ดีเอสไอ หอบสำนวนส่งฟ้องคดีแชร์ลูกโซ่กองทุนต่างชาติ อ้างลงทุนแล้วจะได้เงินนับล้านจากกองทุนเพื่อชนกลุ่มน้อย มีชาวบ้านหลงเชื่อ กว่า 60 ราย เสียหาย 87 ล้านบาท คาดยังมีผู้เสียหายหลงเหลืออีกกว่าพันราย
วันนี้ (6 ส.ค.) ที่สำนักงานอัยการสูงสุด เมื่อเวลา 13.30 น.พ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ ดีเอสไอ มอบหมายให้ พ.ต.ต.อิทธิพล พรหมดวง พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ 7 นำสำนวนการสอบสวนคดีแชร์ลูกโซ่กองทุนต่างชาติ จำนวน 2,000 แผ่น รวม 10 แฟ้ม พร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้อง นายเอกรินทร คำศรี ผู้ต้องหาที่ 1 ซึ่งเสียชีวิตระหว่างถูกควบคุมตัวที่เรือนจำ จ.ราชบุรี และ น.ส.จุฬาพร ฤทธาภัย ผู้ต้องหาที่ 2 ข้อหา ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ส่งมอบให้แก่ นายเศกสรรค์ บางสมบุญ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ พิจารณาสั่งฟ้องคดีให้ทันภายในวันที่ 18 ส.ค.นี้ ซึ่งจะครบกำหนดฝากขังผลัดสุดท้ายของผู้ต้องหาที่ 2
พ.ต.ต.อิทธิพล กล่าวว่า เมื่อปี 2548 ผู้ต้องหาทั้ง 2 แอบอ้างกับประชาชนในเขต จ.ราชบุรี สมุทรสงคราม และ เพชรบุรี ว่า สามารถนำเงินจาก “เงินกองทุนเพื่อชนกลุ่มน้อย” ซึ่งเป็นกองทุนจากต่างประเทศ มาแจกจ่ายให้ได้ในจำนวนหลายหมื่นล้านบาท โดยมีเงื่อนไขว่า ผู้ที่ต้องการรับเงินจะต้องร่วมลงทุนเป็นค่าใช้จ่ายนำเงินเข้ามาในประเทศ หากลงทุน 10,000 บาท จะได้รับค่าตอบแทน 1 ล้านบาท จนมีผู้เสียหายหลงเชื่อ 69 ราย นำเงินไปมอบให้ผู้ต้องหามูลค่าความเสียหายประมาณ 87 ล้านบาท แต่ผู้ต้องหาทั้งสอง ไม่สามารถนำเงินมาจ่ายให้ตามสัญญา
พ.ต.ต.อิทธิพล กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ทางพนักงานสอบสวน ดีเอสไอ ยังได้ทำการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งสองอีก 1 สำนวน ซึ่งเป็นความผิดที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2542-2548 มีผู้เสียหายประมาณ 60 ราย มูลค่าความเสียหายประมาณ 63 ล้านบาท โดยหลอกลวงว่าจะระดมเงินไปสร้าง รพ.ชะอำ เมโมเรียล จากการสอบสวนขยายผลเบื้องต้นคาดว่า ยังมีผู้เสียหายอีกไม่ต่ำกว่า 1 พันราย สำหรับผู้ที่ได้รับความเสียหายที่ต้องการได้รับเงินคืน ให้นำหลักฐานการลงทุนไปพบเจ้าหน้าที่กลุ่มป้องปรามการเงินนอกระบบ สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง เพื่อรวบรวมหลักฐานส่งพนักงานอัยการฟ้องผู้ต้องหาเป็นบุคคลล้มละลายต่อไป