xs
xsm
sm
md
lg

“ดีเอสไอ” ยัน “วัฒนา” หลบหนี ไม่กระทบคดีรุกป่ากะปง

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม
“ทวี” มาแปลกไม่สน “วัฒนา” หลบหนีหมายจับศาลฎีกาคดีคลองด่าน ทั้งๆ ที่เป็นจำเลยในคดีบุกรุกที่สาธารณะป่ากะปง 1 หมื่นไร่ ยัน ไม่ส่งผลกระทบต่อคดีที่ นายวัฒนา ร่วมตกเป็นจำเลย ชี้ มีจำเลยในคดีหลายคน ระบุ หากเห็นว่าคดีล่าช้าอัยการพิเศษต้องร้องต่อศาล เพื่อแยกพิจารณาคดีเฉพาะจำเลยที่ได้ตัวมาขึ้นศาล เพื่อให้คดีดำเนินต่อไป

วันนี้ (10 ก.ค.) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงผลกระทบในการพิจารณาคดีบุกรุกที่สาธารณะป่ากะปง อ.กะปง จ.พังงา ประมาณ 1 หมื่นไร่ ที่ นายวัฒนา อัศวเหม ตกเป็นจำเลย หลัง นายวัฒนา หลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษาในคดีทุจริตการก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน จนถูกศาลฎีกาออกหมายจับ ว่า คงไม่ส่งผลกระทบต่อคดีบุกรุกป่ากะปง เพราะคดีดังกล่าวมีจำเลยหลายคน โดย นายวัฒนา ก็เป็นหนึ่งในจำเลยคดีดังกล่าวด้วย ทั้งนี้ หาก นายวัฒนา ไม่มาศาลอาญาระหว่างการพิจารณาคดีบุรุกป่ากะปง จะขึ้นอยู่กับอัยการคดีพิเศษว่าจะยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อแยกสืบพยานหรือไม่ เพราะขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบพยานโจทก์ ซึ่งตามกฎหมายต้องสืบพยานโจทย์ต่อหน้าจำเลย กรณีดังกล่าวหากอัยการเห็นว่าจำเลยหลบหนีทำให้คดีล่าช้า สามารถยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อแยกพิจารณาคดีเฉพาะจำเลยที่ได้ตัวมาขึ้นศาล เพื่อให้กระบวนการพิจารณาคดีดำเนินไปได้จนศาลมีคำพิพากษา ส่วนจำเลยที่หลบหนี หากได้ตัวเมื่อไหร่ ก็จะแยกพิจารณาคดีอีกครั้งต่อไป

สำหรับคดีบุกรุกป่ากะปง จ.พังงา นั้นเมื่อวันที่ 30 พ.ย.2549 พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง บริษัท อินเตอร์ปาล์มออยล์ อินดัสทรีส์ จำกัด, นายสุนทร ปานแสงทอง, นายวิสุทธิ์ พัธโนทัย, นายธนพล อินทนันท์, นายธนัชเดช หรือ สุวพล หรือยาเดช อินทวงศ์, นายกริชเพชร ทาแดง หรือ นายกริชรณเพชร ภาดาแดง, นายปรีชา เกตุสวัสดิ์, นางประภาพรณ์ บัวบูชา หรือ ผานิตสุวรรณ, น.ส.สุนีย์ ภิญญภาพ และ นายกนก ส่งสัมพันธ์ ซึ่งเป็นกรรมการบริษัท และ นายวัฒนา อัศวเหม อดีต รมช.มหาดไทย เป็นจำเลยที่ 1-11 ในความผิด พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 และ พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484

โดยระบุว่า ระหว่างวันที่ 11 เม.ย.2529-27 ธ.ค.2548 จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นบริษัทจำกัด และจำเลยที่ 2-10 ซึ่งเป็นกรรมการบริษัท และจำเลยที่ 11 ร่วมกับพวกอีกหลายคน ร่วมกันก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า และเข้ายึดครองป่าเพื่อตนเองเป็นเนื้อที่รวม 8,735 ไร่ 1 งาน 27 ตารางวา โดยเข้าไปยึดครองป่าสงวนแห่งชาติที่เป็นต้นน้ำลำธาร เนื้อที่ 987 ไร่ 81 ตารางวา และยึดถือครอบครองพื้นที่ที่เป็นป่า เนื้อที่ 7,748 ไร่ 46 ตารางวาโดยไม่ได้รับอนุญาต เหตุเกิดที่ ต.รมณีย์ ต.เหล ต.ท่านา อ.กะปง จ.พังงา โดยจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ ตลอดข้อกล่าวหา และขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาคดีของศาลอาญา
กำลังโหลดความคิดเห็น