มือมืดอุกอาจ! ควบ จยย.ดักยิง นศ.รามฯ ขณะเคลื่อนขบวนประท้วงขับไล่ “สมัคร” ส่งผลให้มีนักศึกษาได้รับบาดเจ็บ 2 คน ด้าน “จงรัก” รุดตรวจสอบ ระบุโชคดีแค่เจ็บ ย้ำไม่ควรเคลื่อนขบวนกลางคืน อ้าง ตร.ดูแลยาก
เมื่อวันที่ 4 ก.ย.51 เวลาประมาณ 20.00 น.ร.ต.ท.ธานี จิตรธรรม ร้อยเวร สน.ลาดพร้าว รับแจ้งเหตุนักศึกษา ม.รามคำแหง ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดบริเวณแฟลตการเคหะคลองจั่น แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม. จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน
ที่เกิดเหตุพบเพียงกองเลือด ส่วนผู้บาดเจ็บทราบว่าถูกนำส่ง รพ.ศรีสยาม ไปก่อนหน้านี้แล้ว ทราบชื่อต่อมาคือ นายอนุศักดิ์ เศียรอุ่น อายุ 22 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะรัฐศาสตร์ ม.รามคำแหง ถูกยิงเข้าที่ต้นขาขวา 1 นัด และ นายอภิชาติ นาคฤทธิ์ อายุ 22 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะรัฐศาสตร์ ม.รามคำแหง ถูกยิงเข้าที่ข้อศอก เบื้องต้นแพทย์ได้ให้การช่วยเหลือจนพ้นขีดอันตรายแล้ว
จากการสอบสวน นายนัฐพล แสงขำ 33 ปี นักศึกษาคณะนิติศาสตร์ ม.รามคำแหง กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนพร้อมด้วยเพื่อนักศึกษาประมาณ 1 พันคน ได้นัดรวมตัวกันที่คิวรถเมล์สาย 207 ด้านหน้า ม.รามฯ เพื่อเดินทางไปที่บ้านพักนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ย่านเกษตรฯ-นวมินทร์ โดยทุกคนสวมเสื้อสีขาว โดยมีกลุ่มแกนนำขึ้นรถกระบะติดเครื่องเสียง พร้อมกับกล่าวปราศรัยเป็นระยะ เมื่อมาถึงบริเวณแฟลตการเคหะคลองจั่น ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด กลุ่มนักศึกษาทั้งหมดจึงได้ก้มหมอบลงกับพื้น ก่อนมาทราบอีกครั้งว่าเพื่อนถูกยิงได้รับบาดเจ็บ จึงช่วยกันนำส่งโรงพยาบาล
ด้านนายนายสิกขนันท์ หนูเล็ก แกนนำกลุ่มนักศึกษาซึ่งเป็นอดีตนายกองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุได้มีการรวมตัวกันของนักศึกษา ม.รามฯ ในชื่อกลุ่ม “พลังนักศึกษาเพื่อสังคม” เพื่อเดินทางไปประท้วงขับไล่นายกรัฐมนตรี เมื่อมาถึงการเคหะคลองจั่น ช่วงนั้นอากาศมืด ปรากฏว่าได้มีคนร้าย 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า มีโอ สีดำ คนขับสวมหมวกกันน็อค ขณะที่คนซ้อนท้ายสวมแจ็กเก็ตสีดำ ได้ชักอาวุธปืนยิงเข้ามาในกลุ่มผู้ชุมนุมที่กำลังเดินอยู่ จนเป็นเหตุให้มีได้รับบาดเจ็บ อย่างไรก็ตาม พวกตนจะรอให้ปากคำต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากขณะเกิดเหตุมีเพื่อนนักศึกษาหลายคนเห็นใบหน้าคนร้ายอย่างชัดเจนและสามารถจำได้อย่างแม่นยำ
นายสิกขนันท์ กล่าวต่อว่า การเคลื่อนขบวนครั้งนี้พวกตนไม่ได้รับเงินจากใคร เป็นพลังบริสุทธิ์ของเหล่านักศึกษาที่ไม่เห็นด้วยกับการประกาศ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉินของนายกรัฐมนตรี โดยมีการเรี่ยไรเงินกันคนละ 5-10 บาท เพื่อใช้เป็นทุนในการเคลื่อนไหว ได้เงินมาประมาณ 7 พันบาท แต่ ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุลักษณะนี้ อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุดังกล่าวทางกลุ่มแกนนำจะได้หารือกันเพื่อกำหนดท่าทีต่อไป
ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 22.00 น. พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร.รักษาราชการแทน ผบช.น.และพล.ต.ต.สุชาติ เหมือนแก้ว รอง ผบช.น.เดินทางมายัง สน.ลาดพร้าว ก่อนเข้าพูดคุยเพื่อรับทราบข้อเท็จจริงจาก นายสิกขนันท์
พล.ต.อ.จงรัก กล่าวว่า สาเหตุที่นักศึกษาถูกยิงในครั้งนี้ ต้องมีการสอบปากคำผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์อีกครั้ง ขณะเดียวกัน ในการติดตามตัวคนร้ายตำรวจจะได้สเกตช์ภาพของมือปืนที่ก่อเหตุเพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดี ทั้งนี้ ถือเป็นโชคดีที่นักศึกษาที่ถูกยิงเพียงแค่ได้รับบาดเจ็บเท่านั้น อย่างไรก็ตามไม่อยากให้มีการเคลื่อนขบวนในเวลากลางคืน เนื่องจากตำรวจป้องกันได้ยาก ขณะเดียวกันตอนนี้อยู่ในช่วงประกาศ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่บริเวณด้านหน้า สน.ลาดพร้าว ว่าได้มีกลุ่มนักศึกษา ม.รามฯ ประมาณ 300 คน รวมตัวกัน โดยมีกลุ่มแกนนำผลัดเปลี่ยนกันปราศรัย ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจลจำนวน 2 กองร้อย ที่ถูกส่งมารักษาความปลอดภัย
ขณะเดียวกัน เมื่อเวลา 00.30 น. นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ได้เดินทางมาที่ สน.ลาดพร้าว พร้อมกล่าวกับนักศึกษา ม.รามฯ โดยรับปากว่าจะขอทำหน้าที่เป็นตัวแทนในการทวงถามตำรวจในเรื่องการติดตามคนร้ายให้เอง ซึ่งหลังจากกล่าวจบแล้วนายชูวิทย์ก็เดินทางเข้าไปพบ พล.ต.ต.วิมล เปาอินทร์ ผบก.น.4 และพ.ต.อ.สมศักดิ์ บุญแสง ผกก.สน.ลาดพร้าว
จากนั้น พ.ต.อ.สมศักดิ์ ได้ออกมากล่าวต่อนักศึกษา ม.รามฯ ว่า รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งเป็นห่วงและเข้าใจความรู้สึกทุกคนดี เนื่องจากตนก็เป็นนักศึกษารามฯเช่นเดียวกัน ฉะนั้นจะทำตามหน้าที่และจะติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด โดยขณะนี้ได้มอบให้เจ้าหน้าที่ของ กก.สส.บก.น.4 และฝ่ายสืบสวน สน.ลาดพร้าว ดูแลรับผิดชอบคดีนี้แล้ว ส่วนวันนี้ขอให้เดินทางกลับบ้านก่อน พร้อมจะนำรถเมล์ไปส่งที่หน้ามหาวิทยาลัย พร้อมจัดกำลังตำรวจดูแลรักษาความปลอดภัยตลอดทาง
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ภายหลัง พ.ต.อ.สมศักดิ์ กล่าวจบแล้ว แกนนำนักศึกษาได้ประกาศให้เพื่อนนักศึกษาที่มาปักหลักชุมนุมเดินทางกลับ โดยจะนัดประชุมภายหลังในวันที่ 5 ก.ย.เวลา 14.00 น.ว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่นักศึกษา ม.รามฯ จะเดินทางกลับ ผู้ชุมนุมของพันธมิตรฯ ได้เดินทางมาสมทบที่ สน.ลาดพร้าว เพื่อร่วมให้กำลังใจกับและทวงถามความเป็นธรรมแก่ผู้ที่ถูกยิง พร้อมกันนี้ยังได้ชักชวนนักศึกษาให้เดินทางไปที่บ้านพักนายกฯ เพื่อเรียกร้องให้รับผิดชอบด้วยการลาออกอีกด้วย แต่ในที่สุดก็ไม่มีการเดินทางไป เนื่องจากเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย อาจจะมีมือที่ 3 สร้างสถานการณ์ให้เกิดความวุ่นวายได้
เมื่อวันที่ 4 ก.ย.51 เวลาประมาณ 20.00 น.ร.ต.ท.ธานี จิตรธรรม ร้อยเวร สน.ลาดพร้าว รับแจ้งเหตุนักศึกษา ม.รามคำแหง ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดบริเวณแฟลตการเคหะคลองจั่น แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม. จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน
ที่เกิดเหตุพบเพียงกองเลือด ส่วนผู้บาดเจ็บทราบว่าถูกนำส่ง รพ.ศรีสยาม ไปก่อนหน้านี้แล้ว ทราบชื่อต่อมาคือ นายอนุศักดิ์ เศียรอุ่น อายุ 22 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะรัฐศาสตร์ ม.รามคำแหง ถูกยิงเข้าที่ต้นขาขวา 1 นัด และ นายอภิชาติ นาคฤทธิ์ อายุ 22 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะรัฐศาสตร์ ม.รามคำแหง ถูกยิงเข้าที่ข้อศอก เบื้องต้นแพทย์ได้ให้การช่วยเหลือจนพ้นขีดอันตรายแล้ว
จากการสอบสวน นายนัฐพล แสงขำ 33 ปี นักศึกษาคณะนิติศาสตร์ ม.รามคำแหง กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนพร้อมด้วยเพื่อนักศึกษาประมาณ 1 พันคน ได้นัดรวมตัวกันที่คิวรถเมล์สาย 207 ด้านหน้า ม.รามฯ เพื่อเดินทางไปที่บ้านพักนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ย่านเกษตรฯ-นวมินทร์ โดยทุกคนสวมเสื้อสีขาว โดยมีกลุ่มแกนนำขึ้นรถกระบะติดเครื่องเสียง พร้อมกับกล่าวปราศรัยเป็นระยะ เมื่อมาถึงบริเวณแฟลตการเคหะคลองจั่น ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด กลุ่มนักศึกษาทั้งหมดจึงได้ก้มหมอบลงกับพื้น ก่อนมาทราบอีกครั้งว่าเพื่อนถูกยิงได้รับบาดเจ็บ จึงช่วยกันนำส่งโรงพยาบาล
ด้านนายนายสิกขนันท์ หนูเล็ก แกนนำกลุ่มนักศึกษาซึ่งเป็นอดีตนายกองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุได้มีการรวมตัวกันของนักศึกษา ม.รามฯ ในชื่อกลุ่ม “พลังนักศึกษาเพื่อสังคม” เพื่อเดินทางไปประท้วงขับไล่นายกรัฐมนตรี เมื่อมาถึงการเคหะคลองจั่น ช่วงนั้นอากาศมืด ปรากฏว่าได้มีคนร้าย 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า มีโอ สีดำ คนขับสวมหมวกกันน็อค ขณะที่คนซ้อนท้ายสวมแจ็กเก็ตสีดำ ได้ชักอาวุธปืนยิงเข้ามาในกลุ่มผู้ชุมนุมที่กำลังเดินอยู่ จนเป็นเหตุให้มีได้รับบาดเจ็บ อย่างไรก็ตาม พวกตนจะรอให้ปากคำต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากขณะเกิดเหตุมีเพื่อนนักศึกษาหลายคนเห็นใบหน้าคนร้ายอย่างชัดเจนและสามารถจำได้อย่างแม่นยำ
นายสิกขนันท์ กล่าวต่อว่า การเคลื่อนขบวนครั้งนี้พวกตนไม่ได้รับเงินจากใคร เป็นพลังบริสุทธิ์ของเหล่านักศึกษาที่ไม่เห็นด้วยกับการประกาศ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉินของนายกรัฐมนตรี โดยมีการเรี่ยไรเงินกันคนละ 5-10 บาท เพื่อใช้เป็นทุนในการเคลื่อนไหว ได้เงินมาประมาณ 7 พันบาท แต่ ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุลักษณะนี้ อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุดังกล่าวทางกลุ่มแกนนำจะได้หารือกันเพื่อกำหนดท่าทีต่อไป
ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 22.00 น. พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร.รักษาราชการแทน ผบช.น.และพล.ต.ต.สุชาติ เหมือนแก้ว รอง ผบช.น.เดินทางมายัง สน.ลาดพร้าว ก่อนเข้าพูดคุยเพื่อรับทราบข้อเท็จจริงจาก นายสิกขนันท์
พล.ต.อ.จงรัก กล่าวว่า สาเหตุที่นักศึกษาถูกยิงในครั้งนี้ ต้องมีการสอบปากคำผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์อีกครั้ง ขณะเดียวกัน ในการติดตามตัวคนร้ายตำรวจจะได้สเกตช์ภาพของมือปืนที่ก่อเหตุเพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดี ทั้งนี้ ถือเป็นโชคดีที่นักศึกษาที่ถูกยิงเพียงแค่ได้รับบาดเจ็บเท่านั้น อย่างไรก็ตามไม่อยากให้มีการเคลื่อนขบวนในเวลากลางคืน เนื่องจากตำรวจป้องกันได้ยาก ขณะเดียวกันตอนนี้อยู่ในช่วงประกาศ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่บริเวณด้านหน้า สน.ลาดพร้าว ว่าได้มีกลุ่มนักศึกษา ม.รามฯ ประมาณ 300 คน รวมตัวกัน โดยมีกลุ่มแกนนำผลัดเปลี่ยนกันปราศรัย ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจลจำนวน 2 กองร้อย ที่ถูกส่งมารักษาความปลอดภัย
ขณะเดียวกัน เมื่อเวลา 00.30 น. นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ได้เดินทางมาที่ สน.ลาดพร้าว พร้อมกล่าวกับนักศึกษา ม.รามฯ โดยรับปากว่าจะขอทำหน้าที่เป็นตัวแทนในการทวงถามตำรวจในเรื่องการติดตามคนร้ายให้เอง ซึ่งหลังจากกล่าวจบแล้วนายชูวิทย์ก็เดินทางเข้าไปพบ พล.ต.ต.วิมล เปาอินทร์ ผบก.น.4 และพ.ต.อ.สมศักดิ์ บุญแสง ผกก.สน.ลาดพร้าว
จากนั้น พ.ต.อ.สมศักดิ์ ได้ออกมากล่าวต่อนักศึกษา ม.รามฯ ว่า รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งเป็นห่วงและเข้าใจความรู้สึกทุกคนดี เนื่องจากตนก็เป็นนักศึกษารามฯเช่นเดียวกัน ฉะนั้นจะทำตามหน้าที่และจะติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด โดยขณะนี้ได้มอบให้เจ้าหน้าที่ของ กก.สส.บก.น.4 และฝ่ายสืบสวน สน.ลาดพร้าว ดูแลรับผิดชอบคดีนี้แล้ว ส่วนวันนี้ขอให้เดินทางกลับบ้านก่อน พร้อมจะนำรถเมล์ไปส่งที่หน้ามหาวิทยาลัย พร้อมจัดกำลังตำรวจดูแลรักษาความปลอดภัยตลอดทาง
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ภายหลัง พ.ต.อ.สมศักดิ์ กล่าวจบแล้ว แกนนำนักศึกษาได้ประกาศให้เพื่อนนักศึกษาที่มาปักหลักชุมนุมเดินทางกลับ โดยจะนัดประชุมภายหลังในวันที่ 5 ก.ย.เวลา 14.00 น.ว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่นักศึกษา ม.รามฯ จะเดินทางกลับ ผู้ชุมนุมของพันธมิตรฯ ได้เดินทางมาสมทบที่ สน.ลาดพร้าว เพื่อร่วมให้กำลังใจกับและทวงถามความเป็นธรรมแก่ผู้ที่ถูกยิง พร้อมกันนี้ยังได้ชักชวนนักศึกษาให้เดินทางไปที่บ้านพักนายกฯ เพื่อเรียกร้องให้รับผิดชอบด้วยการลาออกอีกด้วย แต่ในที่สุดก็ไม่มีการเดินทางไป เนื่องจากเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย อาจจะมีมือที่ 3 สร้างสถานการณ์ให้เกิดความวุ่นวายได้
