อดีตกรรมาธิการวิสามัญ คณะกรรมาธิการศาสนา ฐานะโจทก์ร่วม จากเช่า “พระสมเด็จเหนือหัว” เข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวัน ฐานได้รับความเสียหาย โดยนำสำเนาหนังสือของมูลนิธิอัฐมราชานุสรณ์ใช้ประกอบพิจารณาเอาผิด “เสี่ยอู๊ด” และพวก ลั่นจะเดินหน้าฟ้องร้องคดีให้ถึงที่สุด
วันนี้ (16 ก.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 11.30 น. นายสงกรานต์ อัจฉริยะทรัพย์ อายุ 39 ปี อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชามติ จ.นนทบุรี และอดีตกรรมาธิการวิสามัญ คณะกรรมาธิการศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ปี 2547 อยู่บ้านเลขที่ 36/2 หมู่ 6 ถนนตลิ่งชัน-สุพรรณบุรี ต.บางใหญ่ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นผู้เสียหายจากการเช่าบูชา “พระสมเด็จเหนือหัว” ได้นำสำเนาหนังสือของมูลนิธิอัฏฐมราชานุสรณ์ ที่ พิเศษ/2550 ลงวันที่ 25 มิถุนายน 2550 เรื่องขอความอนุเคราะห์จัดสร้างพระสมเด็จเหนือหัว ถึง บริษัท ไดมอนด์ ฮิลล์ จำกัด เพื่อจัดสร้างพระสมเด็จเหนือหัว เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.จตุพร งามสุวิชชากุล พนักงานสอบสวน ฝป.10 บก.ป.เพื่อลงบันทึกประจำวันไว้สำหรับใช้ประกอบการพิจารณาคดีที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง หลังจากได้ฟ้องบริษัท ไดมอนด์ ฮิลล์ จำกัด นายสิทธิกร บุญฉิม และนายก้องไกร ลิ้มจรูญ เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานร่วมกันขายของโดยหลอกลวง ซึ่งศาลมีคำสั่งประทับรับฟ้องแล้ว เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคมที่ผ่านมา
นายสงกรานต์ กล่าวว่า ตนได้พบหนังสือที่ออกโดยมูลนิธิอัฏฐมราชานุสรณ์ฉบับนี้ มีเนื้อหาที่ถือว่าเป็นสาระสำคัญในย่อหน้าซึ่งมีข้อความระบุว่า “อนึ่ง การขอความอนุเคราะห์จากบริษัท ไดมอนด์ ฮิลล์ จำกัด ในการสร้างพระสมเด็จเหนือหัว ครั้งนี้ หากเกิดความเสียหายหรือไม่บรรลุวัตถุประสงค์ ทางมูลนิธิอัฏฐมราชานุสรณ์จะไม่ถือเป็นความผิดของบริษัท ไดมอนด์ ฮิลล์ จำกัด และบุคคลของบริษัทฯ แต่ประการใด” โดยข้อความดังกล่าวทางทนายจำเลยได้เตรียมใช้เป็นหลักฐานในการต่อสู้คดีในชั้นศาล
“การที่ทางมูลนิธิอัฏฐมราชานุสรณ์ ออกหนังสือและระบุข้อความไว้เช่นนี้ทำให้ตนต้องมาลงบันทึกประจำวันไว้กับพนักงานสอบสวน และตนจะฟ้องคดีเพิ่มเติมที่ศาลอาญา เอาผิดกับทางมูลนิธิอัฏฐมราชานุสรณ์ พระวิสุทธาธิบดี วัดสุทัศนเทพวราราม บริษัท ไดมอนด์ ฮิลล์ นายสิทธิกร และนายก้องไกร เป็นจำเลยที่ 1-6 ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน” นายสงกรานต์ กล่าว
นายสงกรานต์ กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีที่ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้สรุปสำนวนคดีสั่งฟ้องนายสิทธิกร ในความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค ฐานฉ้อโกงประชาชนและข้อหาอื่นรวม 4 ข้อหา โดยส่งให้อัยการสั่งฟ้องคดีในชั้นศาล ซึ่งคดียังอยู่ระหว่างการพิจารณายังไม่มีคำพิพากษาจากศาล ตนก็จะขอให้อัยการรวมเป็นคดีเดียวกันในฐานะโจทก์ร่วม โดยจะเดินทางไปที่ศาลอาญา เพื่อฟ้องคดีในวันที่ 21 กรกฎาคมนี้ เวลา 11.00 น.
วันนี้ (16 ก.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 11.30 น. นายสงกรานต์ อัจฉริยะทรัพย์ อายุ 39 ปี อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชามติ จ.นนทบุรี และอดีตกรรมาธิการวิสามัญ คณะกรรมาธิการศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ปี 2547 อยู่บ้านเลขที่ 36/2 หมู่ 6 ถนนตลิ่งชัน-สุพรรณบุรี ต.บางใหญ่ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นผู้เสียหายจากการเช่าบูชา “พระสมเด็จเหนือหัว” ได้นำสำเนาหนังสือของมูลนิธิอัฏฐมราชานุสรณ์ ที่ พิเศษ/2550 ลงวันที่ 25 มิถุนายน 2550 เรื่องขอความอนุเคราะห์จัดสร้างพระสมเด็จเหนือหัว ถึง บริษัท ไดมอนด์ ฮิลล์ จำกัด เพื่อจัดสร้างพระสมเด็จเหนือหัว เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.จตุพร งามสุวิชชากุล พนักงานสอบสวน ฝป.10 บก.ป.เพื่อลงบันทึกประจำวันไว้สำหรับใช้ประกอบการพิจารณาคดีที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง หลังจากได้ฟ้องบริษัท ไดมอนด์ ฮิลล์ จำกัด นายสิทธิกร บุญฉิม และนายก้องไกร ลิ้มจรูญ เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานร่วมกันขายของโดยหลอกลวง ซึ่งศาลมีคำสั่งประทับรับฟ้องแล้ว เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคมที่ผ่านมา
นายสงกรานต์ กล่าวว่า ตนได้พบหนังสือที่ออกโดยมูลนิธิอัฏฐมราชานุสรณ์ฉบับนี้ มีเนื้อหาที่ถือว่าเป็นสาระสำคัญในย่อหน้าซึ่งมีข้อความระบุว่า “อนึ่ง การขอความอนุเคราะห์จากบริษัท ไดมอนด์ ฮิลล์ จำกัด ในการสร้างพระสมเด็จเหนือหัว ครั้งนี้ หากเกิดความเสียหายหรือไม่บรรลุวัตถุประสงค์ ทางมูลนิธิอัฏฐมราชานุสรณ์จะไม่ถือเป็นความผิดของบริษัท ไดมอนด์ ฮิลล์ จำกัด และบุคคลของบริษัทฯ แต่ประการใด” โดยข้อความดังกล่าวทางทนายจำเลยได้เตรียมใช้เป็นหลักฐานในการต่อสู้คดีในชั้นศาล
“การที่ทางมูลนิธิอัฏฐมราชานุสรณ์ ออกหนังสือและระบุข้อความไว้เช่นนี้ทำให้ตนต้องมาลงบันทึกประจำวันไว้กับพนักงานสอบสวน และตนจะฟ้องคดีเพิ่มเติมที่ศาลอาญา เอาผิดกับทางมูลนิธิอัฏฐมราชานุสรณ์ พระวิสุทธาธิบดี วัดสุทัศนเทพวราราม บริษัท ไดมอนด์ ฮิลล์ นายสิทธิกร และนายก้องไกร เป็นจำเลยที่ 1-6 ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน” นายสงกรานต์ กล่าว
นายสงกรานต์ กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีที่ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้สรุปสำนวนคดีสั่งฟ้องนายสิทธิกร ในความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค ฐานฉ้อโกงประชาชนและข้อหาอื่นรวม 4 ข้อหา โดยส่งให้อัยการสั่งฟ้องคดีในชั้นศาล ซึ่งคดียังอยู่ระหว่างการพิจารณายังไม่มีคำพิพากษาจากศาล ตนก็จะขอให้อัยการรวมเป็นคดีเดียวกันในฐานะโจทก์ร่วม โดยจะเดินทางไปที่ศาลอาญา เพื่อฟ้องคดีในวันที่ 21 กรกฎาคมนี้ เวลา 11.00 น.