น้องชายอดีตรอง ผกก.สภ.บางปะกง เข้าพบตำรวจติดตามความคืบหน้าหลังพี่ชายตัวเองหายตัวไปนานกว่า 3 ปี เจ้าตัวเชื่อถูกอุ้มไปฆ่าแน่นอนเพราะมีมรดกกว่า 10 ล้าน
วานนี้ (19 ส.ค.) นายประศาสน์ ลิมประกาจน์ อายุ 63 ปี อดีต ผอ.ฝ่ายจัดการงานกลาง ธนาคารกสิกรไทย สำนักงานใหญ่ อยู่บ้านเลขที่ 64/20 ซอยแสงศรี ถ.พระยาสุเรนท์ แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กทม. เดินทางเข้าให้ปากคำต่อ พ.ต.ท.ศักดิ์ชาย สุวรรณนุกูล สว.สส.สน.คันนายาว หลังจาก พ.ต.ท.สมพล ลิมประกาจน์ อายุ 66 ปี อดีตรอง ผกก.สภ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ผู้เป็นพี่ชายได้หายตัวไปประมาณ 3 ปี
นายประศาสน์ กล่าวว่า หลังจากที่พี่ชายได้หายตัวไปก็ได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สน.บางเสาธง เมื่อวันที่ 13 เม.ย.48 เพื่อให้ช่วยติดตามหาตัว โดยตนคาดว่าพี่ชายน่าจะถูกอุ้มไป หลังจากนั้นตนก็ได้เดินทางไปร้องเรียนที่กองปราบปราม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 16 เม.ย.48 แต่เวลาก็ผ่านมา 3 ปี แล้วยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ ตนจึงอยากขอความช่วยเหลือให้ทางสื่อมวลชนช่วยประชาสัมพันธ์ติดตามพี่ชายให้อีกทาง
นายประศาสน์ กล่าวต่อว่า พี่ชายตนมีภรรยาแต่ยังไม่มีลูกด้วยกัน ได้แยกกันอยู่ก่อนที่จะหายไปได้ประมาณ 3 ปีกว่าแล้ว ซึ่งตนก็ได้ทราบว่าทางพี่ชายของภรรยาอยากที่จะแบ่งสินสมรสกันคนละครึ่งแต่พี่ตนไม่ยอม จนเรื่องเงียบไป จากนั้นก็ได้มีหลานชายของภรรยาได้เข้ามาขอพักอาศัยอยู่กับพี่ชายตน พี่ชายตนจึงได้ให้มาพักด้วย และให้ทำหน้าที่เป็นคนขับรถเนื่องจากพี่ชายตนเริ่มแก่และมีอาการตาฝ้าฟาง
นายประศาสน์ กล่าวต่อว่า จนกระทั่งญาติพี่น้องนัดกินข้าวกันเมื่อวันที่ 20 ก.พ.48 แต่วันนั้นพี่ชายตนไม่มา และติดต่อไม่ได้ เมื่อไปตนดูที่บ้านพักของพี่ชายตั้งอยู่เลขที่ 11/118 ซอยจรัญสนิทวงศ์ 13 แยก 9 หน้า 1 แขวงบางแวก เขตภาษีเจริญ ก็ไม่พบแต่อย่างใด ตนจึงมั่นใจว่า พี่ชายตนถูกอุ้มไปพร้อมกับรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นโซลูน่า สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน ภน-3213 กทม.สร้อยคอทองคำ 2 เส้น หนักรวม 8 บาท ส่วนกรณีที่ชื่อพี่ชายมาอยู่ในทะเบียนบ้านของตน ก็เนื่องจากว่าก่อนหน้านั้นชื่อของพี่ชายไปอยู่ที่ จ.ชุมพร เมื่อมีเอกสารส่งไปให้พี่ชาย ญาติทาง จ.ชุมพร ก็บอกว่าไม่ขอเกี่ยวข้อง และถ้ามีเรื่องอะไรไม่ขอรับผิดชอบ ตนจึงตัดสินใจย้ายชื่อพี่ชายเข้ามาอยู่ในบ้าน
นายประศาสน์ กล่าวด้วยว่า พี่ชายตนไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับใคร และไม่มีศัตรูที่ไหน ไม่เคยทำธุรกิจ แต่มีเพียงมรดกกว่า 10 ล้านบาท ตนจึงมั่นใจว่าเหตุที่พี่ชายหายตัวไปน่าจะถูกอุ้มไปอย่างแน่นอน โดยรถของเขาก็หายไปพร้อมกัน แต่ที่น่าแปลกคือรถคันดังกล่าวยังคงมีการต่อทะเบียนอยู่
วานนี้ (19 ส.ค.) นายประศาสน์ ลิมประกาจน์ อายุ 63 ปี อดีต ผอ.ฝ่ายจัดการงานกลาง ธนาคารกสิกรไทย สำนักงานใหญ่ อยู่บ้านเลขที่ 64/20 ซอยแสงศรี ถ.พระยาสุเรนท์ แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กทม. เดินทางเข้าให้ปากคำต่อ พ.ต.ท.ศักดิ์ชาย สุวรรณนุกูล สว.สส.สน.คันนายาว หลังจาก พ.ต.ท.สมพล ลิมประกาจน์ อายุ 66 ปี อดีตรอง ผกก.สภ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ผู้เป็นพี่ชายได้หายตัวไปประมาณ 3 ปี
นายประศาสน์ กล่าวว่า หลังจากที่พี่ชายได้หายตัวไปก็ได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สน.บางเสาธง เมื่อวันที่ 13 เม.ย.48 เพื่อให้ช่วยติดตามหาตัว โดยตนคาดว่าพี่ชายน่าจะถูกอุ้มไป หลังจากนั้นตนก็ได้เดินทางไปร้องเรียนที่กองปราบปราม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 16 เม.ย.48 แต่เวลาก็ผ่านมา 3 ปี แล้วยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ ตนจึงอยากขอความช่วยเหลือให้ทางสื่อมวลชนช่วยประชาสัมพันธ์ติดตามพี่ชายให้อีกทาง
นายประศาสน์ กล่าวต่อว่า พี่ชายตนมีภรรยาแต่ยังไม่มีลูกด้วยกัน ได้แยกกันอยู่ก่อนที่จะหายไปได้ประมาณ 3 ปีกว่าแล้ว ซึ่งตนก็ได้ทราบว่าทางพี่ชายของภรรยาอยากที่จะแบ่งสินสมรสกันคนละครึ่งแต่พี่ตนไม่ยอม จนเรื่องเงียบไป จากนั้นก็ได้มีหลานชายของภรรยาได้เข้ามาขอพักอาศัยอยู่กับพี่ชายตน พี่ชายตนจึงได้ให้มาพักด้วย และให้ทำหน้าที่เป็นคนขับรถเนื่องจากพี่ชายตนเริ่มแก่และมีอาการตาฝ้าฟาง
นายประศาสน์ กล่าวต่อว่า จนกระทั่งญาติพี่น้องนัดกินข้าวกันเมื่อวันที่ 20 ก.พ.48 แต่วันนั้นพี่ชายตนไม่มา และติดต่อไม่ได้ เมื่อไปตนดูที่บ้านพักของพี่ชายตั้งอยู่เลขที่ 11/118 ซอยจรัญสนิทวงศ์ 13 แยก 9 หน้า 1 แขวงบางแวก เขตภาษีเจริญ ก็ไม่พบแต่อย่างใด ตนจึงมั่นใจว่า พี่ชายตนถูกอุ้มไปพร้อมกับรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นโซลูน่า สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน ภน-3213 กทม.สร้อยคอทองคำ 2 เส้น หนักรวม 8 บาท ส่วนกรณีที่ชื่อพี่ชายมาอยู่ในทะเบียนบ้านของตน ก็เนื่องจากว่าก่อนหน้านั้นชื่อของพี่ชายไปอยู่ที่ จ.ชุมพร เมื่อมีเอกสารส่งไปให้พี่ชาย ญาติทาง จ.ชุมพร ก็บอกว่าไม่ขอเกี่ยวข้อง และถ้ามีเรื่องอะไรไม่ขอรับผิดชอบ ตนจึงตัดสินใจย้ายชื่อพี่ชายเข้ามาอยู่ในบ้าน
นายประศาสน์ กล่าวด้วยว่า พี่ชายตนไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับใคร และไม่มีศัตรูที่ไหน ไม่เคยทำธุรกิจ แต่มีเพียงมรดกกว่า 10 ล้านบาท ตนจึงมั่นใจว่าเหตุที่พี่ชายหายตัวไปน่าจะถูกอุ้มไปอย่างแน่นอน โดยรถของเขาก็หายไปพร้อมกัน แต่ที่น่าแปลกคือรถคันดังกล่าวยังคงมีการต่อทะเบียนอยู่