ญาติของนักเรียนโรงเรียนบ้านคาวิทยา ที่ถูกคนร้ายซุ่มกราดยิงรถรับส่งนักเรียนจนเสียชีวิต 3 ศพ ร้องกองปราบอีกครั้ง ถึงการติดตามจับกุมคนร้าย ที่ไม่มีความคืบหน้า ยืนยัน สาเหตุมาจากคนขับรถนักเรียนมีปัญหาขัดแย้งกับคนมีสีในพื้นที่ แต่ตำรวจไม่เคยเรียกตัวมาสอบสวน
วันนี้ (10 ก.ค.) ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นายสุชิน ทองคำ อายุ 70 ปี บิดาของ ด.ญ.วาสนา ทองคำ อายุ 14 ปี นายฉลอง นางทองสุข และ นายมนตรี อู่ตะเภา บิดา มารดาและพี่ชายของ ด.ช.กฤษดา อู่ตะเภา อายุ 15 ปี และ นางสมศรี วรรณะ อายุ 53 ปี มารดาของ ด.ช.ประสิทธิ์ วรรณะ อายุ 15 ปี ทั้งหมดเป็นผู้ปกครองของนักเรียนที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์คนร้ายลอบยิงรถรับส่งนักเรียนโรงเรียนบ้านคาวิทยา อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2545 พร้อมด้วยผู้ปกครองของนักเรียนที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าวรวม 10 คน ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผกก.ฝป.7 บก.ป.เพื่อร้องทุกข์ให้ตำรวจกองบังคับการปราบปรามดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดี เนื่องจากตำรวจก็ยังไม่สามารถจับกุมคนร้ายที่แท้จริงมาดำเนินคดีได้
นายสุชิน กล่าวว่า สาเหตุที่เข้าร้องทุกข์ในครั้งนี้ เนื่องจากคดีผ่านมากว่า 6 ปีแล้ว จึงเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม ที่ผ่านมา ตำรวจได้ออกหมายจับผู้ต้องหา 3 ราย โดยมีการจับกุมนายจอบิ แต่ต่อมาศาลจังหวัดราชบุรีได้พิพากษายกฟ้องไปแล้ว ส่วนผู้ต้องหาอีก 2 รายที่เหลือ ตำรวจยังไม่สามารถจับกุมตัวมาดำเนินคดีได้ ทั้งที่ยังอยู่ในพื้นที่ ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่ก็ไม่มั่นใจว่า ผู้ต้องหาอีก 2 รายนั้นมีตัวตนหรือไม่ สำหรับสาเหตุชาวบ้านก็ทราบดีว่า มาจากกรณีที่คนขับรถรับส่งนักเรียนในวันเกิดเหตุได้มีปัญหาขัดแย้งกับคนมีสีในพื้นที่ แต่ทางตำรวจกลับไม่เคยเรียกตัวมาสอบสวน
นายสุชิน กล่าวต่อว่า ตนและญาติของนักเรียนที่เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ครั้งนั้น ต้องอยู่กันอย่างหวาดผวา เพราะคนร้ายมีความเกี่ยวพันกับผู้มีอิทธิพลระดับจังหวัด และหากวันใดวันหนึ่งพวกตนไปมีเรื่องขัดแย้งกับกลุ่มอิทธิพลดังกล่าว ก็อาจได้รับอันตราย จึงอยากให้ตำรวจติดตามคดีนี้และปราบปรามผู้มีอิทธิพลในพื้นที่อย่างจริงจัง
ขณะที่ นางสมศรี กล่าวว่า รู้สึกหมดกำลังใจที่จะมีชีวิตอยู่ เพราะลูกเสียชีวิตมานาน แต่ตำรวจยังไม่สามารถจับคนร้ายได้ ตนอายุมากแล้ว ถ้าจะตายก็อยากตายตาหลับ และอยากเห็นคนร้ายถูกจับกุมและดำเนินคดี ทุกวันนี้ก็รู้ว่าคนที่เกี่ยวข้องเป็นใคร แต่เจ้าหน้าที่ก็ทำอะไรไม่ได้
“ดิฉันเคยมาร้องทุกข์ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว แต่คดีก็ไม่มีความคืบหน้า ส่วนตำรวจในท้องที่นั้น ดิฉันไม่มีความคาดหวังว่าจะทำคดีนี้ให้บริสุทธิ์ยุติธรรมได้ เพราะในพื้นที่มีกลุ่มผู้มีอิทธิพลอยู่มาก และที่เดินทางมาวันนี้เขาก็รู้ ที่ผ่านมาพยานซึ่งเป็นเพื่อนของลูก ที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วยก็ไม่กล้าพูด และไม่กล้าบอกอะไร ถูกข่มขู่ให้บอกว่า ตอนเกิดเหตุนอนหลับอยู่บนรถไม่เห็นอะไร” นางสมศรี กล่าว
ด้าน พ.ต.อ.พรศักดิ์ กล่าวว่า ได้รับปากผู้เสียหายและยืนยันว่า จะดำเนินคดีนี้ให้ถึงที่สุด เพื่อความเป็นธรรม ซึ่งเบื้องต้นจะต้องสืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่เหลืออีก 2 ราย ซึ่งถูกออกหมายจับไว้แล้วมาดำเนินคดีให้ได้ และหากพบพยานหลักฐานใหม่ ที่สามารถเชื่อมโยงไปถึงกลุ่มบุคคลอื่นว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้ จะติดตามจับกุมมาดำเนินคดีทั้งหมด โดยจะดำเนินการสืบสวนสอบสวนในทางลับ และไม่เกี่ยวข้องกับที่ตำรวจ สภ.บ้านคา อย่างไรก็ตาม ได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.สมบัติ มาลัย พนักงานสอบสวน ฝป.7 บก.ป.สอบปากคำผู้เสียหายเพื่อรวบรวมข้อมูลให้ได้มากที่สุดก่อนจะลงพื้นที่สืบสวนสอบสวนต่อไป