ตร.คุม 3 โจรปล้นแบงก์บัวหลวง สาขาสุวรรณภูมิ กวาด 3.3 ล้าน เข้ากรุง “พัชรวาท” นำทีมแถลง หลัง ตร.ระดมกำลังไล่ล่า ก่อนรวบตัวได้ทั้งหมด พร้อมเงินของกลาง สารภาพอย่างไม่อาย ต้องการเงิน และมีความแค้นจากการถูกไล่ออกจากเป็น รปภ.ของธนาคาร จึงได้ก่อเหตุ ด้านแบงก์บัวหลวงใจป้ำ มอบ 4 แสน ขอบคุณที่ ตร.ที่สามารถจับกุมคนร้ายได้อย่างรวดเร็ว
วันนี้ (24 มิ.ย.) เมื่อเวลา 17.00 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.พร้อมด้วย พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร.ปป.3 พล.ต.ท.ฉลอง สนใจ ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.วิทยา ประยงค์พันธุ์ ผบก.ภ.จว.สมุทราปราการ และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายสมควร สีวรรณา อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 137 ม.1 ต.หัวหิน อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ อาชีพขับรถแท็กซี่ ทะเบียน ลฮ 3390 นายศิริศักดิ์ ยอดเจริญ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 34/13 ม.3 แขวงหลักสี่ เขตตลาดบางเขน กทม.อดีตคนขับรถสาธารณะในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายสุพัชฌาย์หรือ บุญเกลี้ยง ภูถูกหมอก อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1 ม.8 ต.หัวหิน อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ อดีต รปภ.ธนาคารกรุงเทพ สาขาสุวรรณภูมิ ผู้ต้องหาร่วมกันปล้นธนาคารกรุงเทพ สาขาสุวรรณภูมิ พร้อมของกลาง เงินสดจำนวน 3.2 ล้านบาท อาวุธปืนขนาด .38 จำนวน 2 กระบอก สร้อยคอทองคำที่ได้จากพนักงาน จำนวน 2 เส้น โทรศัพท์มือถือที่ได้จากพนักงานจำนวน 3 เครื่อง
พล.ต.ท.ฉลอง กล่าวว่า สืบเนื่องจากเกิดเหตุคนร้าย 2 คน บุกปล้นธนาคารกรุงเทพ สาขาสุวรรณภูมิ เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 22 มิถุนายน ที่ผ่านมา ซึ่งคนร้าย 2 คน ดังกล่าวประกอบด้วย นายสุพัชฌาย์ อดีต รปภ.ของธนาคารถูกให้ออก เนื่องจากไม่ผ่านการประเมิน เมื่อเดือนมิ.ย.2550 และ นายศิริศักดิ์ โดยวันเกิดเหตุ นายสุพัชฌาย์ ได้สวมหมวกไหมพรมคลุมหน้า ส่วน นายศิริศักดิ์ ไม่ได้คลุมหน้า ได้ใช้อาวุธปืนจี้พนักงาน โดย นายศิริศักดิ์ เป็นคนลงมือทำร้ายพนักงานในธนาคาร ก่อนที่จะกวาดเอาทรัพย์สิน เงินสดของธนาคาร ประมาณ 3.31 ล้านบาท จากนั้นทั้งสองคนก็วิ่งหลบหนีไปขึ้นรถกระบะนิสสัน ฟรอนเทียร์ สีดำ หมายเลขทะเบียน ณน 5509 กทม.ของ นายสมควร ที่จอดรออยู่ที่ลานจอดรถ
พล.ต.ท.ฉลอง กล่าวต่อว่า จากนั้นทั้ง 3 คน ก็ได้หลบหนี โดย นายสมควร ได้ขับรถไปส่ง นายศิริศักดิ์ และ นายสุพัชฌาย์ ที่บ้านไม่มีเลขที่ บ้านทรัพย์หินขวาง อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี ซึ่งเป็นบ้านภรรยา นายศิริศักดิ์ โดยถึงเมื่อเวลา 12.00 น.ของวันที่ 22 มิ.ย.จากนั้น นายสมควร ก็ได้ขับรถกลับบ้านที่บ้านเลขที่ 144/113 ม.6 ต.คลองมะเดื่อ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร
“หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจกระจายกำลังหลายชุดเข้าจับกุม ชุดหนึ่งติดตามจับกุม นายศิริศักดิ์ และ นายสุพัชฌาย์ ที่ จ.ลพบุรี ซึ่งพบว่าได้หลบหนีขึ้นไปอยู่บนเขาห่างจากบ้านประมาณ 300-400 เมตร เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ประสานกองบินตำรวจ ส่งเฮลิคอปเตอร์บินกดดันอยู่หลายชั่วโมง จนสามารถจับกุมตัวได้ ตรวจค้นภายในตัวทั้งสองคนในตัว นายศิริศักดิ์พบเงินสดจำนวน 3.6 แสนบาท ส่วน นายสุพัชฌาย์ มีเงินในตัว 1.1 ล้าน และเมื่อไปตรวจค้นในบ้านพบเงินอีก 1.1 ล้านบาท บรรจุอยู่ในไหฝังดินอยู่ใต้ถุนบ้าน” ผบช.ภ.1 กล่าว
พล.ต.ท.ฉลอง กล่าวอีกว่า ส่วนชุดจับกุมอีกชุดได้ติดตามจับกุมตัวนายสมควรได้ที่บ้านที่ อ.กระทุ่มแบน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำหมายค้นเลขที่ 189/51 ศาลจังหวัดสมุทรสาคร ลงวันที่ 24 มิ.ย.2551 เข้าตรวจค้นเพื่อหาเงินของกลาง โดยพบเงินสดจำนวน 5 แสนบาท ใส่กระเป๋ารัดเอวซ่อนไว้ที่ฝ้าเพดานชั้น 2 ส่วนอีก 6 หมื่นบาท นายสมควร ได้ใส่ถุงพลาสติกไปโยนทิ้งไว้ในป่าปรือ ข้างทางภายในซอยเล้าเป็ด ห่างจากบ้านเล็กน้อย ซึ่งเงินดังกล่าวนายสมควร ได้รับส่วนแบ่ง มาจำนวน 6 แสนบาท แต่ได้ใช้ไปแล้วจำนวน 4 หมื่นบาท เพื่อใช้หนี้และซื้อของที่ต้องการ
ผบช.ภ.1 กล่าวว่า จากการสืบสวนทราบว่า นายศิริศักดิ์ และ นายสุพัชฌาย์ ได้วางแผนก่อเหตุประมาณ 1 เดือน มีข้อมูลพบว่าทั้ง 3 คน นัดเจอกันเมื่อวันที่ 16 มิ.ย.ที่ กรุงเทพฯ ซึ่งคาดว่าจะมีการวางแผนกันก่อนหน้านั้น โดยได้จ้างนายสมควรมาขับรถให้เป็นเงิน 6 แสนบาท จากการตรวจสอบประวัติอาชญากร พบว่า นายสุพัชฌาย์ เคยถูกจับเมื่อหลายก่อนในข้อหาเสพยาเสพติด และมีประวัติติดการพนัน มีภรรยาหลายคน จึงต้องใช้เงินเยอะ ส่วนอีก 2 คนจากการตรวจสอบประวัติยังไม่พบว่าเคยก่อเหตุมาก่อน
ด้าน พล.ต.ท.ฉลอง กล่าวว่า ดคีที่ทำให้สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้อย่างรวดเร็วภายใน 2 วันเนื่องจากมีเบาะแสสำคัญจากภาพวงจรปิดของธนาคารที่เห็นภาพคนร้ายที่สวมหมวกไหมพรมทำท่าจุปากส่งสัญญาณให้พนักงานในธนาคารเงียบ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรู้ว่าเป็นคนในที่รู้จักกับพนักงานภายในธนาคาร คดีนี้จะระดมพนักงานสอบสวนเพื่อสรุปสำนวนให้ได้ภายในสัปดาห์หน้า เพราะเป็นคดีที่เกิดขึ้นในสนามบินนานาชาติกระทบต่อหน้าตาของประเทศ
พล.ต.ท.จงรัก กล่าวว่า จากนี้ไปเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องทำการสืบสวนต่อว่า คนร้ายทั้งหมดได้กระทำครั้งแรกหรือไม่ และให้ประชาชนหรือธนาคารต่างๆ ที่เคยถูกก่อเหตุก่อนหน้านี้หากจำได้ว่าเคยก่อเหตุกระทำความผิดก็ให้มาแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้นำตัวผู้ต้องหามาให้ดูตัว
ด้าน พล.ต.ต.คำรณวิทย์ กล่าวว่า สาเหตุจากการก่อเหตุของผู้ต้องหานอกจากต้องการเงินแล้วส่วนหนึ่งมาจากความแค้นที่ถูกไล่ออกจากงานก่อนหน้านี้ทำงานเป็น รปภ.ที่ธนาคารกรุงเทพสำนักงานใหญ่สีลม แต่ไม่ผ่านงานจึงย้ายไปที่สาขาสุวรรณภูมิ ก็ถูกให้ออกทำให้แค้นหวนหลับมาปล้น และสังเกตได้จากพนักงานที่ถูกทำร้ายตีที่ศรีษะเป็นคนที่เข้มงวดคอยจับผิดการทำงานตลอด
ขณะที่ นายสุพัชฌาย์ ให้การรับสารภาพว่า ได้ร่วมกับเพื่อนก่อเหตุจริง โดยได้วางแผนปล้นธนาคารประมาณ 3 วัน เพื่อเอาเงินไปเก็บไว้ใช้ และก็คิดเหมือนกันว่าจะถูกจับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการแถลงข่าว นางรัชนี นพเมือง ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้อำนวยการลูกค้าบุคคลนครหลวง ธนาคารกรุงเทพ ได้มอบกระเช้าดอกไม้ และเงินรางวัลนำจับจำนวน 4 แสนบาทให้กับ พล.ต.อ.พัชรวาท เพื่อเป็นกำลังใจให้กับการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งพล.ต.อ.พัชรวาท ได้มอบเงินทั้งหมดพร้อมเงินสดส่วนตัวอีกจำนวนหนึ่งให้กับ พล.ต.ท.ฉลอง พร้อมกล่าวชมเชยการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำได้อย่างรวดเร็ว
วันนี้ (24 มิ.ย.) เมื่อเวลา 17.00 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.พร้อมด้วย พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร.ปป.3 พล.ต.ท.ฉลอง สนใจ ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.วิทยา ประยงค์พันธุ์ ผบก.ภ.จว.สมุทราปราการ และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายสมควร สีวรรณา อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 137 ม.1 ต.หัวหิน อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ อาชีพขับรถแท็กซี่ ทะเบียน ลฮ 3390 นายศิริศักดิ์ ยอดเจริญ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 34/13 ม.3 แขวงหลักสี่ เขตตลาดบางเขน กทม.อดีตคนขับรถสาธารณะในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายสุพัชฌาย์หรือ บุญเกลี้ยง ภูถูกหมอก อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1 ม.8 ต.หัวหิน อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ อดีต รปภ.ธนาคารกรุงเทพ สาขาสุวรรณภูมิ ผู้ต้องหาร่วมกันปล้นธนาคารกรุงเทพ สาขาสุวรรณภูมิ พร้อมของกลาง เงินสดจำนวน 3.2 ล้านบาท อาวุธปืนขนาด .38 จำนวน 2 กระบอก สร้อยคอทองคำที่ได้จากพนักงาน จำนวน 2 เส้น โทรศัพท์มือถือที่ได้จากพนักงานจำนวน 3 เครื่อง
พล.ต.ท.ฉลอง กล่าวว่า สืบเนื่องจากเกิดเหตุคนร้าย 2 คน บุกปล้นธนาคารกรุงเทพ สาขาสุวรรณภูมิ เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 22 มิถุนายน ที่ผ่านมา ซึ่งคนร้าย 2 คน ดังกล่าวประกอบด้วย นายสุพัชฌาย์ อดีต รปภ.ของธนาคารถูกให้ออก เนื่องจากไม่ผ่านการประเมิน เมื่อเดือนมิ.ย.2550 และ นายศิริศักดิ์ โดยวันเกิดเหตุ นายสุพัชฌาย์ ได้สวมหมวกไหมพรมคลุมหน้า ส่วน นายศิริศักดิ์ ไม่ได้คลุมหน้า ได้ใช้อาวุธปืนจี้พนักงาน โดย นายศิริศักดิ์ เป็นคนลงมือทำร้ายพนักงานในธนาคาร ก่อนที่จะกวาดเอาทรัพย์สิน เงินสดของธนาคาร ประมาณ 3.31 ล้านบาท จากนั้นทั้งสองคนก็วิ่งหลบหนีไปขึ้นรถกระบะนิสสัน ฟรอนเทียร์ สีดำ หมายเลขทะเบียน ณน 5509 กทม.ของ นายสมควร ที่จอดรออยู่ที่ลานจอดรถ
พล.ต.ท.ฉลอง กล่าวต่อว่า จากนั้นทั้ง 3 คน ก็ได้หลบหนี โดย นายสมควร ได้ขับรถไปส่ง นายศิริศักดิ์ และ นายสุพัชฌาย์ ที่บ้านไม่มีเลขที่ บ้านทรัพย์หินขวาง อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี ซึ่งเป็นบ้านภรรยา นายศิริศักดิ์ โดยถึงเมื่อเวลา 12.00 น.ของวันที่ 22 มิ.ย.จากนั้น นายสมควร ก็ได้ขับรถกลับบ้านที่บ้านเลขที่ 144/113 ม.6 ต.คลองมะเดื่อ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร
“หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจกระจายกำลังหลายชุดเข้าจับกุม ชุดหนึ่งติดตามจับกุม นายศิริศักดิ์ และ นายสุพัชฌาย์ ที่ จ.ลพบุรี ซึ่งพบว่าได้หลบหนีขึ้นไปอยู่บนเขาห่างจากบ้านประมาณ 300-400 เมตร เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ประสานกองบินตำรวจ ส่งเฮลิคอปเตอร์บินกดดันอยู่หลายชั่วโมง จนสามารถจับกุมตัวได้ ตรวจค้นภายในตัวทั้งสองคนในตัว นายศิริศักดิ์พบเงินสดจำนวน 3.6 แสนบาท ส่วน นายสุพัชฌาย์ มีเงินในตัว 1.1 ล้าน และเมื่อไปตรวจค้นในบ้านพบเงินอีก 1.1 ล้านบาท บรรจุอยู่ในไหฝังดินอยู่ใต้ถุนบ้าน” ผบช.ภ.1 กล่าว
พล.ต.ท.ฉลอง กล่าวอีกว่า ส่วนชุดจับกุมอีกชุดได้ติดตามจับกุมตัวนายสมควรได้ที่บ้านที่ อ.กระทุ่มแบน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำหมายค้นเลขที่ 189/51 ศาลจังหวัดสมุทรสาคร ลงวันที่ 24 มิ.ย.2551 เข้าตรวจค้นเพื่อหาเงินของกลาง โดยพบเงินสดจำนวน 5 แสนบาท ใส่กระเป๋ารัดเอวซ่อนไว้ที่ฝ้าเพดานชั้น 2 ส่วนอีก 6 หมื่นบาท นายสมควร ได้ใส่ถุงพลาสติกไปโยนทิ้งไว้ในป่าปรือ ข้างทางภายในซอยเล้าเป็ด ห่างจากบ้านเล็กน้อย ซึ่งเงินดังกล่าวนายสมควร ได้รับส่วนแบ่ง มาจำนวน 6 แสนบาท แต่ได้ใช้ไปแล้วจำนวน 4 หมื่นบาท เพื่อใช้หนี้และซื้อของที่ต้องการ
ผบช.ภ.1 กล่าวว่า จากการสืบสวนทราบว่า นายศิริศักดิ์ และ นายสุพัชฌาย์ ได้วางแผนก่อเหตุประมาณ 1 เดือน มีข้อมูลพบว่าทั้ง 3 คน นัดเจอกันเมื่อวันที่ 16 มิ.ย.ที่ กรุงเทพฯ ซึ่งคาดว่าจะมีการวางแผนกันก่อนหน้านั้น โดยได้จ้างนายสมควรมาขับรถให้เป็นเงิน 6 แสนบาท จากการตรวจสอบประวัติอาชญากร พบว่า นายสุพัชฌาย์ เคยถูกจับเมื่อหลายก่อนในข้อหาเสพยาเสพติด และมีประวัติติดการพนัน มีภรรยาหลายคน จึงต้องใช้เงินเยอะ ส่วนอีก 2 คนจากการตรวจสอบประวัติยังไม่พบว่าเคยก่อเหตุมาก่อน
ด้าน พล.ต.ท.ฉลอง กล่าวว่า ดคีที่ทำให้สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้อย่างรวดเร็วภายใน 2 วันเนื่องจากมีเบาะแสสำคัญจากภาพวงจรปิดของธนาคารที่เห็นภาพคนร้ายที่สวมหมวกไหมพรมทำท่าจุปากส่งสัญญาณให้พนักงานในธนาคารเงียบ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรู้ว่าเป็นคนในที่รู้จักกับพนักงานภายในธนาคาร คดีนี้จะระดมพนักงานสอบสวนเพื่อสรุปสำนวนให้ได้ภายในสัปดาห์หน้า เพราะเป็นคดีที่เกิดขึ้นในสนามบินนานาชาติกระทบต่อหน้าตาของประเทศ
พล.ต.ท.จงรัก กล่าวว่า จากนี้ไปเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องทำการสืบสวนต่อว่า คนร้ายทั้งหมดได้กระทำครั้งแรกหรือไม่ และให้ประชาชนหรือธนาคารต่างๆ ที่เคยถูกก่อเหตุก่อนหน้านี้หากจำได้ว่าเคยก่อเหตุกระทำความผิดก็ให้มาแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้นำตัวผู้ต้องหามาให้ดูตัว
ด้าน พล.ต.ต.คำรณวิทย์ กล่าวว่า สาเหตุจากการก่อเหตุของผู้ต้องหานอกจากต้องการเงินแล้วส่วนหนึ่งมาจากความแค้นที่ถูกไล่ออกจากงานก่อนหน้านี้ทำงานเป็น รปภ.ที่ธนาคารกรุงเทพสำนักงานใหญ่สีลม แต่ไม่ผ่านงานจึงย้ายไปที่สาขาสุวรรณภูมิ ก็ถูกให้ออกทำให้แค้นหวนหลับมาปล้น และสังเกตได้จากพนักงานที่ถูกทำร้ายตีที่ศรีษะเป็นคนที่เข้มงวดคอยจับผิดการทำงานตลอด
ขณะที่ นายสุพัชฌาย์ ให้การรับสารภาพว่า ได้ร่วมกับเพื่อนก่อเหตุจริง โดยได้วางแผนปล้นธนาคารประมาณ 3 วัน เพื่อเอาเงินไปเก็บไว้ใช้ และก็คิดเหมือนกันว่าจะถูกจับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการแถลงข่าว นางรัชนี นพเมือง ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้อำนวยการลูกค้าบุคคลนครหลวง ธนาคารกรุงเทพ ได้มอบกระเช้าดอกไม้ และเงินรางวัลนำจับจำนวน 4 แสนบาทให้กับ พล.ต.อ.พัชรวาท เพื่อเป็นกำลังใจให้กับการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งพล.ต.อ.พัชรวาท ได้มอบเงินทั้งหมดพร้อมเงินสดส่วนตัวอีกจำนวนหนึ่งให้กับ พล.ต.ท.ฉลอง พร้อมกล่าวชมเชยการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำได้อย่างรวดเร็ว