หนุ่มใหญ่ถังแตก! บุกเดี่ยวจี้แบงก์กรุงเทพแต่ไปไม่รอด

หนุ่มใหญ่เครียดธุรกิจพังติดหนี้พนันมวย โรคร้ายรุมเร้า บุกเดี่ยวควงมีดจี้ชิงทรัพย์ธนาคารกรุงเทพ สาขาพระราม 2 ภายในห้างโลตัส ก่อนใช้มีดจี้พนักงาน โชคดี รปภ.พลเมืองดีเห็นเหตุการณ์เข้ามาช่วยจนสามารถจับกุมตัว สารภาพ ตั้งใจมาชิงทรัพย์เพียงต้องการเงินเท่านั้น เหตุที่เลือกลงมือเพราะเห็นว่ามีคนน้อย

วันนี้ (11 ก.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น.พ.ต.ท.ชาตรี พรทวีวัฒน์ พนักงานสอบสวน สน.ท่าข้าม ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายใช้อาวุธมีดชิงทรัพย์เจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงเทพ ภายในห้างสรรพสินค้าโลตัส สาขาพระราม 2 ถ.พระราม 2 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กทม.จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พล.ต.ต.ปราโมช ปทุมวงศ์ ผบก.น.9 และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ท่าข้าม

เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุพบเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย พลเมืองดี กำลังควบคุมตัวคนร้ายอยู่ในสภาพทุลักทุเล ต่อมาทราบชื่อคนร้าย คือ นายวรดร ธนก่อพิมล อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 94/33 หมู่ 8 แขวงและเขตบางบอน กทม.พร้อมของกลาง อาวุธมีดทำครัว ยาวประมาณ 5 นิ้ว จำนวน 1 เล่ม ประกอบกับมีอาการบาดเจ็บบริเวณต้นแขนซ้าย ก่อนจะควบคุมตัวส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีที่ สน.ท่าข้าม

จากการสอบสวน นางสุมาลี วงศ์พานิช อายุ45 ปี เจ้าหน้าที่อำนวยบริการอาวุโส ธ.กรุงเทพฯ ให้การว่า เมื่อช่วงเวลาเกิดเหตุนั้นเป็นเวลาที่ธนาคารเปิดทำงาน ซึ่งตอนเกิดเหตุขณะที่ตนเองและพนักงานอีก 1 คน กำลังเดินกลับจากไปเก็บเงินสดที่ตู้ ATM ด้านข้างของธนาคารภายในห้างโลตัส เป็นจำนวน 5 กล่อง รวมเป็นเงินสดกว่า 4 ล้านบาท จากนั้นก็เดินเข้าประตูของธนาคารเพื่อนำเงินไปเก็บ ระหว่างนั้นคนร้ายก็ได้ใช้ตัวเบียดและดันประตูเพื่อที่จะเข้ามาด้านใน พร้อมกับล็อกคอตน และบอกไม่ให้ส่งเสียงร้อง ตนวางกล่องเงินและดันไม่ให้คนร้ายเข้ามาโดยส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ จนกระทั่งพนักงานวิ่งเข้ามาช่วยเหลือ ทำให้คนร้ายตกใจและวิ่งหลบหนีไปทางด้านข้างของห้าง ซึ่งตนและพนักงาน รปภ.ของห้างได้วิ่งตามคนร้ายไปจนกระทั่งถึงบริเวณป้ายรถเมล์ฝั่งถนนพระราม 2

“คนร้ายพยายามจะวิ่งขึ้นรถเมล์สาย 147 แต่ฉัน และ รปภ.ได้ตะโกนและส่งสัญญาณไม่ให้คนขับรถเมล์จอด คนขับรถจึงรีบปิดประตูทำให้คนร้ายใช้อาวุธมีดตรงเข้าไปจี้รถซูปุรุ 4 ล้อเล็ก ทำให้ผู้โดยสารและคนขับต่างรีบวิ่งลงจากรถเพื่อหลบหนี คนร้ายจึงหันไปโบกรถแท็กซี่และเปิดประตูพร้อมกับใช้อาวุธมีดจี้ให้คนขับพาหลบหนี แต่คนขับรถแท็กซี่เปิดประตูลงจากรถหลบหนีออกมา คนร้ายไม่สามารถหลบหนีไปไหนได้ ทำให้ รปภ.และชาวบ้านช่วยกันจับกุมคนร้ายเอาไว้และโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาควบคุมตัวในที่สุด” นางสุมาลี กล่าว

จากการสอบปากคำ นายวรดร ให้การรับสารภาพว่า ตนตั้งใจที่จะมาก่อเหตุชิงทรัพย์จริง เนื่องจากต้องการเงินเพราะตอนนี้ตนไม่ได้ประกอบอาชีพอะไรและไม่มีครอบครัว แต่ก่อนหน้านี้เคยเปิดกิจการขายก๋วยเตี๋ยวอยู่ในย่านบางขุนเทียนชายทะเทียนชายทะเลชื่อร้าน “หนวดเกาเหลาเนื้อ” แต่ก็ต้องปิดกิจการเซ้งร้านเพื่อไปใช้หนี้พนันมวย นอกจากนี้ตนยังมีโรคประจำตัวรุมเร้า ทั้งโรคหัวใจ โรคเอดส์ สาเหตุที่เลือกก่อเหตุชิงทรัพย์ธนาคารภายในห้างเพราะผู้คนไม่พลุกพล่าน ถ้าเป็นธนาคารภายนอกคนจะเยอะทำให้ก่อเหตุยาก

ด้าน พล.ต.ต.ปราโมช ปทุมวงศ์ ผบก.น.9 กล่าวว่า คนร้ายให้การรับสารภาพว่าตั้งใจที่จะมาก่อเหตุจริงโดยให้การว่าไม่ได้มีการวางแผนหรือร่วมมือกับใคร เหตุที่ลงมือเพียงเพราะต้องการเงินและเห็นว่าธนาคารภายในห้างคนไม่เยอะเหมือนธนาคารด้านนอก เบื้องต้นได้ให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำผู้ต้องหาอย่างละเอียดก่อนจะแจ้งข้อหาชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธมีด และพกพาอาวุธมีดไปในที่สาธารณะ

ต่อมาเวลา 13.30 น.พ.ต.ท.ชาตรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ท่าข้ามได้ควบคุมตัว นายวรดร ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่บริเวณธนาคารกรุงเทพ สาขาย่อยเทสโก้โลตัสพระราม 2 ท่ามกลางประชาชนที่มามุงดูเป็นจำนวนมาก โดยจุดแรกเป็นจุดที่ผู้ต้องหาเดินเข้าไปในห้างสรรสินค้าเทสโก้โลตัส จากนั้นก็นั่งรออยู่ที่บริเวณหน้าธนาคาร เมื่อเจ้าหน้าที่ธนาคารจะนำกล่องเงินเข้าไปเก็บด้านในธนาคารผู้ต้องหาได้ดันประตูเพื่อที่จะเข้าไปด้านในพร้อมกับล๊อกคอพนักงานเพื่อที่จะชิงเงินแต่มีพนักงานมาช่วยเอาไว้ทำให้ต้องหลบหนี จุดที่ 2 อยู่บริเวณป้ายรถเมล์ด้านข้างของห้างซึ่งคนร้ายพยายามใช้อาวุธมีดจี้รถต่างๆ เพื่อใช้ในการหลบหนีแต่ไม่สำเร็จจนกระทั่งมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัว จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัวผู้ต้องหากลับไปที่ สน.เพื่อสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง