โดย จอมปลวก
การเมืองทรุดโทรม เศรษฐกิจแย่ สังคมเสื่อม การก่อคดีอาชญากรรมมีมาก เป็นเพราะเหตุใด เพราะนิสัยของตัวบุคคล หรือ เพราะสังคมสิ่งแวดล้อมนำพาให้กระทำ ตัวเองเท่านั้นที่รู้จักหักห้ามตนเองไม่ให้คิดทำเรื่องชั่วร้าย ทำให้ผู้อื่นเจ็บปวด ได้รับบาดเจ็บเกิดความเจ็บในหัวใจสร้างความเสียหายต่อร่างกาย จนต้องขึ้นโรงขึ้นศาล
ยุคน้ำมันแพง! เมื่อเศรษฐกิจ และการแก้ปัญหาระดับชาติไม่มีศักยภาพพอเพียง ปัญหาอาชญากรรมก็ยิ่งทวีคูณในความถี่เกิดขึ้นรายวันไม่ว่าจะเป็นฉก ชิง วิ่งราวทรัพย์ จี้ ปล้น ฆ่า ข่มขืน แม้ล่าสุด "เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์" รองผบ.ตร. ป. 1 จะกำชับลูกน้องระดับล่างให้เข้มงวดกวดขันสอดส่องกับการจู่โจมไล่ล่า ป้องกันเหตุจี้ ปล้นธนาคาร ร้านค้าทอง ก็ยังคงมีโจรแสบ กล้าลองดี ก่อเหตุกันทุกวี่วัน เวลา เมื่อเศรษฐกิจย่ำแย่ ความจนเข้ามาเยือนปัญหาครอบครัวก็ตามมา ผัวเมียละเหี่ยใจ จากเคยทะเลาะ เบาะแว้งกันอยู่บ่อยครั้ง ก็ยิ่งเครียดหาเรื่องวิวาทกันใช้ลาดบ้านเป็นเวทีมวย กระทำต่อหน้าลูก ๆ บางครอบครัวรุนแรงถึงขั้น ใช้ ส.แข้งทองซ้อมเมียไม่หนำใจ จำเป็นต้องใช้มีดคัตเตอร์กรีดหน้า ดั่งเช่นเมื่อต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ผัวโหดหึงหวงเมียสาวนางนุสรา พูนเจริญ อายุ 23 ปี ทำงานในร้านเอสแอนพี มีลูกด้วยกัน 3 คน ความที่ทะเลาะ และถูกผัวตบตีบ่อยครั้ง ก็เลยหนีไปอยู่บ้านเพื่อนนาน 3 เดือน เพศหญิงสายเลือดผูกพันลูก และห่วงใยลูกเสมอเมื่อถึงวันเกิดของลูกก็ไม่ลืม หักห้ามใจในความคิดถึงลูกไม่ไหว เลยมาหาลูกกะจะเป่าเค้กและอยู่พร้อมหน้ากัน พ่อ แม่ ลูก อย่างอบอุ่น ผัวพิเรนเกิดอารมณ์หึง บวกกับโกรธที่เมียตัวดีหนีหน้าไปนาน จังหวะเมียนั่งเล่นกับลูก ผัวตัวแสบใช้มีดคัตเตอร์กระหน่ำกรีดหน้า กรีดหู กรีดแขน อย่างไม่ยั้ง จนเมียบาดเจ็บสาหัสเย็บ 42 เข็ม ความที่ผัวตามราวีตลอดเวลา และถูกทำร้ายร่างกายอยู่เสมอ เมียบอกอยู่ต่อไปมันต้องรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ไม่เอาไว้แล้วเข้าแจ้งความเอาผิดผัวทันที พ.ต.อ.อนุชา อ่วมเจริญ ผกก.สนเพชรเกษม ตั้งข้อหา ผู้สามี นายจิรวัฒน์ พูนเจริญ อายุ 35 ปี ฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุได้รับอันตรายแก่ร่างกายจิตใจ ผัวสารภาพแค้นที่ถูกฝ่ายหญิงตีจาก
ส่วนอีกรายผัวขี้หึงสาดน้ำกรดใส่หน้าเมียวัยเอาะ อายุ 18 ปี น.ส.ชาลินี สวัสดี ตำนานรักขมของหนุ่มก่อสร้าง ระแวงเมียสาดน้ำกรดใส่หน้า-ลำตัว ชำระโทสะ น้ำกรดกระเซ็นถูกลูกน้อยวัย 3 ขวบ ที่กำลังน่ารักอยู่ในวัยซุกซนเล่นของเล่นอยู่ข้างแม่ ผัวเฮงซวยไม่สน เลือดขึ้นหน้า หูอื้อ ตาลาย อาการเหมือนหมาบ้า รายนี้ชื่อนายพิเชษฐ์ ทองมล อายุ 26 ปี ผู้เป็นสามี จนเมียและญาติ ๆ ทนกันไม่ได้ต้องเอาเรื่องถึงที่สุด เดินทางทั้งผ้าพันแผลรอบใบหน้าและลำตัว เข้าขอความช่วยเหลือมูลนิธิปวีณา พร้อมบอก ตั้งแต่ตัดสินใจร่วมหัวจมท้ายอยู่กินกันมาโดยไม่ได้จดทะเบียนถูกทุบตีและทะเลาะกันตลอด ครั้งนี้สุดทน เพราะถูกตามล้างแค้นไม่เลิก ข่มขู่ไม่ให้แจ้งความ เกรงจะถูกทำร้ายซ้ำ จำเป็นต้องหาที่พึ่ง จึงมาขอความช่วยเหลือกับ "ป้าปิ๊ก" ซึ่งได้ไปแจ้งความกับร.ต.ท.สุริยา แน่นอุพำ ร้อยเวร สน.ภาษีเจริญ ตำรวจตั้งข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส แม้ตำรวจจะออกหมายจับและตั้งข้อหา แต่ผัวจัญไรก็ยังปากหวาน หยดผ่านมาทาง " ป้าปิ๊ก" ว่าสำนึกผิดแล้ว แม้หน้าตาเมียจะเปลี๊ยนไปก็ยังรักเหมือนเดิม แต่ "ป้าปิ๊ก" และเมียนายพิเชษฐ์ ไม่ได้หลงคารม สวนกลับทันควัน "พิเชษฐ์" เห็นแก่ตัวเกินไป ผู้ที่ถูกน้ำกรดสาดหน้าต้องใช้ชีวิตในสังคม ต้องพบปะพูดคุยกับคนมากหน้า หลายตา ยังไงต้องถูกลงโทษให้ถึงที่สุด เพราะพฤติกรรมเป็นภัยต่อสังคมอย่างมาก
ตามกฎหมายมาตรา 295 ระบุไว้ชัดเจนอยู่แล้ว อันชายใดเมื่อเกิดมาแล้วทำตัวรังแกเมียตัวเอง ทำร้ายร่างกาย เตะ ซ้อม ตบ ตี มีโทษทางอาญาจำคุก 3 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ หากทำร้ายเป็นอันตรายอาการสาหัส ปางตาย ทำให้เสียโฉม ด้วยวิธีใดก็ตาม ตามมาตรา 297 บอกไว้ว่าต้องรับโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่ถ้าทำร้ายร่างกาย โดยใช้อาวุธปืนยิง หรือด้วยการกระทำอื่นใดที่ศาลพิเคราะห์แล้วเป็นการพยายามฆ่า จะต้องโทษหนัก ประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือ จำคุก 50 ปี 30 ปี ขึ้นอยู่ที่ศาลท่านจะชี้ขาด พิจารณาตามพยาน หลักฐานต่าง ๆ ที่ตำรวจสอบสวนสืบหามาประกอบส่งให้อัยการสั่งฟ้องต่อศาล โดยศาลสถิตย์ยุติธรรม จะเป็นผู้ตัดสิน พร้อมตรวจสอบความประพฤติ พฤติการณ์ และตรวจตามคำวินิจฉัยของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จากผู้เชี่ยวชาญนิติเวชวิทยาศาสตร์อ้างอิงตัดสินโทษจะหนักหรือเบา ขึ้นอยู่ที่ดุลยพินิจของศาลสั่งคดี แต่แม้ว่าคู่ผัวตัวเมีย รายใดอาจเปลี่ยนใจไม่ติดใจเอาความกันกลางอากาศกลับลำมาใช้ชีวิตอยู่ครองรักทั้งน้ำตากันอีกครั้ง ทางกฎหมายก็ต้องดำเนินการเอาผิดผัวต่อไปไม่ยกเว้น
ปัญหาครอบครัวเป็นเรื่องสำคัญของคนทุกยุค ทุกสมัย เพศหญิงโดยพฤตินัยก็เสียเปรียบตั้งแต่เกิดอยู่แล้ว แม้ว่าหญิงใดจะมีอาชีพ หาเลี้ยงตัวเองได้ หาเงินเข้าบ้านได้มากกว่าชาย เพราะคนไทยตั้งแต่สมัยโบราณถึงปัจจุบันสิทธิสตรีไม่ทัดเทียมชายอยู่แล้ว ในสังคมเสื่อมทราม ผู้ชายก็มีสิทธิ์กระทำหญิงได้ หากไม่มีความยับยั้งใจ ไม่ควบคุมอารมย์ และไม่มีความเป็นลูกผู้ชายพอ โดยตัวปัญหาพื้นฐานส่วนใหญ่มาจากความประพฤติ การยับยั้งใจ ระดับการศึกษา อารมย์ที่เกิดจากแอลกอฮอล์ ความมึนเมา ดังนั้น ควรเร่งพัฒนาความคิดการดำเนินชีวิตของชาย ให้มีสามัญสำนึกมากขึ้น การที่ใครสักคนจะชั่ว จะเลว ทำร้ายร่างกายเพศที่อ่อนแอกว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่ที่ใจ นิสัย สันดาน ของแต่ละตัวบุคคล ไม่ใช่อาชีพ
เพื่อเป็นการช่วยไกล่เกลี่ยให้ปัญหาผัวเมีย ให้ขึ้นสู่ชั้นศาลน้อยสุด การแก้ปัญหาครอบครัวก็มีกฎหายเกี่ยวกับพระราชบัญญัติมาตรการความรุนแรงของครอบครัว ปี 2550 ออกมาบังคับใช้แล้ว ให้ฝ่ายจนท.รัฐ จะช่วยเจรจาไกล่เกลี่ย หากอีกฝ่ายยินยอมความ เรื่องก็จบ
เรื่องของผัวเมียเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ซึ่งมีกฎหมายใหม่เมื่อปี 50 บัญญัติไว้ชัดเจนว่า ชายใดข่มขืนเมียตัวเอง ที่จดทะเบียนกัน โดยเมียไม่สมยอมจะด้วยเหตุอันใดไม่ว่าจะทำทางทวาร ทางปาก ข่มขู่ให้อีกฝ่ายได้รับความเจ็บปวด หรือเหตุที่เป็นการกระทำจนตนเองสำเร็จความใคร่ถือว่ามีความผิดตามกฎหมายอาญา จำคุก 20 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากภรรยา ข่มขืนใจสามี ทำให้ตนเกิดสุขจนสำเร็จความใคร่ ก็ต้องถูกลงโทษตามกฎหมายเช่นกัน
นอกจากนี้ ยังมีกฎหมายด้านครอบครัวที่ระบุไว้ชัดเจนว่า หญิงใดถูกหลอกลวง จนเป็นเหตุให้ท้อง แต่ไม่ยอมมาแต่งงานและจดทะเบียนด้วย ชายต้องถูกลงโทษคดีอาญา แต่คดีเช่นนี้ถ้ายอมความก็ไม่ต้องติดคุก ติดตะราง หรือ หญิงใดที่อายุไม่เกิน 20 ปี บางคนเต็มใจให้ถูกกระทำทางเพศ โดยการมีเพศสัมพันธ์ แต่ต่อมาคิดกลั่นแกล้งฝ่ายชาย ได้มาแจ้งความเอาผิดว่าถูกข่มขืน ทุกอย่างขึ้นอยู่กับหลักฐานในร่างกายที่ต้องมีการตรวจสอบภายในอย่างละเอียด หากพบเป็นการสมยอมเอง ฝ่ายชายมีสิทธิ์ฟ้องร้องกลับได้ และในกรณีที่อีกฝ่ายนอกใจมีชู้ ทั้งที่ถอนทะเบียนแล้ว และยังไม่หย่าร้างกัน แม้ว่าการหย่าร้างจะเต็มใจหรือถูกหลอกด้วยวธีใดให้ยิมยอม ฝ่ายหญิงมีสิทธิ์เรียกค่าเสียหายได้ แต่ถ้าเงินมันจำนวนมากจนฝ่ายชายไม่มีจ่าย ฝ่ายหญิงก็มีสิทธิ์ฟ้องล้มละลายได้ แต่ถ้าฝ่ายหญิงหลักฐานไม่ชัดจนทำให้พ่ายแพ้ ฝ่ายชายก็ฟ้องกลับได้เหมือนกัน
อันสตรีสุดจะดีก็ที่ผัว?? ถ้าได้ผัวไม่ดีคิดจนตัวตาย คำโบราณก็สอนไว้และสามารถเอามาปรับใช้กับชีวิตประจำวันได้ แต่คนทุกคนจะดีจะชั่วก็ขึ้นอยู่กับตัวเราเอง การกระทำสิ่งใดที่มันเกิดความเลวร้ายต่อผู้อื่นให้พึ่งสังวรณ์ไว้ไม่ควรแม้แต่จะคิดทำ เพราะมันทั้งผิดกฎหมายคดีอาญา ทั้งผู้อื่นได้รับความเดือดร้อน ดังนั้นก่อนตัดสินใจทำร้ายร่างกายคนอื่นให้เอาใจเค้ามาใส่ใจเรา ทุกอย่างขึ้นอยู่ที่ใจดวงเดียวเท่านั้น
การเมืองทรุดโทรม เศรษฐกิจแย่ สังคมเสื่อม การก่อคดีอาชญากรรมมีมาก เป็นเพราะเหตุใด เพราะนิสัยของตัวบุคคล หรือ เพราะสังคมสิ่งแวดล้อมนำพาให้กระทำ ตัวเองเท่านั้นที่รู้จักหักห้ามตนเองไม่ให้คิดทำเรื่องชั่วร้าย ทำให้ผู้อื่นเจ็บปวด ได้รับบาดเจ็บเกิดความเจ็บในหัวใจสร้างความเสียหายต่อร่างกาย จนต้องขึ้นโรงขึ้นศาล
ยุคน้ำมันแพง! เมื่อเศรษฐกิจ และการแก้ปัญหาระดับชาติไม่มีศักยภาพพอเพียง ปัญหาอาชญากรรมก็ยิ่งทวีคูณในความถี่เกิดขึ้นรายวันไม่ว่าจะเป็นฉก ชิง วิ่งราวทรัพย์ จี้ ปล้น ฆ่า ข่มขืน แม้ล่าสุด "เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์" รองผบ.ตร. ป. 1 จะกำชับลูกน้องระดับล่างให้เข้มงวดกวดขันสอดส่องกับการจู่โจมไล่ล่า ป้องกันเหตุจี้ ปล้นธนาคาร ร้านค้าทอง ก็ยังคงมีโจรแสบ กล้าลองดี ก่อเหตุกันทุกวี่วัน เวลา เมื่อเศรษฐกิจย่ำแย่ ความจนเข้ามาเยือนปัญหาครอบครัวก็ตามมา ผัวเมียละเหี่ยใจ จากเคยทะเลาะ เบาะแว้งกันอยู่บ่อยครั้ง ก็ยิ่งเครียดหาเรื่องวิวาทกันใช้ลาดบ้านเป็นเวทีมวย กระทำต่อหน้าลูก ๆ บางครอบครัวรุนแรงถึงขั้น ใช้ ส.แข้งทองซ้อมเมียไม่หนำใจ จำเป็นต้องใช้มีดคัตเตอร์กรีดหน้า ดั่งเช่นเมื่อต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ผัวโหดหึงหวงเมียสาวนางนุสรา พูนเจริญ อายุ 23 ปี ทำงานในร้านเอสแอนพี มีลูกด้วยกัน 3 คน ความที่ทะเลาะ และถูกผัวตบตีบ่อยครั้ง ก็เลยหนีไปอยู่บ้านเพื่อนนาน 3 เดือน เพศหญิงสายเลือดผูกพันลูก และห่วงใยลูกเสมอเมื่อถึงวันเกิดของลูกก็ไม่ลืม หักห้ามใจในความคิดถึงลูกไม่ไหว เลยมาหาลูกกะจะเป่าเค้กและอยู่พร้อมหน้ากัน พ่อ แม่ ลูก อย่างอบอุ่น ผัวพิเรนเกิดอารมณ์หึง บวกกับโกรธที่เมียตัวดีหนีหน้าไปนาน จังหวะเมียนั่งเล่นกับลูก ผัวตัวแสบใช้มีดคัตเตอร์กระหน่ำกรีดหน้า กรีดหู กรีดแขน อย่างไม่ยั้ง จนเมียบาดเจ็บสาหัสเย็บ 42 เข็ม ความที่ผัวตามราวีตลอดเวลา และถูกทำร้ายร่างกายอยู่เสมอ เมียบอกอยู่ต่อไปมันต้องรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ไม่เอาไว้แล้วเข้าแจ้งความเอาผิดผัวทันที พ.ต.อ.อนุชา อ่วมเจริญ ผกก.สนเพชรเกษม ตั้งข้อหา ผู้สามี นายจิรวัฒน์ พูนเจริญ อายุ 35 ปี ฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุได้รับอันตรายแก่ร่างกายจิตใจ ผัวสารภาพแค้นที่ถูกฝ่ายหญิงตีจาก
ส่วนอีกรายผัวขี้หึงสาดน้ำกรดใส่หน้าเมียวัยเอาะ อายุ 18 ปี น.ส.ชาลินี สวัสดี ตำนานรักขมของหนุ่มก่อสร้าง ระแวงเมียสาดน้ำกรดใส่หน้า-ลำตัว ชำระโทสะ น้ำกรดกระเซ็นถูกลูกน้อยวัย 3 ขวบ ที่กำลังน่ารักอยู่ในวัยซุกซนเล่นของเล่นอยู่ข้างแม่ ผัวเฮงซวยไม่สน เลือดขึ้นหน้า หูอื้อ ตาลาย อาการเหมือนหมาบ้า รายนี้ชื่อนายพิเชษฐ์ ทองมล อายุ 26 ปี ผู้เป็นสามี จนเมียและญาติ ๆ ทนกันไม่ได้ต้องเอาเรื่องถึงที่สุด เดินทางทั้งผ้าพันแผลรอบใบหน้าและลำตัว เข้าขอความช่วยเหลือมูลนิธิปวีณา พร้อมบอก ตั้งแต่ตัดสินใจร่วมหัวจมท้ายอยู่กินกันมาโดยไม่ได้จดทะเบียนถูกทุบตีและทะเลาะกันตลอด ครั้งนี้สุดทน เพราะถูกตามล้างแค้นไม่เลิก ข่มขู่ไม่ให้แจ้งความ เกรงจะถูกทำร้ายซ้ำ จำเป็นต้องหาที่พึ่ง จึงมาขอความช่วยเหลือกับ "ป้าปิ๊ก" ซึ่งได้ไปแจ้งความกับร.ต.ท.สุริยา แน่นอุพำ ร้อยเวร สน.ภาษีเจริญ ตำรวจตั้งข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส แม้ตำรวจจะออกหมายจับและตั้งข้อหา แต่ผัวจัญไรก็ยังปากหวาน หยดผ่านมาทาง " ป้าปิ๊ก" ว่าสำนึกผิดแล้ว แม้หน้าตาเมียจะเปลี๊ยนไปก็ยังรักเหมือนเดิม แต่ "ป้าปิ๊ก" และเมียนายพิเชษฐ์ ไม่ได้หลงคารม สวนกลับทันควัน "พิเชษฐ์" เห็นแก่ตัวเกินไป ผู้ที่ถูกน้ำกรดสาดหน้าต้องใช้ชีวิตในสังคม ต้องพบปะพูดคุยกับคนมากหน้า หลายตา ยังไงต้องถูกลงโทษให้ถึงที่สุด เพราะพฤติกรรมเป็นภัยต่อสังคมอย่างมาก
ตามกฎหมายมาตรา 295 ระบุไว้ชัดเจนอยู่แล้ว อันชายใดเมื่อเกิดมาแล้วทำตัวรังแกเมียตัวเอง ทำร้ายร่างกาย เตะ ซ้อม ตบ ตี มีโทษทางอาญาจำคุก 3 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ หากทำร้ายเป็นอันตรายอาการสาหัส ปางตาย ทำให้เสียโฉม ด้วยวิธีใดก็ตาม ตามมาตรา 297 บอกไว้ว่าต้องรับโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่ถ้าทำร้ายร่างกาย โดยใช้อาวุธปืนยิง หรือด้วยการกระทำอื่นใดที่ศาลพิเคราะห์แล้วเป็นการพยายามฆ่า จะต้องโทษหนัก ประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือ จำคุก 50 ปี 30 ปี ขึ้นอยู่ที่ศาลท่านจะชี้ขาด พิจารณาตามพยาน หลักฐานต่าง ๆ ที่ตำรวจสอบสวนสืบหามาประกอบส่งให้อัยการสั่งฟ้องต่อศาล โดยศาลสถิตย์ยุติธรรม จะเป็นผู้ตัดสิน พร้อมตรวจสอบความประพฤติ พฤติการณ์ และตรวจตามคำวินิจฉัยของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จากผู้เชี่ยวชาญนิติเวชวิทยาศาสตร์อ้างอิงตัดสินโทษจะหนักหรือเบา ขึ้นอยู่ที่ดุลยพินิจของศาลสั่งคดี แต่แม้ว่าคู่ผัวตัวเมีย รายใดอาจเปลี่ยนใจไม่ติดใจเอาความกันกลางอากาศกลับลำมาใช้ชีวิตอยู่ครองรักทั้งน้ำตากันอีกครั้ง ทางกฎหมายก็ต้องดำเนินการเอาผิดผัวต่อไปไม่ยกเว้น
ปัญหาครอบครัวเป็นเรื่องสำคัญของคนทุกยุค ทุกสมัย เพศหญิงโดยพฤตินัยก็เสียเปรียบตั้งแต่เกิดอยู่แล้ว แม้ว่าหญิงใดจะมีอาชีพ หาเลี้ยงตัวเองได้ หาเงินเข้าบ้านได้มากกว่าชาย เพราะคนไทยตั้งแต่สมัยโบราณถึงปัจจุบันสิทธิสตรีไม่ทัดเทียมชายอยู่แล้ว ในสังคมเสื่อมทราม ผู้ชายก็มีสิทธิ์กระทำหญิงได้ หากไม่มีความยับยั้งใจ ไม่ควบคุมอารมย์ และไม่มีความเป็นลูกผู้ชายพอ โดยตัวปัญหาพื้นฐานส่วนใหญ่มาจากความประพฤติ การยับยั้งใจ ระดับการศึกษา อารมย์ที่เกิดจากแอลกอฮอล์ ความมึนเมา ดังนั้น ควรเร่งพัฒนาความคิดการดำเนินชีวิตของชาย ให้มีสามัญสำนึกมากขึ้น การที่ใครสักคนจะชั่ว จะเลว ทำร้ายร่างกายเพศที่อ่อนแอกว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่ที่ใจ นิสัย สันดาน ของแต่ละตัวบุคคล ไม่ใช่อาชีพ
เพื่อเป็นการช่วยไกล่เกลี่ยให้ปัญหาผัวเมีย ให้ขึ้นสู่ชั้นศาลน้อยสุด การแก้ปัญหาครอบครัวก็มีกฎหายเกี่ยวกับพระราชบัญญัติมาตรการความรุนแรงของครอบครัว ปี 2550 ออกมาบังคับใช้แล้ว ให้ฝ่ายจนท.รัฐ จะช่วยเจรจาไกล่เกลี่ย หากอีกฝ่ายยินยอมความ เรื่องก็จบ
เรื่องของผัวเมียเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ซึ่งมีกฎหมายใหม่เมื่อปี 50 บัญญัติไว้ชัดเจนว่า ชายใดข่มขืนเมียตัวเอง ที่จดทะเบียนกัน โดยเมียไม่สมยอมจะด้วยเหตุอันใดไม่ว่าจะทำทางทวาร ทางปาก ข่มขู่ให้อีกฝ่ายได้รับความเจ็บปวด หรือเหตุที่เป็นการกระทำจนตนเองสำเร็จความใคร่ถือว่ามีความผิดตามกฎหมายอาญา จำคุก 20 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากภรรยา ข่มขืนใจสามี ทำให้ตนเกิดสุขจนสำเร็จความใคร่ ก็ต้องถูกลงโทษตามกฎหมายเช่นกัน
นอกจากนี้ ยังมีกฎหมายด้านครอบครัวที่ระบุไว้ชัดเจนว่า หญิงใดถูกหลอกลวง จนเป็นเหตุให้ท้อง แต่ไม่ยอมมาแต่งงานและจดทะเบียนด้วย ชายต้องถูกลงโทษคดีอาญา แต่คดีเช่นนี้ถ้ายอมความก็ไม่ต้องติดคุก ติดตะราง หรือ หญิงใดที่อายุไม่เกิน 20 ปี บางคนเต็มใจให้ถูกกระทำทางเพศ โดยการมีเพศสัมพันธ์ แต่ต่อมาคิดกลั่นแกล้งฝ่ายชาย ได้มาแจ้งความเอาผิดว่าถูกข่มขืน ทุกอย่างขึ้นอยู่กับหลักฐานในร่างกายที่ต้องมีการตรวจสอบภายในอย่างละเอียด หากพบเป็นการสมยอมเอง ฝ่ายชายมีสิทธิ์ฟ้องร้องกลับได้ และในกรณีที่อีกฝ่ายนอกใจมีชู้ ทั้งที่ถอนทะเบียนแล้ว และยังไม่หย่าร้างกัน แม้ว่าการหย่าร้างจะเต็มใจหรือถูกหลอกด้วยวธีใดให้ยิมยอม ฝ่ายหญิงมีสิทธิ์เรียกค่าเสียหายได้ แต่ถ้าเงินมันจำนวนมากจนฝ่ายชายไม่มีจ่าย ฝ่ายหญิงก็มีสิทธิ์ฟ้องล้มละลายได้ แต่ถ้าฝ่ายหญิงหลักฐานไม่ชัดจนทำให้พ่ายแพ้ ฝ่ายชายก็ฟ้องกลับได้เหมือนกัน
อันสตรีสุดจะดีก็ที่ผัว?? ถ้าได้ผัวไม่ดีคิดจนตัวตาย คำโบราณก็สอนไว้และสามารถเอามาปรับใช้กับชีวิตประจำวันได้ แต่คนทุกคนจะดีจะชั่วก็ขึ้นอยู่กับตัวเราเอง การกระทำสิ่งใดที่มันเกิดความเลวร้ายต่อผู้อื่นให้พึ่งสังวรณ์ไว้ไม่ควรแม้แต่จะคิดทำ เพราะมันทั้งผิดกฎหมายคดีอาญา ทั้งผู้อื่นได้รับความเดือดร้อน ดังนั้นก่อนตัดสินใจทำร้ายร่างกายคนอื่นให้เอาใจเค้ามาใส่ใจเรา ทุกอย่างขึ้นอยู่ที่ใจดวงเดียวเท่านั้น