ศาลแพ่ง สั่งรอการไต่สวนฉุกเฉิน คดีลูกน้องสมชาย ฟ้องไล่ที่พันธมิตรฯ ส่งคำร้องจำเลยให้ศาลรัฐธรรมนูญ – ศาลปกครองวินิจฉัยเรื่องอำนาจศาล
วันนี้(30 ก.ค.)เมื่อเวลา 11.00 น.ที่ห้องพิจารณาคดี 711 ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำสั่งเรื่องการไต่สวนฉุกเฉินในคดีที่ นายสุรินทร์ หิรัญ ,นายอนุวัฒน์ รัตนกุล , นายเปี่ยม ไชยมูล , นายวรวิทย์ สุระโครต , นายดำรงค์ มั่นการ และ นายวุฒิ เกตุสิน ซึ่งเป็นกลุ่มข้าราชการ และลูกจ้างประจำกระทรวงศึกษาธิการ ได้ร่วมกันเป็นโจทก์ที่ 1 - 6 ยื่นฟ้อง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง , นายสนธิ ลิ้มทองกุล , นายสมศักดิ์ โกศัยสุข , นายพิภพ ธงไชย , นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์และ นายสุริยะใส กตะศิลา แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-6 เรื่องละเมิด ขับไล่รื้อถอนเวทีปราศรัย เปิดถนน และให้กลุ่มพันธมิตรฯงดใช้เครื่องขยายเสียงตั้งแต่เวลา 08.00 น. – 16.30 น. ของทุกวันทำการ
โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยได้ยื่นคำร้องว่าหากศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวโดยเหตุฉุกเฉินจะเป็นการจำกัดสิทธิของจำเลยทั้งหกตามรัฐธรรมนูญ คำร้องดังกล่าวจึงจำต้องส่งความเห็นของจำเลยทั้งหกเพื่อได้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย ซึ่งหากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยแล้วจะเป็นที่ยุติว่าศาลนี้มีอำนาจพิจารณาคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวด้วยเหตุฉุกเฉินของโจทก์ทั้งหกหรือไม่จึงเห็นควรให้ส่งคำร้องขอจำเลยทั้งหกลงวันที่ 29 ก.ค.51 ไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย และเมื่อมีเหตุดังกล่าวจึงเห็นควรรอฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
ส่วนในเรื่องคำร้องว่าคดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง ของจำเลยก็มีเหตุให้ต้องส่งความเห็นของโจทก์และของศาลนี้ไปยังศาลปกครองกลางด้วยเหตุดังกล่าวจึงเห็นควรรอการไต่สวนคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวโดยเหตุฉุกเฉินไว้ก่อนเพื่อรอฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเสียก่อนจึงค่อยไต่สวนและมีคำสั่งต่อไป
ให้มีหนังสือแจ้งสำนักงานศาลยุติธรรมว่า คดีนี้มีคำร้องว่ากฎหมายขัดรัฐธรรมนูญ และให้โจทก์ทำความเห็นว่าคดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาของศาลนี้เพื่อส่งความเห็นไปยังศาลปกครองกลางภายใน 15 วัน
ทนายโจทก์ทั้งหกแถลงว่าเมื่อศาลมีคำสั่งให้รอการไต่สวนไว้ก่อนรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 211 ได้บัญญัติไว้แล้วว่าให้ศาลรอการพิพากษาศาลจึงมีอำนาจพิจารณาโดยการไต่สวนคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวด้วยเหตุฉุกเฉินไปได้และขอโต้แย้งว่าหากมีคู่ความคัดค้านว่าศาลไม่มีอำนาจพิจารณาค่อยให้ศาลแพ่งตรวจสอบคำร้องก่อนส่วนคำร้องที่ว่าคดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาของศาลปกครองนั้นคำฟ้องโจทก์มิได้กล่าวอ้างถึงข้อโต้แย้งที่จำอยู่ในอำนาจศาลปกครองกลางแต่อย่างใดจึงขอแถลงโต้แย้งด้วยวาจาไว้และจะทำคำแถลงเป็นหนังสือมายื่นต่อศาลในภายหลัง
ภายหลัง นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความพันธมิตรฯ กล่าวว่า การที่ศาลมีคำสั่งให้ส่งคำร้องของจำเลยไปให้ศาลรัฐธรรมนูญ และศาลปกครองกลางวินิจฉัยเรื่องเขตอำนาจศาลในครั้งนี้ จะเป็นการสร้างบรรทัดฐานต่อไป สำหรับคดีฟ้องร้องอันเนื่องมาจากสิ่ทธิการชุมนุม
ด้านนายคารม พลทะกลาง ทนายโจทก์ กล่าวว่า เมื่อศาลมีคำสั่งเช่นนี้พวกตนซึ่งเป็นผู้ถูกละเมิดสิทธิยอมรับว่ารู้สึกเสียใจแต่ก็พร้อมจะยอมรับ ส่วนแนวทางต่อสู้คดีนั้นตนได้เตรียมทำคำแถลงการณ์ยื่นต่อศาลอีกครั้ง เพราะเห็นว่าคดีนี้โจทก์ฟ้องฐานละเมิดซึ่งใช้สิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งอยู่ในเขตอำนาจศาลแพ่ง ไม่จำเป็นต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญ ตีความแต่อย่างใด