พ่อค้าก๋วยเตี๋ยวซอยมหานาค วิ่งโร่ร้องสื่อประจำนครบาล อ้างถูก ตร.สายตรวจโรงพักชนะสงคราม รุมสกรัมหน้าผับตรอกข้าวสาร ขณะที่ สน.ชนะสงคราม เปิดแถลงข่าวโต้ ปฏิเสธไม่เป็นความจริง ย้ำคนผิดไม่ใช่ ตร.แต่เป็นพ่อค้าก๋วยเตี๋ยวที่เมาเหล้าขาดสติซ้อมแฟนสาว ตร.เพียงเข้าระงับเหตุแต่กลับโดนลูกหลงจนหมวกหลุด ระบุมีพยานเห็นเหตุการณ์จำนวนมาก
วันนี้ (25 ส.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อเวลา 13.30 น.นายชิตมร ยืนยงมั่น อายุ 31 ปี พ่อค้าก๋วยเตี๋ยวปากซอยมหานาค อยู่บ้านเลขที่ 85/20 ถนนคลองลำปัค แขวงสี่แยกมหานาค เขตดุสิต กทม. พร้อมญาติและแฟนสาวเข้าร้องเรียนสื่อมวลชนกองบัญชาการตำรวจนครบาลขอความเป็นธรรม อ้างว่าถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สน.ชนะสงคราม ทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัสเหตุเกิดบริเวณหน้าผับชินเนม่อน ย่านถนนข้าวสาร เมื่อเวลา 02.30 น.วันที่ 24 ส.ค.ที่ผ่านมา
นายชิตมร กล่าวว่า คืนเกิดเหตุไปฉลองวันเกิดตนเองกับแฟนสาว และเพื่อนอีก 3 คน กระทั่งผับปิดบริการช่วงที่เดินออกจากร้านเกิดมีปากเสียงทะเลาะกับแฟน ซึ่งเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วของคนเป็นแฟนกัน แต่กลับมีคนโทร.แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาระงับเหตุ เมื่อตำรวจมาถึงก็ทำเกินกว่าเหตุเข้ามากระชากแขน ล็อกคอและค้นตัว ตนไม่ยอมจึงเกิดการชุมมุนฉุดกระชากกันจนล้มลง และถูกคนหลายคนรุมกระทืบซ้ำจนหน้าฟุบกับพื้นไม่รู้สึกตัว หนึ่งในนั้นจำได้ว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่งชายในเครื่องแบบสวมหมวกกันน็อกสีทอง 2 นาย รวมอยู่ด้วย
นายชิตมร กล่าวต่อไปว่า แต่แทนที่ตนเองจะเป็นผู้เสียหาย กลับเป็นผู้ต้องหาถูกนำไปโรงพักดำเนินคดี 3 ข้อหา คือ ดูหมิ่นเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานขณะเข้าระงับเหตุ และ ทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ จึงมาร้องเรียนขอความเป็นธรรมและต้องการแจ้งความกลับเพื่อดำเนินคดี เจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าวให้ถึงที่สุด เพราะตนเองก็เป็นประชาชนคนหนึ่ง การมาทำอย่างนี้เป็นการรังแกประชาชน และกระทำเกินกว่าเหตุ ซึ่งยอมไม่ได้จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด
พร้อมกันนั้น นายชิตมรได้ชี้ใบหน้าที่ช้ำบวม ปากเจ่อ ตาบวมปิดมีเลือดคั่ง และเปิดร่องรอยที่ถูกทำร้ายตามลำตัว พร้อมชี้ให้ดูร่องรอยบาดแผลที่อ้างว่าเป็นร่องรอยจากการถูกรองเท้าคอมแบต ที่ชายโครงทั้งซ้ายและขวาให้ผู้สื่อข่าวดู จากนั้นได้ไปร้องเรียนยังแผนกรับเรื่องราวร้องทุกข์ บก.น.1 ต้นสังกัด สน.ชนะสงคราม เพื่อบันทึกประจำวัน และให้ผู้บังคับบัญชาตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเพื่อเอาผิดเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย ถามที่ถูกกล่าวอ้าง
ต่อมา พ.ต.ท.เอกรัตน์ เปาอินทร์ รอง ผกก.ป.สน.ชนะสงคราม เข้าชี้แจ้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผู้บังคับบัญชา และเปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนประจำ บช.น.ว่า คืนเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่ามีเหตุทำร้ายร่างกาย บริเวณด้านหน้าร้านเซเวนเซ่น ใกล้กับวงเวียนวัดบวรฯ ทันทีที่ได้รับแจ้ง ส.ต.ท.ปราณีทัตน์ ทินกร ณ อยุธยา ผบ.หมู่.ป.พร้อมด้วย ส.ต.อ.ภานุพันธ์ เพ็ญพิศาล ผบ.หมู่.ป.สน.ชนะสงคราม เดินทางมายังที่เกิดเหตุ พบเห็น นายชิตมร กำลังตบตีและชกต่อย แฟนสาวจนล้มฟุบกับพื้น พร้อมเอะอะโวยวาย ท่ามกลางบรรดาไทยมุงจำนวนมาก จนชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์พยายามเข้าห้ามปราม แต่ก็ถูก นายชิตมร ผลักออกมาไม่ให้เข้ามายุ่ง จนได้รับบาดเจ็บหลายราย จนตำรวจมาถึงกลับถูก นายชิตมร ด่าว่า ด้วยถ้อยคำหยาบคายรุนแรง เจ้าหน้าที่จึงพยายามเข้าล็อกตัวโดยจับแขนไว้ เพื่อให้สงบสติอารมณ์
“ระหว่างนั้นชาวบ้านที่เฝ้าดูเหตุการณ์อยู่ตั้งแต่แรก ที่ทนดูความรุนแรงที่นายชิตมร ทำกับแฟนสาวอย่างโหดร้ายไม่ใหว จึงเข้ามารุมประชาทัณฑ์ จนเกิดเหตุการณ์ชุลมุนขึ้น แม้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะพยายามห้าม ก็ถูก นายชิตมร ชกต่อย โดน ส.ต.ท.ปราณีทัตน์ ที่หน้าอก และฉุดกระชากจนหมวกสายตรวจหลุดจากศีรษะหล่นไปที่พื้น จนเหตุการณ์สงบคลี่คลายจึงควบคุมตัว นายชิตมร มาสอบปากคำ ดำเนินคดีที่โรงพัก แต่ นายชิตมร ซึ่งอยู่ในอาการเมาสุรา ให้การไม่รู้เรื่อง จึงไม่สามารถสอบปากคำได้” พ.ต.ท.เอกรัตน์ กล่าว
พ.ต.ท.เอกรัตน์ กล่าวต่อว่า จากนั้นได้มีญาติของ นายชิตมร เดินทางมายังโรงพัก และต่อรองไม่ให้ดำเนินคดีกับ นายชิตมร พร้อมขู่ว่าหากดำเนินคดีจะแจ้งความกลับต่อเจ้าหน้าที่ แต่ก็ไม่เป็นผลเพราะตำรวจดำเนินการตามหน้าที่และพยานหลักฐาน เพราะมีคนเห็นเป็นจำนวนมาก ส่วนที่กล่าวหาว่าถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจรุมทำร้ายนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะตำรวจทั้งสองนายไม่มีเหตุโกรธเคืองกับนายชิตมรมาก่อน ที่มีบาดแผลตามร่างกายน่าจะถูกรุมประชาทัณฑ์มากกว่า อย่างไรก็ตาม หลังสอบปากคำและบันทึกประจำวัน นายชิตมร ได้ใช้หลักทรัพย์จำนวน 50,000 บาท ประกันตัวออกไป ส่วนที่ญาติ นายชิตมร จะแจ้งความกลับก็สามารถกระทำได้ หากคิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม เจ้าหน้าที่พร้อมที่จะรับแจ้งความดำเนินคดี และจะให้ความเป็นธรรมต่อเรื่องที่เกิดขึ้นกับทั้ง 2 ฝ่าย
วันนี้ (25 ส.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อเวลา 13.30 น.นายชิตมร ยืนยงมั่น อายุ 31 ปี พ่อค้าก๋วยเตี๋ยวปากซอยมหานาค อยู่บ้านเลขที่ 85/20 ถนนคลองลำปัค แขวงสี่แยกมหานาค เขตดุสิต กทม. พร้อมญาติและแฟนสาวเข้าร้องเรียนสื่อมวลชนกองบัญชาการตำรวจนครบาลขอความเป็นธรรม อ้างว่าถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สน.ชนะสงคราม ทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัสเหตุเกิดบริเวณหน้าผับชินเนม่อน ย่านถนนข้าวสาร เมื่อเวลา 02.30 น.วันที่ 24 ส.ค.ที่ผ่านมา
นายชิตมร กล่าวว่า คืนเกิดเหตุไปฉลองวันเกิดตนเองกับแฟนสาว และเพื่อนอีก 3 คน กระทั่งผับปิดบริการช่วงที่เดินออกจากร้านเกิดมีปากเสียงทะเลาะกับแฟน ซึ่งเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วของคนเป็นแฟนกัน แต่กลับมีคนโทร.แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาระงับเหตุ เมื่อตำรวจมาถึงก็ทำเกินกว่าเหตุเข้ามากระชากแขน ล็อกคอและค้นตัว ตนไม่ยอมจึงเกิดการชุมมุนฉุดกระชากกันจนล้มลง และถูกคนหลายคนรุมกระทืบซ้ำจนหน้าฟุบกับพื้นไม่รู้สึกตัว หนึ่งในนั้นจำได้ว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่งชายในเครื่องแบบสวมหมวกกันน็อกสีทอง 2 นาย รวมอยู่ด้วย
นายชิตมร กล่าวต่อไปว่า แต่แทนที่ตนเองจะเป็นผู้เสียหาย กลับเป็นผู้ต้องหาถูกนำไปโรงพักดำเนินคดี 3 ข้อหา คือ ดูหมิ่นเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานขณะเข้าระงับเหตุ และ ทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ จึงมาร้องเรียนขอความเป็นธรรมและต้องการแจ้งความกลับเพื่อดำเนินคดี เจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าวให้ถึงที่สุด เพราะตนเองก็เป็นประชาชนคนหนึ่ง การมาทำอย่างนี้เป็นการรังแกประชาชน และกระทำเกินกว่าเหตุ ซึ่งยอมไม่ได้จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด
พร้อมกันนั้น นายชิตมรได้ชี้ใบหน้าที่ช้ำบวม ปากเจ่อ ตาบวมปิดมีเลือดคั่ง และเปิดร่องรอยที่ถูกทำร้ายตามลำตัว พร้อมชี้ให้ดูร่องรอยบาดแผลที่อ้างว่าเป็นร่องรอยจากการถูกรองเท้าคอมแบต ที่ชายโครงทั้งซ้ายและขวาให้ผู้สื่อข่าวดู จากนั้นได้ไปร้องเรียนยังแผนกรับเรื่องราวร้องทุกข์ บก.น.1 ต้นสังกัด สน.ชนะสงคราม เพื่อบันทึกประจำวัน และให้ผู้บังคับบัญชาตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเพื่อเอาผิดเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย ถามที่ถูกกล่าวอ้าง
ต่อมา พ.ต.ท.เอกรัตน์ เปาอินทร์ รอง ผกก.ป.สน.ชนะสงคราม เข้าชี้แจ้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผู้บังคับบัญชา และเปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนประจำ บช.น.ว่า คืนเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่ามีเหตุทำร้ายร่างกาย บริเวณด้านหน้าร้านเซเวนเซ่น ใกล้กับวงเวียนวัดบวรฯ ทันทีที่ได้รับแจ้ง ส.ต.ท.ปราณีทัตน์ ทินกร ณ อยุธยา ผบ.หมู่.ป.พร้อมด้วย ส.ต.อ.ภานุพันธ์ เพ็ญพิศาล ผบ.หมู่.ป.สน.ชนะสงคราม เดินทางมายังที่เกิดเหตุ พบเห็น นายชิตมร กำลังตบตีและชกต่อย แฟนสาวจนล้มฟุบกับพื้น พร้อมเอะอะโวยวาย ท่ามกลางบรรดาไทยมุงจำนวนมาก จนชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์พยายามเข้าห้ามปราม แต่ก็ถูก นายชิตมร ผลักออกมาไม่ให้เข้ามายุ่ง จนได้รับบาดเจ็บหลายราย จนตำรวจมาถึงกลับถูก นายชิตมร ด่าว่า ด้วยถ้อยคำหยาบคายรุนแรง เจ้าหน้าที่จึงพยายามเข้าล็อกตัวโดยจับแขนไว้ เพื่อให้สงบสติอารมณ์
“ระหว่างนั้นชาวบ้านที่เฝ้าดูเหตุการณ์อยู่ตั้งแต่แรก ที่ทนดูความรุนแรงที่นายชิตมร ทำกับแฟนสาวอย่างโหดร้ายไม่ใหว จึงเข้ามารุมประชาทัณฑ์ จนเกิดเหตุการณ์ชุลมุนขึ้น แม้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะพยายามห้าม ก็ถูก นายชิตมร ชกต่อย โดน ส.ต.ท.ปราณีทัตน์ ที่หน้าอก และฉุดกระชากจนหมวกสายตรวจหลุดจากศีรษะหล่นไปที่พื้น จนเหตุการณ์สงบคลี่คลายจึงควบคุมตัว นายชิตมร มาสอบปากคำ ดำเนินคดีที่โรงพัก แต่ นายชิตมร ซึ่งอยู่ในอาการเมาสุรา ให้การไม่รู้เรื่อง จึงไม่สามารถสอบปากคำได้” พ.ต.ท.เอกรัตน์ กล่าว
พ.ต.ท.เอกรัตน์ กล่าวต่อว่า จากนั้นได้มีญาติของ นายชิตมร เดินทางมายังโรงพัก และต่อรองไม่ให้ดำเนินคดีกับ นายชิตมร พร้อมขู่ว่าหากดำเนินคดีจะแจ้งความกลับต่อเจ้าหน้าที่ แต่ก็ไม่เป็นผลเพราะตำรวจดำเนินการตามหน้าที่และพยานหลักฐาน เพราะมีคนเห็นเป็นจำนวนมาก ส่วนที่กล่าวหาว่าถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจรุมทำร้ายนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะตำรวจทั้งสองนายไม่มีเหตุโกรธเคืองกับนายชิตมรมาก่อน ที่มีบาดแผลตามร่างกายน่าจะถูกรุมประชาทัณฑ์มากกว่า อย่างไรก็ตาม หลังสอบปากคำและบันทึกประจำวัน นายชิตมร ได้ใช้หลักทรัพย์จำนวน 50,000 บาท ประกันตัวออกไป ส่วนที่ญาติ นายชิตมร จะแจ้งความกลับก็สามารถกระทำได้ หากคิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม เจ้าหน้าที่พร้อมที่จะรับแจ้งความดำเนินคดี และจะให้ความเป็นธรรมต่อเรื่องที่เกิดขึ้นกับทั้ง 2 ฝ่าย