองคนของผู้ตายยืนร่ำไห้รอให้การต่อเจ้าหน้าที่ด้วยความเศร้าโศกเสียใจ ซึ่งจากการสอบสวนนางนพมาศให้การว่า ก่อนเกิดเหตุประมาณ 06.30 น.ตนและลูกสาวทั้งสองคนยังอยู่บนบ้านชั้น 2 ส่วนสามีลงมาเปิดร้านด้านล่างโดยที่ไม่มีเห็นอะไรผิดสังเกต และไม่ได้ยินเสียงปืนเลย เพราะถ้าอยู่ในห้องชั้นบนก็จะไม่ได้ยินเสียงอะไร
จนกระทั่งลูกสาวคนโตลงมาข้างล่างก็เห็นสามีนอนฟุบอยู่แล้วมีเลือดไหลออกมา ตอนแรก็คิดว่าเป็นลมล้มลงหัวฟาดพื้นจึงเรียกตนกับลูกสาวคนเล็กมาช่วย แต่พอพลิกร่างสามีขึ้นมาก็พบว่ามีแผลถูกยิงเข้าที่ขมับโดยในมือยังถือปืนอยู่ ซึ่งตอนนั้นสามียังหายใจรวยริน ลูกสาวเลยรีบโทรศัพท์แจ้งตำรวจ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยให้มาช่วยเหลือ จากนั้นก็มีทีมกู้ภัยจากโรงพยาบาลภูมิพล เดินทางมาช่วยปั๊มหัวใจสามี แต่สามีก็สิ้นใจเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว
นางนพมาศ กล่าวอีกว่า ปกติสามีจะเป็นคนร่าเริง รักครอบครัว ที่ผ่านมาก็ไม่เคยแสดงอาการเครียดออกมาให้เห็น และปัญหาภายในครอบครัวก็ไม่มี ส่วนเรื่องการทำงานหรือเรื่องเพื่อนร่วมงาน สามีก็ไม่เคยเล่าให้ฟัง ตนจึงไม่ทราบว่าสามีเครียดเรื่องอะไร ถึงได้คิดสั้นยิงตัวตายโดยไม่บอกกล่าวลูกเมียเช่นนี้
ด้าน น.ส.วณัฐ กล่าวว่า ตนได้พูดคุยกับพ่อครั้งสุดท้ายเมื่อช่วงเที่ยงคืนที่ผ่านมา โดยพ่อไม่ได้แสดงอาการเครียดอะไรให้เห็น และไม่ได้เล่าอะไรให้ฟังเป็นลางแต่อย่างใด ส่วนโรคประจำตัวพ่อก็ไม่มี แต่เมื่อเร็วๆ นี้เคยได้ยินพ่อบ่นว่าปวดท้องเวลากินข้าว แต่ก็ไม่ได้ไปหาหมอ เพราะพ่อจะเป็นๆ หายๆ ส่วนสาเหตุที่ทำให้พ่อคิดสั้นฆ่าตัวตายนั้น ตนคิดว่าน่าจะมาจากอาการเครียดของพ่อ แต่ไม่รู้ว่าเครียดเรื่องอะไร เพราะพ่อไม่เคยเล่าอะไรให้ฟัง อีกทั้งพ่อก็จะไม่เอาเรื่องงานมาพูดในครอบครัว ส่วนปัญหาในครอบครัวก็ไม่มี เพราะพ่อเป็นคนรักครอบครัว ตนจึงคิดว่าน่าจะมาจากเรื่องงาน ซึ่งต้องให้เพื่อนร่วมงานหรือผู้บังคับบัญชาชี้แจงให้ฟังว่า พ่อมีปัญหาอะไรบ้างหรือไม่
พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธิ์ กล่าวว่า จากการสอบถามคนในครอบครัวของ ด.ต.วีระชัย ก็ไม่มีใครทราบว่า ด.ต.วีระชัย เครียดเรื่องอะไร ซึ่งปัญหาในครอบครัวไม่น่าจะมี เพราะเท่าที่สอบถามคนในครอบครัวก็บอกว่าผู้ตายเป็นคนรักครอบครัว ส่วนปัญหาเรื่องงานก็ยังไม่มีใครทราบ อย่างไรก็ตามจะกำชับให้พนักงานสอบสวนหาข้อมูลของผู้ตายให้ได้ว่า เครียดเรื่องอะไร พร้อมทั้งจะเรียกผู้บังคับบัญชาของ ด.ต.วีระชัย มาสอบถามว่ามีปัญหาการทำงานบ้างหรือไม่ รวมทั้ง ด.ต.วีระชัย เคยมาปรึกษาปัญหาอะไรบ้างหรือเปล่า เพื่อสร้างความชัดเจนให้กับครอบครัวของ ด.ต.วีระชัย ต่อไป
วันนี้ (8 ก.ย.) เมื่อเวลา 06.45 น. พ.ต.ท.อดิศักดิ์ พลชัย พนักงานสอบสวน (สบ.2) สน.ดอนเมือง รับแจ้งมีเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงตัวตายภายในบ้านเลขที่ 3/78 หมู่บ้านอยู่เจริญ ถนนเลียบคูนายกิม 43 ซอย 7 แขวงสีกัน เขตดอนเมือง จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อม พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รอง ผบก.น.2 พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธิ์ พรหมสวัสดิ์ ผกก.สน.ดอนเมือง เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ดอนเมือง แพทย์นิติเวชจากโรงพยาบาลตำรวจ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุเป็นทาวน์เฮาส์สูง 2 ชั้น บริเวณชั้นล่างเปิดเป็นร้านขายของชำ ส่วนบริเวณห้องโถงชั้นล่างเจ้าหน้าที่พบศพ ด.ต.วีระชัย วงศ์เลิศ อายุ 51 ปี เจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรการ สน.ดอนเมือง ทำหน้าที่รับส่งของกลาง สภาพศพนอนคว่ำหน้าจมกองเลือด สวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงขาสั้นสีเขียวดำ มือขวาถืออาวุธปืนลูกโม่ขนาด .38 ตรวจสอบตามร่างกายพบบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด .38 เข้าที่ขมับขวาทะลุซ้าย ห่างออกไปประมาณ 5 เมตร พบรอยกระสุนที่ขอบประตู 1 นัด
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่พบ นางนพมาศ วงศ์เลิศ อายุ 53 ปี น.ส.ณัฐชา วงศ์เลิศ อายุ 22 ปี และน.ส.วณัฐ วงศ์เลิศ อายุ 20 ปี เป็นภรรยาและลูกสาวทั้งสองคนของผู้ตายยืนร่ำไห้รอให้การต่อเจ้าหน้าที่ด้วยความเศร้าโศกเสียใจ ซึ่งจากการสอบสวนนางนพมาศให้การว่า ก่อนเกิดเหตุประมาณ 06.30 น.ตนและลูกสาวทั้งสองคนยังอยู่บนบ้านชั้น 2 ส่วนสามีลงมาเปิดร้านด้านล่างโดยที่ไม่มีเห็นอะไรผิดสังเกต และไม่ได้ยินเสียงปืนเลย เพราะถ้าอยู่ในห้องชั้นบนก็จะไม่ได้ยินเสียงอะไร
จนกระทั่งลูกสาวคนโตลงมาข้างล่างก็เห็นสามีนอนฟุบอยู่แล้วมีเลือดไหลออกมา ตอนแรก็คิดว่าเป็นลมล้มลงหัวฟาดพื้นจึงเรียกตนกับลูกสาวคนเล็กมาช่วย แต่พอพลิกร่างสามีขึ้นมาก็พบว่ามีแผลถูกยิงเข้าที่ขมับโดยในมือยังถือปืนอยู่ ซึ่งตอนนั้นสามียังหายใจรวยริน ลูกสาวเลยรีบโทรศัพท์แจ้งตำรวจ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยให้มาช่วยเหลือ จากนั้นก็มีทีมกู้ภัยจากโรงพยาบาลภูมิพล เดินทางมาช่วยปั๊มหัวใจสามี แต่สามีก็สิ้นใจเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว
นางนพมาศ กล่าวอีกว่า ปกติสามีจะเป็นคนร่าเริง รักครอบครัว ที่ผ่านมาก็ไม่เคยแสดงอาการเครียดออกมาให้เห็น และปัญหาภายในครอบครัวก็ไม่มี ส่วนเรื่องการทำงานหรือเรื่องเพื่อนร่วมงาน สามีก็ไม่เคยเล่าให้ฟัง ตนจึงไม่ทราบว่าสามีเครียดเรื่องอะไร ถึงได้คิดสั้นยิงตัวตายโดยไม่บอกกล่าวลูกเมียเช่นนี้
ด้าน น.ส.วณัฐ กล่าวว่า ตนได้พูดคุยกับพ่อครั้งสุดท้ายเมื่อช่วงเที่ยงคืนที่ผ่านมา โดยพ่อไม่ได้แสดงอาการเครียดอะไรให้เห็น และไม่ได้เล่าอะไรให้ฟังเป็นลางแต่อย่างใด ส่วนโรคประจำตัวพ่อก็ไม่มี แต่เมื่อเร็วๆ นี้เคยได้ยินพ่อบ่นว่าปวดท้องเวลากินข้าว แต่ก็ไม่ได้ไปหาหมอ เพราะพ่อจะเป็นๆ หายๆ ส่วนสาเหตุที่ทำให้พ่อคิดสั้นฆ่าตัวตายนั้น ตนคิดว่าน่าจะมาจากอาการเครียดของพ่อ แต่ไม่รู้ว่าเครียดเรื่องอะไร เพราะพ่อไม่เคยเล่าอะไรให้ฟัง อีกทั้งพ่อก็จะไม่เอาเรื่องงานมาพูดในครอบครัว ส่วนปัญหาในครอบครัวก็ไม่มี เพราะพ่อเป็นคนรักครอบครัว ตนจึงคิดว่าน่าจะมาจากเรื่องงาน ซึ่งต้องให้เพื่อนร่วมงานหรือผู้บังคับบัญชาชี้แจงให้ฟังว่า พ่อมีปัญหาอะไรบ้างหรือไม่
พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธิ์ กล่าวว่า จากการสอบถามคนในครอบครัวของ ด.ต.วีระชัย ก็ไม่มีใครทราบว่า ด.ต.วีระชัย เครียดเรื่องอะไร ซึ่งปัญหาในครอบครัวไม่น่าจะมี เพราะเท่าที่สอบถามคนในครอบครัวก็บอกว่าผู้ตายเป็นคนรักครอบครัว ส่วนปัญหาเรื่องงานก็ยังไม่มีใครทราบ อย่างไรก็ตามจะกำชับให้พนักงานสอบสวนหาข้อมูลของผู้ตายให้ได้ว่า เครียดเรื่องอะไร พร้อมทั้งจะเรียกผู้บังคับบัญชาของ ด.ต.วีระชัย มาสอบถามว่ามีปัญหาการทำงานบ้างหรือไม่ รวมทั้ง ด.ต.วีระชัย เคยมาปรึกษาปัญหาอะไรบ้างหรือเปล่า เพื่อสร้างความชัดเจนให้กับครอบครัวของ ด.ต.วีระชัย ต่อไป