xs
xsm
sm
md
lg

ศาลนัดฟังคำสั่ง “สมเกียรติ” ฟ้องหมิ่น “การุณ” ให้ร้าย 23 ก.ค.นี้

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ในวันที่เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายการุณ
ศาลนัดฟังคำสั่งคดีที่ “สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์” ฟ้อง “การุณ โหสกุล” หมิ่นประมาท ให้สัมภาษณ์กล่าวว่าใช้วาจาหยาบคาย ศาลพยายามไกล่เกลี่ยแต่ไม่สำเร็จ นัดฟังคำสั่งคดี 23 ก.ค.นี้

วันนี้ (14 ก.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น.ที่ห้องพิจารณาคดี 809 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องคดีนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.แบบสัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายการุณ หรือเก่ง โหสกุล ส.ส.กทม.พรรคพลังประชาชน เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา สืบเนื่องจากกรณีเมื่อวันที่ 3 เม.ย.51 นายการุณให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์รายการวิทยุคลื่น FM 90.5 ทำนองว่านายสมเกียรติใช้วาจาหยาบคายด่าทอ ระหว่างการอภิปรายในสภา เมื่อวันที่ 2 เม.ย. จนกระทั่งเกิดเหตุนายการุณทำร้ายร่างกายนายสมเกียรติ

วันนี้ นายสมเกียรติ โจทก์เดินทางมาศาลเพื่อเตรียมเบิกความ อย่างไรก็ตาม ก่อนเริ่มการไต่สวน ศาลเสนอแนวทางให้สองฝ่ายไกล่เกลี่ยประนีประนอมกัน ซึ่งโจทก์แสดงความประสงค์ให้จำเลยกล่าวขอโทษต่อหน้าศาล พร้อมทั้งตีพิมพ์ข้อความขอโทษลงหนังสือพิมพ์ จำนวน 1 ฉบับ แต่ทนายความจำเลยได้โทรศัพท์แจ้งแนวทางการเจรจาให้นายการุณทราบแล้ว ทนายความแถลงต่อศาลว่าจำเลย รับข้อเสนอที่จะให้กล่าวขอโทษต่อหน้าศาล แต่ไม่ยินยอมตีพิมพ์ข้อความขอโทษลงหนังสือพิมพ์ การเจรจาจึงไม่สามารถตกลงกันได้ ศาลจึงสั่งให้ดำเนินการไต่สวนมูลฟ้อง

ต่อมา นายสมเกียรติ โจทก์จึงขึ้นเบิกความเป็นพยานปากแรก สรุปว่า เมื่อวันที่ 2 เม.ย. 51 จำเลยทำร้ายร่างกายโจทก์ด้วยการใช้เท้าถีบบริเวณท้องน้อย เหตุเกิดภายในอาคารรัฐสภา ต่อมาวันที่ 3 เม.ย.51 จำเลยได้ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ทางสถานีวิทยุ 90.5 ทำนองว่า โจทก์ใช้วาจาหยาบคาย และกล่าวหาว่าเป็นพวกปลุกปั่นระดมฆ่า มาจากการล้มล้างระบอบประชาธิปไตย มาจากการปฏิวัติรัฐประหาร โดยในวันเดียวกันจำเลยยังให้สัมภาษณ์ผ่านโทรศัพท์ในรายการ สยามเช้าวันนี้ ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ช่อง 5 ทำนองว่า โจทก์ขึ้นเวทีพันธมิตรฯ ประกาศว่าตนเองเป็นคนกู้ชาติ ที่ทำให้เกิดการปฏิวัติ แล้วได้รับเลือกจากพรรคประชาธิปัตย์ให้เข้าสู่กระบวนการเป็น ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ เข้ามาทำงานในสภา ซึ่งการกระทำของจำเลยทำให้โจทก์เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ทำให้ผู้ได้ฟังเข้าใจว่าโจทก์เป็นคนไม่ดี ประพฤติตนไม่เหมาะสม ปลุกระดมให้มีการฆ่า และทำลายประชาชน ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ทั้งที่ความจริงแล้วโจทก์ยึดมั่นในวิถีทางที่เป็นประชาธิปไตย

ภายหลัง นายสมเกียรติเบิกความเสร็จสิ้นแล้ว นำพยานขึ้นเบิกความอีก 2 ปาก ประกอบด้วย นายอมร อมรรัตนานนท์ และนายยุทธยง ลิ้มเลิศวาที ผู้ดำเนินรายการสภากาแฟของสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี ซึ่งพยานทั้งสอง เบิกความทำนองเดียวกันว่า การให้สัมภาษณ์ของจำเลยทำให้ประชาชนทั่วไปที่ได้รับฟัง เกิดความเกลียดชัง เข้าใจว่าโจทก์ประพฤติตนไม่เหมาะสม ไม่ควรคบค้าสมาคมด้วย ทั้งที่ความจริงโจทก์เป็นบุคคลที่ทำประโยชน์ให้กับสังคม เครือข่ายเกษตรกร และคนยากจน

ขณะที่ทนายความจำเลย พยายามซักถามพยานโจทก์ทั้งสามปากว่า การที่จำเลยพูดข้อความดังกล่าว ทำประชาชนมาฟังแกนนำพันธมิตรฯ น้อยลงหรือไม่ และทำให้ความน่าเชื่อถือต่อตัวโจทก์ลดลงหรือไม่โจทก์ ซึ่งพยานโจทก์ทั้งสามปาก เบิกความไปในทางเดียวกันว่า ไม่ได้ทำให้ประชาชนมาฟังน้อยลง ซึ่งคนที่ใกล้ชิดและรับทราบข้อมูล ข้อเท็จจริง ยังคงเชื่อถือโจทก์เหมือนเดิม แต่สำหรับประชาชนทั่วไปที่ไม่ทราบข้อเท็จจริง อาจไม่เชื่อถือโจทก์ ภายหลังศาลไต่สวนพยานโจทก์ทั้งสามปากแล้ว ได้นัดฟังคำสั่งวันที่ 23 ก.ค.เวลา 10.00 น.
กำลังโหลดความคิดเห็น