ตร.โรงพักหัวหมาก จับกุม 2 เกลอชาวมาเลเซีย ออกอาละวาดตระเวนใช้บัตรเครดิตปลอมรูดซื้อของราคาแพงในห้างบิ๊กซี หัวหมาก ผู้ต้องหารับสารภาพมีหัวหน้าแก๊งเป็นชาวจีน ลอบเข้าเมืองไทยมาทำงานรูดบัตรเครดิตซื้อของโดยเฉพาะ ได้ส่วนแบ่ง 5 เปอร์เซ็นต์จากราคาของแบ่งกันวันต่อวัน ส่วนอีกรตกงานย่องขโมยพระ ตร.สายตรวจจับคาหนังคาเขาพร้อมของกลางพระเครื่อง 30 รายการ
วันนี้ (11 ก.ค.) เมื่อเวลา 12.30 น.ที่ สน.หัวหมาก พ.ต.อ.วัฒนา ยี่จีน ผกก.สน.หัวหมาก พ.ต.ทโชติวัฒน์ เหลืองวิลัย รอง ผผก.ป.สน.หัวหมาก พ.ต.ต.พิพัฒน์ เต็งถาวร สว.สส.สน.หัวหมาก พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.หัวหมาก ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายโมซาฟิน โมอิชา อายุ 33 ปี สัญชาติมาเลเซีย และ นายลอง เกียน ฮงอายุ 31 ปี สัญชาติมาเลเซีย พร้อมของกลางบัตรเครดิตปลอมของธนาคารต่างๆ รวม 4 ใบ หนังสือเดินทางปลอมจำนวน 2 เล่ม
พ.ต.อ.วัฒนา เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ธนาคารกสิกรไทย ได้ทำการเฝ้าระวังป้องกันคนร้ายนำบัตรเครดิตปลอมมาใช้รูดซื้อสินค้าอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งเมื่อเวลา 15.30 น.วานนี้ (10 ก.ค.) ทางธนาคารได้แจ้งมายังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ว่า มีคนร้ายใช้บัตรเครดิตปลอมมาใช้รูดซื้อสินค้าในห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขาหัวหมาก จึงรีบรุดไปตรวจสอบก็พบ นายโมซาฟิน กำลังใช้บัตรเครดิต ปลอมรูดซื้อโทรศัพท์มือถือ มูลค่า 11,900 บาท จึงเข้าจับกุมตัวเอาไว้ได้
พ.ต.อ.วัฒนา กล่าวต่อว่า ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งอีกว่ามีคนร้ายอีกรายกำลังใช้บัตรเครดิตปลอมรูดซื้อสินค้าอยู่ภายในห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขาเอกมัย จึงรุดไปตรวจสอบก็พบ นายลอง เกียน ฮง กำลังใช้บัตรเครดิต รูดซื้อสินค้า 2 รายการ ราคา 50,000 บาท จึงเข้าจับกุมเอาไว้ได้ก่อนควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนมาสอบปากคำที่ สน.หัวหมาก
พ.ต.อ.วัฒนา กล่าวต่อว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งสองคนให้การรับสารภาพว่าเป็นคนร้ายแก๊งเดียวกัน โดยเมื่อสัปดาห์ก่อนหัวหน้าแก๊งชาวจีนที่ชื่อ นายปีเตอร์ เป็นคนพาสมาชิกในแก๊งจำนวน 5 คน เข้ามาในประเทศไทย พร้อมทั้งยึดพาสปอร์ตตัวจริงเอาไว้ แล้วแจกพาสปอร์ตปลอม และบัตรเครดิตปลอมให้กับสมาชิกในแก๊งเอาไว้ ก่อนจะพาไปปล่อยไว้ตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ เพื่อให้เข้าไปรูดซื้อสินค้า โดยจะเน้นจำพวกโทรศัพท์มือถือ สุรา บุหรี่ ที่มีราคาแพงที่สุดไว้ก่อน
หลังจากนั้น ทั้งหมดก็จะกลับไปรวมตัวกันเพื่อนำสินค้าที่ได้มาให้กับนายปีเตอร์ โดยทั้งสองคนจะได้ส่วนแบ่งเป็นเงิน 5 เปอร์เซ็นต์ จากราคาสินค้าที่รูดซื้อมาได้ ซึ่งผู้ต้องหาแก๊งนี้จะมีการเคลียร์เงินกันแบบวันต่อวัน ซึ่งเจ้าหน้าที่เชื่อว่า ยังมีผู้ต้องหาแก๊งนี้อีกหลายคนที่ยังตระเวนใช้บัตรเครดิตปลอมรูดซื้อสินค้าอยู่ จึงอยากฝากให้ผู้ประกอบการทั้งหมดที่อยู่ในห้างสรรพสินค้าให้ระมัดระวังตัวไว้ด้วย หากมีชาวต่างชาติท่าทางมิพิรุธใช้บัตรเครดิตมารูดซื้อสินค้าหรือหากไม่แน่ใจในตัวบัตรก็ขอให้ติดต่อกับธนาคารเจ้าของบัตรเครดิตโดยตรงทันที
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาปลอมและใช้เอกสารปลอม, ปลอมบัตรอิเล็กทรอนิกส์ และใช้และมีไว้เพื่อใช้โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน, พยายามฉ้อโกง,เป็นบุคคลต่างด้าวไม่ผ่านเมืองตามช่องทางหรือด่านตรวจคนเข้าเมือง และไม่ยื่นรายการตามแบบที่กำหนดต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองประจำเส้นทาง และเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางอันถูกต้องและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต
นอกจากนี้ พ.ต.อ.วัฒนา กล่าวด้วยว่า เมื่อช่วง 21.00 น.วานนี้ (10 ก.ค.) ขณะที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนกำลังออกตรวจพื้นที่อยู่บริเวณหมู่บ้านสวนสน ภายในชุมชนสวนสน ซอย 9 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ ก็พบ นายวัชรพงษ์ พันโกศล อายุ 25 ปี กำลังปีนออกมาจากบ้านไม่มีเลขที่ ภายในชุมชนดังกล่าว จึงเรียกทำการตรวจค้นก็พบของกลางเป็นพระพุทธรูป และพระเครื่อง จำนวน 30 รายการ จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน พร้อมรับสารภาพว่า ตกงานไม่มีเงิน จึงเข้าไปขโมยพระพุทธรูปไปขาย จึงแจ้งข้อหาลักทรัพย์หรือลักของโจร ก่อนควบคุมตัวไปดำเนินคดีต่อไป
วันนี้ (11 ก.ค.) เมื่อเวลา 12.30 น.ที่ สน.หัวหมาก พ.ต.อ.วัฒนา ยี่จีน ผกก.สน.หัวหมาก พ.ต.ทโชติวัฒน์ เหลืองวิลัย รอง ผผก.ป.สน.หัวหมาก พ.ต.ต.พิพัฒน์ เต็งถาวร สว.สส.สน.หัวหมาก พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.หัวหมาก ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายโมซาฟิน โมอิชา อายุ 33 ปี สัญชาติมาเลเซีย และ นายลอง เกียน ฮงอายุ 31 ปี สัญชาติมาเลเซีย พร้อมของกลางบัตรเครดิตปลอมของธนาคารต่างๆ รวม 4 ใบ หนังสือเดินทางปลอมจำนวน 2 เล่ม
พ.ต.อ.วัฒนา เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ธนาคารกสิกรไทย ได้ทำการเฝ้าระวังป้องกันคนร้ายนำบัตรเครดิตปลอมมาใช้รูดซื้อสินค้าอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งเมื่อเวลา 15.30 น.วานนี้ (10 ก.ค.) ทางธนาคารได้แจ้งมายังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ว่า มีคนร้ายใช้บัตรเครดิตปลอมมาใช้รูดซื้อสินค้าในห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขาหัวหมาก จึงรีบรุดไปตรวจสอบก็พบ นายโมซาฟิน กำลังใช้บัตรเครดิต ปลอมรูดซื้อโทรศัพท์มือถือ มูลค่า 11,900 บาท จึงเข้าจับกุมตัวเอาไว้ได้
พ.ต.อ.วัฒนา กล่าวต่อว่า ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งอีกว่ามีคนร้ายอีกรายกำลังใช้บัตรเครดิตปลอมรูดซื้อสินค้าอยู่ภายในห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขาเอกมัย จึงรุดไปตรวจสอบก็พบ นายลอง เกียน ฮง กำลังใช้บัตรเครดิต รูดซื้อสินค้า 2 รายการ ราคา 50,000 บาท จึงเข้าจับกุมเอาไว้ได้ก่อนควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนมาสอบปากคำที่ สน.หัวหมาก
พ.ต.อ.วัฒนา กล่าวต่อว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งสองคนให้การรับสารภาพว่าเป็นคนร้ายแก๊งเดียวกัน โดยเมื่อสัปดาห์ก่อนหัวหน้าแก๊งชาวจีนที่ชื่อ นายปีเตอร์ เป็นคนพาสมาชิกในแก๊งจำนวน 5 คน เข้ามาในประเทศไทย พร้อมทั้งยึดพาสปอร์ตตัวจริงเอาไว้ แล้วแจกพาสปอร์ตปลอม และบัตรเครดิตปลอมให้กับสมาชิกในแก๊งเอาไว้ ก่อนจะพาไปปล่อยไว้ตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ เพื่อให้เข้าไปรูดซื้อสินค้า โดยจะเน้นจำพวกโทรศัพท์มือถือ สุรา บุหรี่ ที่มีราคาแพงที่สุดไว้ก่อน
หลังจากนั้น ทั้งหมดก็จะกลับไปรวมตัวกันเพื่อนำสินค้าที่ได้มาให้กับนายปีเตอร์ โดยทั้งสองคนจะได้ส่วนแบ่งเป็นเงิน 5 เปอร์เซ็นต์ จากราคาสินค้าที่รูดซื้อมาได้ ซึ่งผู้ต้องหาแก๊งนี้จะมีการเคลียร์เงินกันแบบวันต่อวัน ซึ่งเจ้าหน้าที่เชื่อว่า ยังมีผู้ต้องหาแก๊งนี้อีกหลายคนที่ยังตระเวนใช้บัตรเครดิตปลอมรูดซื้อสินค้าอยู่ จึงอยากฝากให้ผู้ประกอบการทั้งหมดที่อยู่ในห้างสรรพสินค้าให้ระมัดระวังตัวไว้ด้วย หากมีชาวต่างชาติท่าทางมิพิรุธใช้บัตรเครดิตมารูดซื้อสินค้าหรือหากไม่แน่ใจในตัวบัตรก็ขอให้ติดต่อกับธนาคารเจ้าของบัตรเครดิตโดยตรงทันที
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาปลอมและใช้เอกสารปลอม, ปลอมบัตรอิเล็กทรอนิกส์ และใช้และมีไว้เพื่อใช้โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน, พยายามฉ้อโกง,เป็นบุคคลต่างด้าวไม่ผ่านเมืองตามช่องทางหรือด่านตรวจคนเข้าเมือง และไม่ยื่นรายการตามแบบที่กำหนดต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองประจำเส้นทาง และเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางอันถูกต้องและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต
นอกจากนี้ พ.ต.อ.วัฒนา กล่าวด้วยว่า เมื่อช่วง 21.00 น.วานนี้ (10 ก.ค.) ขณะที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนกำลังออกตรวจพื้นที่อยู่บริเวณหมู่บ้านสวนสน ภายในชุมชนสวนสน ซอย 9 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ ก็พบ นายวัชรพงษ์ พันโกศล อายุ 25 ปี กำลังปีนออกมาจากบ้านไม่มีเลขที่ ภายในชุมชนดังกล่าว จึงเรียกทำการตรวจค้นก็พบของกลางเป็นพระพุทธรูป และพระเครื่อง จำนวน 30 รายการ จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน พร้อมรับสารภาพว่า ตกงานไม่มีเงิน จึงเข้าไปขโมยพระพุทธรูปไปขาย จึงแจ้งข้อหาลักทรัพย์หรือลักของโจร ก่อนควบคุมตัวไปดำเนินคดีต่อไป
