ตร.รวบทันควันโจรแท็กซี่จี้สาวเซเว่นฯ

โรงพักหัวหมากจับโชเฟอร์แท็กซี่ใช้ประแจถอดล้อรถจี้ชิงทรัพย์สาวเซเว่นฯ พร้อมของกลางเงินสดเกือบ 2 พัน กล้องดิจิตอล-เกมเพลย์สเตชัน อื่นๆ อีกเพียบ สารภาพทำไปเพราะเศรษฐกิจไม่ดีหาเงินได้ไม่คล่องตัว ประกอบกับเมียท้องแก่ไม่มีเงินทำคลอดจึงจำเป็นต้องจี้เค้ากิน แต่ ตร.ไม่เชื่อว่าทำครั้งแรก ค้นห้องพักเจอบัตรประจำตัวประชาชนผู้เสียหายรายอื่นอื้อ

วันนี้ (17 ก.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น.ที่ สน.หัวหมาก พ.ต.อ.วัฒนา ยี่จีน ผกก.สน.หัวหมาก พ.ต.ท.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย รอง ผกก.ปป.สน.หัวหมาก พ.ต.ท.พิพัฒน์ เต็งถาวร สว.สส.สน.หัวหมาก พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.หัวหมาก ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายวสันต์ อามีนะ อายุ 30 ปี โชเฟอร์แท็กซี่ยี่ห้อโตโยต้า อัลติส สีฟ้า หมายเลขทะเบียน ทพ-9402 กทม. พร้อมของกลางเงินสดจำนวน 1,900 บาท กล้องดิจิตอลยี่ห้อโซนี่ จำนวน 1 ตัว โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง เครื่องเล่นเกมเพลย์สเตชัน 1 เครื่อง กระเป๋าสะพายสีน้ำตาล 1 ใบ กระเป๋าเครื่องสำอาง 1 ใบ ประแจถอดล้อรถ 1 ตัว

พ.ต.อ.วัฒนา เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 04.00 น.ของวันที่ 16 ก.ค.ที่ผ่านมา น.ส.พรรณิภา ร่างเจริญ พนักงานร้านเซเว่นฯ และเป็นผู้เสียหายได้เรียกแท็กซี่ของผู้ต้องหาจากบริเวณปากซอยวัดตะกล่ำ ย่านประเวศ ให้ไปส่งที่สถานีขนส่งหมอชิตใหม่ แต่เมื่อรถขับมาถึงบริเวณกลางซอยรามคำแหง 26 ตรงประตู 17 ของบริษัท โอสถสภา เต็กเฮงหยู จำกัด แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ ผู้ต้องหาก็ได้ใช้ประแจถอดล้อรถข่มขู่เอาทรัพย์สิน ก่อนจะต่อยเข้าที่ใบหน้าของผู้เสียหายจนได้รับบาดเจ็บแล้วไล่ลงจากรถ ก่อนจะขับรถหลบหนีไป

หลังจากนั้นผู้เสียหายได้แจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.หัวหมาก โดยสามารถจดจำหมายเลขทะเบียนรถของผู้ต้องหาได้เป็นอย่างดี ทำให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสามารถติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาได้พร้อมของกลางทั้งหมด หลังหลบหนีไปอยู่ที่บ้านพักย่านหนองจอก จึงความคุมตัวมาสอบปากคำที่ สน.หัวหมาก

จากการสอบสวน นายวสันต์ให้การรับสารภาพว่า ที่ทำไปเพราะต้องการหาเงินหาเป็นค่าเช่ารถแท็กซี่ เนื่องจากหาค่าเช่าบางครั้งได้บ้างไม่ได้บ้าง โดยวันเกิดเหตุยังหาเงินได้ไม่มาก อีกทั้งภรรยาตนก็ท้องแก่ใกล้คลอดต้องพาไปพบแพทย์บ่อยครั้ง จะไปหยิบยืมเงินจากญาติก็ไม่ค่อยมีให้เลยตัดสินใจลงมือทำ อย่างไรก็ตาม ตนต้องขอโทษผู้เสียหาย และขอโทษกลุ่มโชเฟอร์แท็กซี่ด้วยที่ทำให้ต้องเสียชื่อเสียง

พ.ต.อ.วัฒนา กล่าวด้วยว่า เบื้องต้นผู้ต้องหาอ้างว่าเพิ่งทำความผิดเป็นครั้งแรก แต่เจ้าหน้าที่ไม่เชื่อในคำให้การ เนื่องจากการตรวจค้นบ้านของผู้ต้องหายังพบเอกสารและบัตรประชาชนของผู้เสียหายรายอื่นๆ อีกด้วย จึงเชื่อว่าน่าจะก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยมีและใช้อาวุธ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อการกระทำความผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม และเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กาย ก่อนควบคุมตัวไปดำเนินคดีต่อไป